อาชิคางะ (Ashikaga, 足利) เป็นเมืองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิงิของญี่ปุ่น ที่นี่เป็นที่ตั้งของสวนอาชิคางะ (Ashikaga Park) ซึ่งมีดอก wisteria ที่อันสุดแสนจะงดงาม และเป็นสถานที่สำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาที่นี่ครับ
อย่างไรก็ดีเมืองนี้ไม่ได้มีสิ่งที่น่าสนใจแค่นั้นครับ บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองนี้คร่าวๆ ก่อนที่จะว่ากันถึงสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองอาชิคางะ (Ashikaga)
สำหรับใครที่เคยอ่านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมาบ้าง น่าจะคุ้นเคยกับชื่อเมืองนี้ เพราะว่าเป็นคำเดียวกับรัฐโชกุนอาชิคางะที่ปกครองญี่ปุ่นมานานกว่าสองศตวรรษครับ
ตัวเมืองแห่งนี้มีความเกี่ยวพันกับรัฐโชกุนอยู่พอสมควร นั่นก็เพราะผู้พัฒนาเมืองนีัในช่วงยุคเฮอันอย่างมินาโมโตะ โยชิคุนิ นั้นเป็นบรรพบุรุษของตระกูลอาชิคางะซึ่งได้ปกครองที่นี่อยู่นานนับศตวรรษก่อนที่จะขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 14
ตลอดหน้าประวัติศาสตร์นั้น เมืองอาชิคางะเป็นเมืองอันดับต้นๆ ของประเทศในเรื่องการศึกษา แต่ความสำคัญทางการเมืองนั้นไม่ค่อยปรากฏเท่าใดนักครับ หลังจากที่รัฐบาลเมจิล้มเลิกระบอบไดเมียว เมืองแห่งนี้ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดโทชิงิมาจนถึงทุกวันนี้
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองอาชิคางะทำอย่างไร?
ชินคันเซน – ขั้นแรกคุณจะต้องนั่ง Tohoku Shinkansen (ขบวน Nasuno ทุกขบวน และ Yamabiko บางขบวน) จากโตเกียวไปยัง Oyama Station หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็น Ryomo Line เพื่อเข้าเมืองอาชิคางะครับ
วิธีนี้สามารถเดินทางไปอาชิคางะใช้กับทุกเมืองที่ชินคันเซนนี้สายนี้ผ่านอย่างเช่น เซนได, โมริโอกะ หรือ โคริยามะได้เช่นกัน แต่ถ้าเดินทางไปจากสองเมืองแรก คุณจะมีตัวเลือกแค่ขบวน Yamabiko เท่านั้นครับ (ถ้าไม่ต้องการเปลี่ยนรถ เนื่องจากขบวน Nasuno ให้บริการแค่ช่วง Tokyo-Koriyama ครับ)
รถบัส – ผู้ให้บริการอย่างเช่น Chibakotsu นั้นให้เคยให้บริการรถรับส่งจากโตเกียวไปยังอาชิคางะ (Salvia) แต่โดนยกเลิกไปเพราะสถานการณ์โรคระบาด โปรดตรวจสอบที่ต้นทางอีกครั้ง เพราะอาจจะเปิดให้บริการใหม่ครับ
เช่ารถขับ – คุณสามารถเช่ารถและขับจากโตเกียวไปยังอาชิคางะได้ โดยระยะทางอยู่ที่ 110 กิโลเมตรเท่านั้นครับ ข้อดีก็คือคุณจะไม่มีปัญหาเรื่องการสัญจรในเมืองอีกเลย และยังขับไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ในจังหวัดโทชิงิได้อีกด้วย อย่างเช่น นิกโก้ หรือนาสุเป็นต้น
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก Ashikaga Kankou หรือเว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวอาชิคางะ ผมแนะนำอย่างยิ่งให้ตรวจสอบที่ต้นทางก่อนครับ เพราะข้อมูลอาจจะเปลี่ยนแปลงได้
1. สวนดอกไม้อาชิคางะ
สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) เป็นสวนดอก wisteria ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีกว่าหลายร้อยต้น บางต้นอายุมากกว่า 150 ปี ทั้งนี้ดอกของมันจะบานสะพรั่งในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมครับ
บางจุดนั้นดอก wisteria ได้รับการจัดเรียงอย่างสวยงามมาก อย่างเช่นคุณจะได้เดินลอดผ่านโถงหรืออุโมงค์ที่ปกคลุมด้วยดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืมเลยครับ
ทั้งนี้สวนแห่งนี้ยังมีดอกไม้อื่นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ทิวลิป ไอริส ฯลฯ เพราะฉะนั้นไม่ว่าไปช่วงไหนก็จะมีดอกไม้ให้ชมอย่างแน่นอนครับ
ต่างจากสวนแห่งอื่น ช่วงฤดูหนาว (ธันวาคมถึงปลายมกราคม) กลับเป็นไฮไลท์ของสวนแห่งนี้ครับ เพราะมีจัดงาน Bejeweled Flower Garden โดยจะมีการประดับประดาไฟในช่วงกลางคืน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าสวยและอลังการเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
สำหรับค่าเข้าชมนั้นจะแปรตามช่วงและการบานของดอกไม้ (ดอกไม้บานสะพรั่งดี ค่าเข้าชมจะแพง) โดยจะอยู่ที่ 400-2,100 เยนครับ โดยส่วนตัวผมมองว่าระบบนี้แฟร์ดีครับ
ตรวจสอบสถานะการบานของดอกไม้และข้อมูลอื่นๆ ได้จากเว็บ Ashikaga.co.jp ครับ
2. Ashikaga Gakko
Ashikaga Gakko เป็นสถานศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้อาชิคางะมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งแผ่นดินในฐานะเมืองการศึกษาของประเทศ
ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าตัวสถานศึกษาสร้างขึ้นเมื่อใด แต่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นศตวรรษที่ 9 ทำให้มีอายุมากกว่า 1,100 ปีเลยทีเดียว ในช่วงยุคทอง (ก่อนศตวรรษที่ 15) นั้น ที่นี่มีนักเรียนนักศึกษากว่าสามพันคน และสอนความรู้เกี่ยวกับวรรณกรรม การปกครอง ปรัชญาตามแนวทางจีนเสียเป็นส่วนใหญ่
ทว่าตัวโรงเรียนเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ช่วงยุคเอโดะ จนสุดท้ายอาคารเก่าแก่ก็ถูกรื้อจนโรงเรียนมีสถานะเป็นแค่ห้องสมุดในช่วงยุคเมจิ ก่อนที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะเข้ามาดูแลรักษาที่นี่ในฐานะโบราณสถาน และได้เริ่มบูรณะและปรับปรุงพื้นที่สถานศึกษาให้เหมือนกับสมัยเอโดะครับ
ปัจจุบันคุณยังสามารถเข้าชมตัวโรงเรียน รวมไปถึงวัดขงจื้อที่อยู่ด้านในได้ เพื่อสัมผัสว่าในอดีตนักเรียนที่นี่ใช้ชีวิตกันอย่างไร นอกจากนี้สวนญี่ปุ่นด้านในก็สวยงามทีเดียวครับ
ค่าเช้าชม: 420 เยน
3. วัดบันนาจิ
วัดบันนาจิ (Bannaji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่ต้นตระกูลอาชิคางะสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1196 เพื่อสักการะบูชาพระพุทธเจ้าไดนิจิเนียวไร (หรือไวโรจนะในภาษาสันสกฤต) หลังจากนั้นก็ได้มีการสร้างแต่งเติมในยุคต่อมา ทำให้ที่นี่กลายเป็นวัดประจำตระกูลอาชิคางะครับ
นอกจากตัววัดแล้ว ด้านในยังมีบ้านซามูไรหลงเหลือมาจากยุคคามาคุระ และต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่ที่สวยงามมากครับ
4. พิพิธภัณฑ์คูริตะ
พิพิธภัณฑ์คูริตะ (Kurita Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์เซรามิกขนาดใหญ่ที่จัดแสดงงานเครื่องเซรามิกแบบอิมาริ และนาเบะชิมะจากยุคเอโดะที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง
ถ้าคุณหลงใหลในความสวยงามของโบราณวัตถุ ที่นี่เป็นอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดชมครับ
ค่าเข้าชม: 1,250 เยน
5. วัดและศาลเจ้าอื่นๆ
ด้วยความที่เป็นเมืองเก่าแก่ อาชิคางะมีวัดและศาลเจ้าอื่นๆ ที่อายุเก่าแก่มากกว่า 1,000 ปี ซึ่งคุณสามารถไปเยี่ยมชมได้ ยกตัวอย่างเช่น
- Ashikaga Orihime Shrine – ศาลเจ้าอายุ 1,300 ปีที่ชาวเมืองใช้สักการะเทพเจ้า คู่รักมักเดินทางมาไหว้พระขอพรกันที่นี่เพื่อขอให้ชีวิตการแต่งงานราบรื่นและยืนยาว
- Gyodosan Jinii Temple – วัดที่ตั้งอยู่บนแนวเขาล้อมรอบด้วยภูผาอันสูงชัน ตัววัดใช้เป็นสถานที่สักการะเทพเจ้าแห่งภูเขามานานกว่า 1,300 ปี
References
- Ashikaga Kankou
- Ashikaga.co.jp (เว็บทางการของสวนดอกไม้)