อัมมาน (Amman, عمان) เป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์แดนที่มีประวัติความเป็นมาหลายพันปี แม้ว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมองข้ามที่นี่ไป และมุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยและน่าสนใจกว่าอย่างเช่น เพตรา หรือ ทะเลทรายวาดิรัม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอัมมานไม่มีอะไรน่าสนใจครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับอัมมานคร่าวๆ และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
ความเป็นมาของกรุงอัมมาน (Amman)
กรุงอัมมาน (Amman) เป็นเมืองที่เก่าแก่มาก ประวัติความเป็นมาของที่นี่ย้อนไปได้ถึงยุคหินใหม่ นักประวัติศาสตร์พบว่าเคยมีชุมชนอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อ 9,000 ปีก่อนแล้วครับ
จากชุมชนยุคหินดังกล่าว อัมมานได้กลายเป็นเมืองที่ใหญ่ขึ้น และได้กลายเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร Ammonite ในช่วง 1300 ปีก่อนคริสตกาล รวมไปถึงเมืองค้าขายที่สำคัญเพราะตั้งอยู่บนเส้นทางกองคาราวานระหว่างอียิปต์และเมโสโปเตเมียครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองนี้ คือการที่เมืองได้ปรากฏในพระคัมภีร์เก่าอยู่หลายตอนด้วยกันครับ
ด้วยความที่ตัวเมืองรุ่งเรืองมาก อัมมานจึงถูกยึดครองโดยจักรวรรดิใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอัสซีเรียน บาบิโลน เปอร์เซีย และปิดท้ายด้วยจักรวรรดิมาซิโดเนียของอเล็กซานเดอร์มหาราชครับ
หลังจากที่อเล็กซานเดอร์มหาราชสวรรคต จักรวรรดิของพระองค์ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ ดังนั้นอัมมานจึงอยู่ในการควบคุมของราชวงศ์โตเลมี (Ptolemy) ที่ปกครองอียิปต์ เหล่าฟาโรห์เชื้อสายกรีกจึงได้สร้างเมืองใหม่ขึ้นมาในพื้นที่เดิม และตั้งชื่อให้ว่า “ฟิลาเดลเฟีย” (Philadelphia) ครับ
ต่อมาเมื่อชาวโรมันมีอำนาจก็ได้เข้าปกครองเมืองนี้เป็นเวลานานหลายศตวรรษ ช่วงนี้อัมมานได้กลายเป็นเมืองค้าชายที่รุ่งโรจน์ เพราะชาวโรมันได้สร้างถนนหนทางเชื่อมต่อกับเมืองโดยรอบ ทำให้การสัญจรสะดวกมากขึ้น
ในช่วงศตวรรษที่ 7 ชาวมุสลิมมีชัยครั้งใหญ่เหนือจักรวรรดิโรมันตะวันออก ทำให้ดินแดนในตะวันออกกลางทั้งหมดตกอยู่ในมือของรัฐกาหลิบ ซึ่งได้สร้างสิ่งก่อสร้างมากมายขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นมัสยิดและพระราชวังอันใหญ่โตครับ
อย่างไรก็ดีเมื่อศตวรรษที่ 9 มาถึง ได้มีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งและทำให้เมืองเสียหายอย่างหนักมาก ชาวเมืองจึงอพยพไปอาศัยที่อื่นจำนวนมาก
นับตั้งแต่นั้นจากที่เป็นเมืองใหญ่มาโดยตลอด อัมมานถูกลดระดับเป็นเมืองขนาดเล็กที่ไม่ได้มีความสำคัญใดๆ มากนัก ในช่วงศตวรรษที่ 15 อัมมานก็ถูกทิ้งร้างเป็นเมืองที่ไม่มีใครอยู่อาศัยถาวร เหลือแต่เพียงชาวเบดูอินที่เข้ามาหาแหล่งน้ำที่นี่เป็นพักๆ เท่านั้นครับ
แต่ชะตาของเมืองกลับเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะรัฐบาลออตโตมันได้มีคำสั่งให้ผู้อพยพชาว Circassia จากคอเคซัสย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่ในปี ค.ศ.1878 เมืองอัมมานใหม่จึงถือกำเนิดขึ้น
ภายในเวลาไม่กี่สิบปี อัมมานก็กลายเป็นเมืองการค้าที่สำคัญอีกครั้ง สาเหตุหลักคือรัฐบาลออตโตมันได้สร้างทางหลวง Hejaz Railway เชื่อมดามัสกัสและเมดินา เพื่อทำให้ผู้แสวงบุญเดินทางได้สะดวกขึ้น อัมมานที่เป็นทางผ่านจึงเจริญขึ้นตามไปด้วย
เมื่อประเทศจอร์แดนได้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1946 กษัตริย์อับดุลลาห์ที่ 1 ได้ทรงเลือกอัมมานเป็นเมืองหลวงของประเทศ แต่ประชากรก็ยังไม่มากเท่าไรนัก
จนกระทั่งสงครามหลายครั้งในภูมิภาคได้ก่อให้เกิดผู้อพยพมากมาย และจอร์แดนก็ได้รับเอาไว้เป็นพลเมืองของประเทศ กรุงอัมมานจึงยิ่งกลายเป็นเมืองใหญ่ยิ่งขึ้น และมีประชากรมากกว่า 4 ล้านคนในปัจจุบัน และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ในภูมิภาคอาหรับครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปยังกรุงอัมมานทำอย่างไร?
ปัจจุบันมีสายการบินมากมายที่ให้บริการจากกรุงเทพไปยังกรุงอัมมาน ในตอนที่ผมไปเที่ยวจอร์แดนนั้น ผมได้ใช้บริการสายการบิน Royal Jordanian (3 ดาว Skytrax) ซึ่งเป็นเที่ยวบินตรง เพราะฉะนั้นจะประหยัดเวลามากที่สุดครับ
นอกจากนี้คุณสามารถใช้บริการสายการบินอย่าง Qatar Airways หรือว่า Emirates (5 ดาว Skytrax) ได้เช่นกัน แต่ว่าจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง 1 ครั้งครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความเลือกสายการบินไปจอร์แดนของผมครับ
การสัญจรในกรุงอัมมานทำอย่างไร?
ภายในกรุงอัมมานมีรถบัสและแท็กซี่ให้บริการ ซึ่งถ้าว่ากันด้วยเรื่องความสะดวกสบายแล้ว คุณควรจะใช้รถแท็กซี่เป็นหลักในการเดินทางไปไหนมาไหนครับ
แต่ถ้าคุณวางแผนจะไปเมืองรอบๆ ด้วยอย่างเช่น มาดาบาและเจราช หรือว่าไปเมืองไกลๆ อย่างเช่น อคาบาและเพตรา การเช่ารถเที่ยวจะช่วยประหยัดทั้งค่าเดินทางและค่าเสียเวลาอย่างมากเลยครับ
ที่พัก
สำหรับใครที่ได้ยังไม่ได้จองที่พักในเมือง ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักอัมมานน่าจองของผมเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการตัดสินใจครับ
1. ป้อมปราการอัมมาน
ป้อมปราการอัมมาน (Amman Citadel) เป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนภูเขาเหนือเมือง ตัวป้อมเก่าแก่มาก เพราะสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุคที่ชาว Ammonite ปกครองเมืองนี้ และได้รับการสร้างเพิ่มเติมมาทุกยุคทุกสมัยครับ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ ถ้าคุณมาเที่ยวที่นี่ คุณจะเห็นโบราณสถานที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโรมัน และมุสลิมครับ
จุดที่น่าสนใจจุดแรกก็คือ Temple of Hercules หรือวิหารที่สักการะวีรบุรุษเฮอร์คิวลิส ปัจจุบันเหลือเสาโรมันที่สมบูรณ์อยู่สองต้น และซากเสาอีก 4 ต้น ในอดีตเชื่อว่ามีรูปปั้นสูง 12 เมตรของวีรบุรุษผู้นี้ตั้งอยู่ด้วย แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปสองพันปี สิ่งที่เหลืออยู่จึงเป็นนิ้วสามนิ้วเท่านั้นครับ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ Byzantine Church หรือโบสถ์คริสต์ในยุคไบแซนไทน์ ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 6 ป้จจุบันตัวโบสถ์ได้รับความเสียหายมาก เหลือแต่โครงอาคาร และโมเสกบางส่วนเท่านั้นครับ
จุดสุดท้ายในป้อมปราการแห่งนี้ที่น่าสนใจคือ Umayyad Palace หรือวังขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในยุคที่ชาวมุสลิมปกครอง ในอดีตตัวพระราชวังแห่งนี้ใหญ่กว่าที่เห็นทุกวันนี้ แต่โชคร้ายที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ถึงกระนั้นตัวอาคารก็ยังถือว่าสมบูรณ์กว่าที่อื่นครับ
ก่อนที่คุณจะเดินทางออกจากที่นี่ไป ผมแนะนำให้ไปชม Jordan Archaeological Museum หรือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่ค้นพบในประเทศจอร์แดนครับ ไฮไลท์ของที่นี่คือ ʿAin Ghazal Statues หรือรูปปั้นรูปคนอายุ 9,000 ปี ซึ่งน่าจะเก่าแก่ที่สุดในโลกครับ
2. โรงละครโรมัน
โรงละครโรมัน (Roman Theatre) คือโบราณสถานที่หลงเหลือมาจากยุค “ฟิลาเดลเฟีย” หรือช่วงที่ชาวกรีก-โรมันปกครองกรุงอัมมาน
ตัวโรงละครนั้นมีขนาดใหญ่ และจุผู้คนได้ถึง 6,000 คนครับ ด้านล่างที่ใกล้เวทีที่สุดจะเห็นที่นั่งของเหล่าแม่ทัพและผู้นำทางทหาร ส่วนพลเรือนจะนั่งสูงขึ้นไปครับ
ถ้าสังเกตดีๆ ตัวโรงละครจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อที่จะคนดูจะไม่ต้องกังวลเรื่องแดดมากนัก ปัจจุบันที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตกลางแจ้งครับ
นอกจากนี้ในโรงละครยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจสองแห่ง อย่าง Jordan Folklore Museum และ Jordanian Museum of Popular Traditions ซึ่งจะเล่าเรื่องราว ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม และตำนานต่างๆ ใครที่สนใจสามารถไปเข้าชมได้ครับ
3. Al-Husseini Mosque
Al-Husseini Mosque เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในอัมมาน ตัวมัสยิดสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1924 ทับพื้นที่เก่าแก่ซึ่งเคยเป็นมัสยิดมาก่อนในยุคที่ราชวงศ์ Umayyad ปกครองพื้นที่แถบนี้ครับ
ปัจจุบันที่นี่ยังคงความสวยงาม และเป็นสถานที่ซึ่งชาวเมืองมาละหมาดในทุกๆ วันครับ
4. King Hussein Bin Talal Mosque
King Hussein Bin Talal Mosque เป็นมัสยิดอายุเกือบ 100 ปีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดน โดยได้รับการสร้างขึ้นในปี ค.ศ.2005
ทั้งด้านในและด้านนอกได้รับการก่อสร้างอย่างสวยงามอลังการในแบบสถาปัตยกรรม Umayyad ครับ เนื่องจากมัสยิดอยู่บนที่สูง คุณสามารถมองเห็นมัสยิดแห่งนี้ได้จากแทบทุกส่วนของกรุงอัมมาน เพราะฉะนั้นเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองอีกแห่งหนึ่งได้เลยทีเดียว
5. เที่ยวชมตลาด
การเดินทางมาประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นยากที่จะสมบูรณ์ ถ้าคุณไม่ได้มาชมตลาด (Souq) ครับ ทั้งนี้ในกรุงอัมมานมีตลาดน่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วยกัน อาทิเช่น
- Souq al-sukar – ตลาดที่ขายผักผลไม้สด เหมาะกับการซื้ออินทผลัม รวมไปถึงผลไม้คุณภาพดีอื่นๆ ครับ
- Souq Jarar – ตลาดฤดูร้อนที่เปิดในช่วงวันศุกร์ ที่นี่มีสตรีทฟู้ดขายมากมาย เช่นเดียวกับการแสดงต่างๆ ให้ชมครับ
สำหรับใครที่อยากเดินช้อปปิ้งหรือหาอะไรอร่อยๆ รับประทาน คุณสามารถไปที่ถนนคนเดินอย่าง Rainbow Street ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนที่เก่าแก่ที่สุดในอัมมานได้ครับ ที่นี่มีร้านอาหารมากมายให้เลือกทีเดียว
6. Iraq al-amir
Iraq al-amir เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอัมมาน จุดเด่นของที่นี่คือเก่าแก่มาก และเป็นไม่กี่สถานที่ที่หลงเหลือมาจากก่อนยุคโรมันครับ
ที่นี่มีมนุษย์อาศัยอยู่มานานหลายพันปี แต่ไฮไลท์นั้นจะเป็น Qasr-al-Abd หรือพระราชวังแบบ Hellenistic ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์พอสมควร ซึ่งหาชมยากมากครับ
นอกจากนี้ในเขตโบราณสถานยังมีโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในถ้ำอีกด้วย แต่ปิดทำการเพราะว่าทีมโบราณคดีกำลังตรวจสอบและขุดค้นอยู่ครับ
7. ชิมอาหารจอร์แดน
แม้ว่าอาหารจอร์แดนจะมีให้รับประทานทั่วทั้งประเทศ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมแล้ว ผมมองว่าที่อื่นนั้นรสชาติสู้กับที่กรุงอัมมานไม่ได้เลยครับ
เพราะฉะนั้นถ้าคุณได้ลองชิมอาหารจอร์แดนแล้วพบว่าไม่ถูกปากเลย ลองดูอีกสักครั้งที่นี่ครับ โดยเฉพาะร้านอย่าง Hashem Restaurant ไม่ว่าจะเป็นเมนูอย่าง Hummus, Falafel หรือเมนูประจำชาติจอร์แดนอย่าง Mansaf ผมได้ลองชิมแล้วรู้สึกถูกปากทีเดียวครับ
References
Affiliate Disclosure: บทความนี้มี Affiliate Links ซึ่งผมจะได้ค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณซื้อหรือจองผ่านลิงค์ในบทความครับ