อาตามิ (Atami) หรืออาตามิออนเซ็น (Atami Onsen) เป็นเมืองในจังหวัดชิซุโอกะของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงเรียงนามเรื่องออนเซ็นสืบเนื่องมานานกว่าพันปี นอกจากนี้ที่นี่ไม่ได้มีดีเฉพาะแค่ออนเซ็นเท่านั้น แต่ยังมีธรรมชาติที่สวยงามตลอดจนสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่รวยรุ่มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันน่าค้นหาเป็นที่สุดครับ
ในบทความนี้ผมจึงจะมาแนะนำให้คุณรู้จักกับเมืองอาตามิคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองอาตามิ (Atami)
พื้นที่บริเวณเมืองอาตามินั้นเป็นหลุมยุบที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในช่วงบรรพกาลใกล้กับอ่าวซากามิ ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ค้นพบบ่อออนเซ็นใกล้กับเมือง แต่ที่แน่ๆ ตัวเมืองอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 8 หรือในช่วงยุคนาราเลยครับ
สืบเนื่องจากเวลานั้นมาอีกหนึ่งพันปี อาตามิเป็นเมืองออนเซ็นที่เงียบสงบ และได้รับความนิยมในหมู่ซามูไร รวมไปถึงโชกุน อย่างเช่นมินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะแห่งคามาคุระก็เคยเดินทางมาแช่น้ำผ่อนคลายที่นี่ครับ
ความสงบของอาตามิได้ถูกทำลายลงในปี ค.ศ.1923 เพราะภูมิภาคคันโตเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.9 ริกเตอร์ (จุดศูนย์กลางอยู่ใกล้กับอ่าวซากามิ) ทำให้ตัวเมืองได้รับความเสียหายอย่างหนัก คลื่นสึนามิสูง 11 เมตรได้ถาโถมเข้าสู่ชายฝั่งและทำให้ชาวเมืองอาตามิอย่างน้อยสามร้อยคนจมน้ำเสียชีวิต
หลังสงครามญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นได้พัฒนาเมืองอาตามิให้เป็นเมืองท่องเที่ยวของภูมิภาค ทำให้อาตามิได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สาเหตุสำคัญคือตั้งอยู่ใกล้กับโตเกียวและโยโกฮาม่า และมีสถานีรถไฟชินคันเซนครับ แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเกิดฟองสบู่แตกในช่วงทศวรรษที่ 90 จำนวนนักท่องเที่ยวก็ได้ลดไปบ้าง แต่ก็ยังได้รับความนิยมอย่างสูงจนถึงปัจจุบันครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองอาตามิ (Atami) ทำอย่างไร?
วิธีการเดินทางไปอาตามิจากโตเกียวไม่มีอะไรซับซ้อน โดยมีวิธีการต่อไปนี้
- ชินคันเซน – Tokaido Shinkansen เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเดินทางจากโตเกียวไปยังอาตามิ เพราะคุณสามารถนั่งรถไฟขบวน Kodama (หรือ Hikari บางขบวน) จาก Tokyo Station ไปยัง Atami Station โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาทีเท่านั้นครับ วิธีนี้สามารถใช้กับเมืองอื่นๆ ที่อยู่ในเส้นทางของ Tokaido Shinkansen ได้เช่นกัน อย่างเช่นนาโกย่า เกียวโต โอซาก้า ไปจนถึงฮามามัตสึครับ
- รถไฟ – สำหรับใครอยากที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายลงมาหน่อย คุณสามารถใช้บริการของ Odoriko Express ของ JR East จาก Tokyo Station ไปยัง Atami Station ได้เช่นกัน แต่จะใช้เวลาเดินทาง 80 นาที ซึ่งมากกว่าชินคันเซนครึ่งชั่วโมงครับ
- เช่ารถขับ – อาตามิอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 100 กิโลเมตร ทำให้ขับรถไปได้ไม่ยากเลย แถมยังใช้เส้นทางเดียวกับโอดาวาระและฮาโกเน่ด้วย เพราะฉะนั้นแวะเที่ยวทั้งสองแห่งได้สบายๆ ครับ
ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Atami Hot Spring Ryokan and Hotel Association และ Atami City Tourism Association ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่ต้นทางอีกครั้ง เพราะข้อมูลการเดินทางอาจเปลี่ยนได้ครับ
การสัญจรในเมืองอาตามิทำอย่างไร?
การสัญจรในเมืองนั้นจะใช้รถบัสเป็นหลัก ซึ่งคุณสามารถประหยัดได้ด้วยการซื่อ Atami 1-Day Pass ราคา 800 เยนที่จะครอบคลุมบริการรถบัสในเขตเมืองทั้งหมดครับ
ที่พัก
สำหรับใครที่ยังไม่ได้จองที่พัก และอยากได้ที่พักคุณภาพดี วิวสวย บรรยากาศดี ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักอาตามิน่าจองของผมเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
1. ปราสาทอาตามิ
ปราสาทอาตามิ (Atami Castle) เป็นปราสาทสีขาวที่ตั้งอยู่บนภูเขานิชิคิกะอุระ ซึ่งจากบริเวณปราสาทนั้น คุณจะเห็นวิวสวยๆของท้องทะเลและตัวเมืองได้อย่างสวยงามมาก ด้านในปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บโบราณวัตถุเกี่ยวข้องกับชนชั้นซามูไรไว้จำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับปราสาทญี่ปุ่น และภาพเขียน ukiyo-e ที่คุณสามารถเข้าชมได้ครับ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจเกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้คือ ตัวปราสาทไม่ใช่ของที่สร้างขึ้นเพื่อทดแทนของเดิมที่ถูกทำลายเหมือนกับเมืองปราสาทอื่นๆ ในญี่ปุ่น ในอดีตอาตามิไม่เคยมีปราสาทแต่อย่างใด รัฐบาลญี่ปุ่นได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1959 เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดชมวิวครับ
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปราสาทอาตามิเป็นจุดชมซากุระชั้นยอด เช่นเดียวกับเทศกาลพลุช่วงกลางคืนครับ
ค่าเข้าชม: 900 เยน
2. ศาลเจ้าคิโนะมิยะ
ศาลเจ้าคิโนะมิยะ (Kinomiya Shrine) หรือคิโนะมิยะ จินจา เป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอาตามิ เพราะเป็นที่ตั้งของต้นโอคุสุ (Okusu) ที่เชื่อกันว่าอายุมากกว่า 2,000 ปี และเป็นที่สถิตของเทพเจ้าแห่งโชคลาภและโชคดีครับ
ผู้ศรัทธามักจะมาเดินรอบต้นโอคุสุ ตามความเชื่อแล้วถ้าคุณเดินรอบต้นไม้ต้นนี้ได้หนึ่งรอบ อายุของคุณจะเพิ่มขึ้น 1 ปี และหายจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ ด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าคุณขอพรอันใดไว้และไม่ได้บอกกับผู้ใด พรนั้นจะเป็นจริงครับ
ช่วงกลางคืนนั้น ตัวศาลเจ้าและต้นไม้จะมีการเปิดไฟสว่าง ทำให้บรรยากาศอบอุ่นและสวยงามมากครับ
3. ศาลเจ้าอิสุซัน
ศาลเจ้าอิสุซัน (Isuzan Shrine) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 2,000 ปี โดยศาลเจ้าแห่งนี้มีรูปเคารพหลักคือมังกรสีแดง (ซึ่งเป็นตัวแทนของไฟ) และมังกรสีขาว (ตัวแทนของน้ำ) ตามความเชื่อนั้นมังกรทั้งสองเป็นสิ่งที่ปกป้องน้ำพุร้อนของเมืองอาตามิ และนำมาซึ่งโชคดีให้กับผู้ศรัทธา
ดังนั้นทุกยุคทุกสมัย ที่นี่จึงมีชนชั้นซามูไรเดินทางมาสักการะและขอพร หนึ่งในนั้นคือโตกุกาวะ อิเอยาสึ โชกุนคนแรกของสมัยเอโดะครับ
4. คิอุนคาคุ
คิอุนคาคุ (Kiunkaku) เป็นบ้านพักของชนชั้นสูงนามว่าโนบุยะ ยูชิดะที่ร่ำรวยจากอุตสาหกรรมต่อเรือในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ่ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นที่พักในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งช่วงที่เป็นที่พักนี้เองที่คิอุนคาคุได้รองรับนักเขียนและกวีชั้นนำของญี่ปุ่นหลายคนครับ
ตัวอาคารนั้นสร้างขึ้นสถาปัตยกรรมตะวันตกผสมกับญี่ปุ่นอย่างลงตัว ด้านในมีสวนแบบญี่ปุ่นที่สวยงดงามทั้งสี่ฤดู ถ้าคุณอยากลองสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นในช่วงยุคไทโช-ต้นโชวะ ที่นี่คือสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดไปเยี่ยมเยือนครับ
5. สวนอาตามิไบเอ็น
สวนอาตามิไบเอ็น (Atami Baien) เป็นสวนดอกพลัมที่ออกดอกให้ชมเป็นแห่งแรกๆ ของประเทศในทุกๆ ปี โดยช่วงเทศกาลจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมครับ นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่คือจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่ด้อยกว่าที่ใดในอาตามิอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางคืนที่มีการเปิดไฟส่องสว่างครับ
ภายในสวนนั้นมีบ่อแช่เท้าให้ผ่อนคลาย รวมไปถึงร้านค้าต่างๆ ที่คุณได้หาซื้อของฝากกลับบ้านด้วยครับ
6. MOA Museum
MOA Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาโบราณวัตถุโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานศิลปะของญี่ปุ่น รวมไปถึงผลงานพู่กันและเครื่องแก้วต่างๆ ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่น่าดึงดูดเข้าไปอีกก็คือ ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองอาตามิ เพราะฉะนั้นจากพิพิธภัณฑ์ คุณจะเห็นวิวสวยๆ ของคาบสมุทรอิซุได้แบบพาโนรามาเลยครับ
ไม่เพียงเท่านั้นด้านในพิพิธภัณฑ์ยังมีสวนอีกด้วย ซึ่งในสวนมีต้นซากุระที่จะเบ่งบานให้ชมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสี ปิดท้ายด้วยโรงน้ำชาที่ให้คุณได้ดื่มชาอุ่นๆ และขนมหวานรสชาติดีที่ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายครับ
7. ชมการแสดงของเกอิชา
เมื่อสมัยศตวรรษที่ 20 ที่เมืองอาตามิยังรุ่งโรจน์นั้น ที่นี่มีชื่อเสียงมากในเรื่องของเกกิ (Geigi) หรือเกอิชา ในปัจจุบันนี้คุณยังสามารถไปชมการแสดงแบบดั้งเดิมของพวกเธอ (ที่หาชมได้ยากแล้ว) ได้ที่โรงละคร Atami Gengi Kenban หลังจากการแสดงจบแล้ว คุณยังสามารถถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับพวกเธอได้ด้วยครับ
สำหรับค่าชมการแสดงอยู่ที่ 1,800 เยน (อ้างอิงจากเว็บของโรงละครครับ)
8. ช่องเขาจุคโคคุ
ช่องเขาจุคโคคุ (Jukkoku Pass) เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ใกล้กับเมืองอาตามิ (นั่งรถบัสไปจะใช้เวลาประมาณ 35-40 นาที) เมื่อมาถึงแล้วจะมีเคเบิลคาร์พาคุณขึ้นไปที่จุดชมวิวครับ จากจุดนี้คุณจะเห็นทั้งภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ และอ่าวซากามิได้แบบพาโนรามา แถมด้านบนยังมีคาเฟ่ที่ให้คุณนั่งชมทิวทัศน์ได้แบบยาวๆ อีกด้วย
ค่าใช้จ่ายในการขึ้นรถไฟจะอยู่ที่ 730 เยน ถ้าสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บของ Jukkoku Cable Car ครับ
9. เทศกาลดอกไม้ไฟอาตามิ
เทศกาลดอกไม้ไฟอาตามิ (Atami Waterfront Fireworks Festival) เป็นเทศกาลดอกไม้ไฟที่จะจัดขึ้นทั้ง 4 ฤดู แต่ส่วนมากจะอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคมที่เป็นช่วงฤดูร้อน การแสดงจะจัดริมทะเลบริเวณอ่าวอาตามิ ช่วงประมาณสองทุ่มยี่สิบถึงสองทุ่มสี่สิบห้านาทีครับ
ตลอดเวลายี่สิบห้านาทีนั้น ดอกไม้ไฟกว่า 5,000 ดอกจะถูกจุดขึ้นเหนือท้องฟ้าเปล่งประกายไปทั่วทั้งเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโชว์ระดับฟินาเล่ชื่อ Niagara Falls ที่ปิดท้ายเทศกาลด้วยความยิ่งใหญ่อลังการครับ
10. แช่ออนเซ็น
ท้ายที่สุดหลังจากที่คุณได้เที่ยวมาแล้วตลอดทั้งวัน กิจกรรมสุดท้ายที่คุณห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงคือการแช่ออนเซ็นครับ ในเมืองมีทั้งโรงอาบน้ำและเรียวกังที่เปิดให้นักเดินทางเข้าไปแช่โดยที่ไม่ต้องพักค้างคืนอยู่หลายแห่งด้วยกัน น้ำของที่นี่นั้นเยี่ยมยอดมาก และมีชื่อเสียงมากว่าพันปี
เพราะฉะนั้นถ้าคุณชอบแช่ออนเซ็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่เป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาดแบบ 100% เลยครับ
References
- Atami Spa
- Atamijyo (Atami Castle Official Site)
- Visit Atami