อาริมะออนเซ็น (Arima Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นที่อยู่ใกล้กับเมืองโกเบในจังหวัดเฮียวโกะของญี่ปุ่น ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมของชาวเมืองโกเบที่มาพักผ่อน แบบเดียวกับโจซังเคออนเซ็นที่อยู่ใกล้กับซัปโปโรครับ
ดังนั้นถ้าคุณมีเวลาที่โกเบไม่นานนัก แต่อยากสัมผัสออนเซ็นโบราณของญี่ปุ่น ที่นี่ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว เรามาดูกันดีกว่าครับว่าอาริมะออนเซ็นมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
รู้จักอาริมะออนเซ็น (Arima Onsen)
อาริมะออนเซ็นเป็นหนึ่งในเมืองออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เช่นเดียวกับชิราฮามะออนเซ็นในจังหวัดวากายามะ โดยหลักฐานสมัยนาราหลายเล่มได้กล่าวถึงเมืองแห่งนี้ ทำให้อายุของที่นี่อยู่ที่ประมาณ 1,200 ปีครับ
ตามตำนานเล่าว่าอาริมะออนเซ็นได้ถูกค้นพบโดยเทพเจ้าสององค์ได้แก่ เทพเจ้าไดโคคุเต็น หนึ่งในเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคและสุคุนะบิโคนะ โนะ มิโคโตะ เทพเจ้าแห่งยารักษาโรค โดยทั้งสองได้เดินทางมาที่อาริมะและได้เห็นว่านกที่บาดเจ็บสามตัวได้บินลงมาอาบน้ำในบ่อน้ำแร่ที่นี่ และได้หายจากอาการดังกล่าวแบบเป็นปลิดทิ้งครับ
ทว่าในหน้าประวัติศาสตร์นั้น ที่นี่มีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะจักรพรรดิโจเมอิได้เสด็จประพาสอาริมะออนเซ็นที่เสด็จมาเยือนอยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่จะเสื่อมความนิยมลงไป และเฟื่องฟูกลับมาอีกเพราะพระเกียวคิ (Gyoki) ภิกษุในศาสนาพุทธที่ได้พัฒนาเมืองออนเซ็นแห่งนี้ รวมไปถึงสร้างศาสนสถานที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองอีกด้วย
หลังจากยุคพระเกียวคิ อาริมะออนเซ็นผจญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ในยุคคามาคุระจนถึงกับต้องกลายเป็นเมืองร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่นานหลายร้อยปี จนกระทั่งสมัยศตวรรษที่ 12 พระนินไซ (Ninsai) ได้กลับมาฟื้นฟูที่นี่ให้เป็นเมืองอีกครั้งหนึ่ง รวมไปถึงพัฒนาเรียวกังโบราณขึ้นมารองรับผู้คนเช่นเดิม
ด้วยความที่การพัฒนาเมืองนั้นเกี่ยวพันอย่างยิ่งกับศาสนาพุทธ ทำให้อาริมะออนเซ็นมีวัดวาอารามมากมาย และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นออนเซ็นที่มี background อิงกับพุทธศาสนามากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ครับ
ในช่วงยุคเซ็นโกกุนั้น ที่นี่เป็นออนเซ็นที่ฮิเดโยชิ โทโยโตมิโปรดปรานมาก ดังนั้นเขาจึงให้บูรณะอาคารบ้านเรือนในอาริมะออนเซ็นขนาดใหญ่ พร้อมกับสร้างบ้านพักและโรงชาขึ้นที่นี่อีกด้วยครับ
ตลอดสมัยเอโดะและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน อาริมะออนเซ็นเป็นเมืองออนเซ็นที่รองรับนักเดินทางมากมาย ตั้งแต่เชื้อพระวงศ์ไปจนถึงสามัญชนครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปยังอาริมะออนเซ็นทำอย่างไร?
วิธีการเดินทางไปอาริมะออนเซ็นที่ง่ายที่สุดคือไปจากเมืองโกเบ โดยใช้ JR Bus หรือ Hankyu Bus จาก Sannomiya Station ส่วนโอซาก้าและเกียวโตนั้นทั้ง JR Bus/Hankyu Bus ก็มีบริการรถบัสโดยตรงไปยังอาริมะออนเซ็นเช่นกันครับ
อย่างไรก็ดีรอบรถบัสมีการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ผมแนะนำให้เช็คกับเว็บ Japan Bus Online หรือ Hankyu Bus ก่อนที่จะวางแผนเดินทางครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก Arima Hot Springs Tourism Association โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทางเพื่อ confirm ให้แน่ใจจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาดครับ
ที่พัก
สำหรับใครสนใจที่จะพักที่นี่ ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักอาริมะออนเซ็นของผมเพื่อช่วยในการตัดสินใจครับ
1. วัดออนเซ็น
วัดออนเซ็น หรือออนเซ็นจิ (Onsen-ji) เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นโดยพระเกียวคิ โดยมีพระพุทธรูปองค์เท่าคนจริงขององค์พระพุทธเจ้ายาคุชิเนียวไร ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าแห่งการรักษาโรคตามความเชื่อของญี่ปุ่น
ที่นี่เป็นหนึ่งในปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดของอาริมะออนเซ็น ในสมัยเอโดะนั้น นักเดินทางจะมาสักการะองค์พระพุทธเจ้านี้ก่อนที่จะลงไปแช่ออนเซ็น นัยว่าอาศัยพุทธคุณในการช่วยเหลือในการรักษาโรคครับ
2. สวนจุยโฮจิ
สวนจุยโฮจิ (Zuihoji Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนที่สูงทางตะวันออกของอาริมะออนเซ็น ที่นี่เป็นสวนแสนรักของฮิเดโยชิ โทโยโตมิ ซึ่งในอดีตเคยเชิญปรมาจารย์ชงชาให้มาจัดพิธีชงชาที่นี่อยู่บ่อยครั้งครับ
ปัจจุบันสวนจุยโฮจิเป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของจังหวัดเฮียวโกะ และถ้าอยากใครอยากสัมผัสการชงชาแบบโบราณ คุณสามารถเข้าร่วมเทศกาลได้ในช่วงวันที่ 2-3 พฤศจิกายนของทุกปีครับ
3. วัดและศาลเจ้าอื่นๆ
ด้วยความที่มีประวัติที่เกี่ยวพันกับศาสนา ทำให้อาริมะออนเซ็นมีวัดและศาลเจ้าจำนวนมาก ซึ่งควรค่าต่อการไปเยือนอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น
- Tosen Shrine – ศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าทั้งสองที่เชื่อกันว่าเป็นผู้ค้นพบอาริมะออนเซ็น
- Zenpukuji Temple – วัดโบราณที่มีต้นซากุระที่มีอายุกว่า 200 ปี
- Arima Inari Shrine – ศาลเจ้าโบราณที่สร้างขึ้นยังจุดที่อดีตจักรพรรดิเคยเสด็จประพาสเมื่อพันกว่าปีก่อน
4. สวนชินซุย
สวนชินซุย (Arima River Shinsui Park) เป็นสวนที่ตั้งอยู่ใจกลางอาริมะออนเซ็น ตัวสวนตั้งอยู่ริมแม่น้ำอาริมะและเป็นสถานที่จัดเทศกาลซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
เหนือตัวสวนคือสะพานสีแดงชื่อสะพานเนเน (Nene Bridge) ซึ่งตั้งชื่อตามภรรยาของฮิเดโยชิครับ สะพานแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองครับ
5. ถนนซากุระ
ถนนซากุระ (Cherry Tree Street) เป็นถนนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอาริมะ โดยตั้งอยู่ระหว่างสะพานไทโกะ (Taiko Bridge) และสะพานโอโตคุระ (Otokura Bridge) โดยสองฟากฝั่งของถนนนั้นจะมีการปลูกต้นซากุระเรียงรายกันไป ซึ่งจะบานให้ชมอย่างสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิครับ
6. แช่ออนเซ็น
ชาวเมืองอาริมะล้วนแต่ภาคภูมิใจในคุณภาพของน้ำแร่ที่เมืองของตนว่าไม่ได้ด้อยกว่าที่ใดในญี่ปุ่น โดยมีน้ำพุร้อนสองแบบด้วยกันได้แก่แบบคินเซ็นหรือแบบทองคำ และแบบกินเซ็น หรือแบบเงินครับ
ทั้งนี้แบบแรกจะมีธาตุเหล็กและเกลือสูง (มากกว่าน้ำทะเลทั่วไปถึงสองเท่า) ทำให้สีของน้ำแร่นั้นเป็นสีน้ำตาลแดง ซึ่งน้ำชนิดนี้จะได้รับความนิยมในหมู่สตรีที่ต้องการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นครับ
ส่วนแบบกินเซ็นนั้นจะแยกย่อยไปได้อีกสองแบบ ทว่าแต่ละแบบจะเป็นแบบสีใสไร้สี แต่มีส่วนผสมของเรเดียมสูง น้ำแร่ชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยบำรุงการไหลเวียนโลหิต และกระตุ้น metabolism ครับ
ภายในอาริมะออนเซ็นมีเรียวกังและโรงอาบน้ำหลายแห่งที่คุณสามารถไปแช่ได้ อย่างเช่น
- Goshobo – เรียวกังเก่าแก่ที่เชื่อกันว่ามีประวัติอย่างน้อย 800 ปี ที่นี่มีน้ำแบบคินเซ็นให้คุณได้แช่ครับ ในอดีตโชกุนอาชิคางะเคยเดินทางมาพำนักที่นี่ครับ
- Kin no Yu – โรงอาบน้ำโบราณที่มีประวัติย้อนไปถึงสมัยเอโดะ แต่ได้รับการสร้างใหม่ในสไตล์ตะวันตกครับ มีน้ำแร่แบบคินเซ็นให้แช่
- Gin no Yu – โรงอาบน้ำที่เปิดใหม่ในช่วงปี 2001 โดยจะมีน้ำแร่แบบกินเซ็นให้แช่ครับ
References
- Arima Onsen Official Site