หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น10 ที่เที่ยวอาตามิ (Atami) และกิจกรรมน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด

10 ที่เที่ยวอาตามิ (Atami) และกิจกรรมน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

อาตามิ (Atami) หรืออาตามิออนเซ็น (Atami Onsen) เป็นเมืองในจังหวัดชิซุโอกะของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงเรียงนามเรื่องออนเซ็นสืบเนื่องมานานกว่าพันปี นอกจากนี้ที่นี่ไม่ได้มีดีเฉพาะแค่ออนเซ็นเท่านั้น แต่ยังมีธรรมชาติที่สวยงามตลอดจนสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่รวยรุ่มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันน่าค้นหาเป็นที่สุดครับ

ในบทความนี้ผมจึงจะมาแนะนำให้คุณรู้จักกับเมืองอาตามิคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ

รู้จักเมืองอาตามิ (Atami)

พื้นที่บริเวณเมืองอาตามินั้นเป็นหลุมยุบที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในช่วงบรรพกาลใกล้กับอ่าวซากามิ ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ค้นพบบ่อออนเซ็นใกล้กับเมือง แต่ที่แน่ๆ ตัวเมืองอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 8 หรือในช่วงยุคนาราเลยครับ

สืบเนื่องจากเวลานั้นมาอีกหนึ่งพันปี อาตามิเป็นเมืองออนเซ็นที่เงียบสงบ และได้รับความนิยมในหมู่ซามูไร รวมไปถึงโชกุน อย่างเช่นมินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะแห่งคามาคุระก็เคยเดินทางมาแช่น้ำผ่อนคลายที่นี่ครับ

อาตามิ หรือ อาตามิออนเซ็น (Atami Onsen)
by Various images/ShutterStock

ความสงบของอาตามิได้ถูกทำลายลงในปี ค.ศ.1923 เพราะภูมิภาคคันโตเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.9 ริกเตอร์ (จุดศูนย์กลางอยู่ใกล้กับอ่าวซากามิ) ทำให้ตัวเมืองได้รับความเสียหายอย่างหนัก คลื่นสึนามิสูง 11 เมตรได้ถาโถมเข้าสู่ชายฝั่งและทำให้ชาวเมืองอาตามิอย่างน้อยสามร้อยคนจมน้ำเสียชีวิต

หลังสงครามญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นได้พัฒนาเมืองอาตามิให้เป็นเมืองท่องเที่ยวของภูมิภาค ทำให้อาตามิได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สาเหตุสำคัญคือตั้งอยู่ใกล้กับโตเกียวและโยโกฮาม่า และมีสถานีรถไฟชินคันเซนครับ แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเกิดฟองสบู่แตกในช่วงทศวรรษที่ 90 จำนวนนักท่องเที่ยวก็ได้ลดไปบ้าง แต่ก็ยังได้รับความนิยมอย่างสูงจนถึงปัจจุบันครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปเมืองอาตามิ (Atami) ทำอย่างไร?

วิธีการเดินทางไปอาตามิจากโตเกียวไม่มีอะไรซับซ้อน โดยมีวิธีการต่อไปนี้

  • ชินคันเซน – Tokaido Shinkansen เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเดินทางจากโตเกียวไปยังอาตามิ เพราะคุณสามารถนั่งรถไฟขบวน Kodama (หรือ Hikari บางขบวน) จาก Tokyo Station ไปยัง Atami Station โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาทีเท่านั้นครับ วิธีนี้สามารถใช้กับเมืองอื่นๆ ที่อยู่ในเส้นทางของ Tokaido Shinkansen ได้เช่นกัน อย่างเช่นนาโกย่า เกียวโต โอซาก้า ไปจนถึงฮามามัตสึครับ
  • รถไฟ – สำหรับใครอยากที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายลงมาหน่อย คุณสามารถใช้บริการของ Odoriko Express ของ JR East จาก Tokyo Station ไปยัง Atami Station ได้เช่นกัน แต่จะใช้เวลาเดินทาง 80 นาที ซึ่งมากกว่าชินคันเซนครึ่งชั่วโมงครับ
  • เช่ารถขับ – อาตามิอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 100 กิโลเมตร ทำให้ขับรถไปได้ไม่ยากเลย แถมยังใช้เส้นทางเดียวกับโอดาวาระและฮาโกเน่ด้วย เพราะฉะนั้นแวะเที่ยวทั้งสองแห่งได้สบายๆ ครับ

ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Atami Hot Spring Ryokan and Hotel Association และ Atami City Tourism Association ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่ต้นทางอีกครั้ง เพราะข้อมูลการเดินทางอาจเปลี่ยนได้ครับ

การสัญจรในเมืองอาตามิทำอย่างไร?

การสัญจรในเมืองนั้นจะใช้รถบัสเป็นหลัก ซึ่งคุณสามารถประหยัดได้ด้วยการซื่อ Atami 1-Day Pass ราคา 800 เยนที่จะครอบคลุมบริการรถบัสในเขตเมืองทั้งหมดครับ

ที่พัก

สำหรับใครที่ยังไม่ได้จองที่พัก และอยากได้ที่พักคุณภาพดี วิวสวย บรรยากาศดี ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักอาตามิน่าจองของผมเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ

1. ปราสาทอาตามิ

ปราสาทอาตามิ (Atami Castle) เป็นปราสาทสีขาวที่ตั้งอยู่บนภูเขานิชิคิกะอุระ ซึ่งจากบริเวณปราสาทนั้น คุณจะเห็นวิวสวยๆของท้องทะเลและตัวเมืองได้อย่างสวยงามมาก ด้านในปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บโบราณวัตถุเกี่ยวข้องกับชนชั้นซามูไรไว้จำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับปราสาทญี่ปุ่น และภาพเขียน ukiyo-e ที่คุณสามารถเข้าชมได้ครับ

ปราสาทอาตามิ (Atami Castle)
by yukken/ShutterStock

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจเกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้คือ ตัวปราสาทไม่ใช่ของที่สร้างขึ้นเพื่อทดแทนของเดิมที่ถูกทำลายเหมือนกับเมืองปราสาทอื่นๆ ในญี่ปุ่น ในอดีตอาตามิไม่เคยมีปราสาทแต่อย่างใด รัฐบาลญี่ปุ่นได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1959 เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดชมวิวครับ

ปราสาทอาตามิในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
by takayan/ShutterStock

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปราสาทอาตามิเป็นจุดชมซากุระชั้นยอด เช่นเดียวกับเทศกาลพลุช่วงกลางคืนครับ

ค่าเข้าชม: 900 เยน

2. ศาลเจ้าคิโนะมิยะ

ศาลเจ้าคิโนะมิยะ (Kinomiya Shrine) หรือคิโนะมิยะ จินจา เป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอาตามิ เพราะเป็นที่ตั้งของต้นโอคุสุ (Okusu) ที่เชื่อกันว่าอายุมากกว่า 2,000 ปี และเป็นที่สถิตของเทพเจ้าแห่งโชคลาภและโชคดีครับ

ศาลเจ้าคิโนะมิยะ
by b-hide the scene/ShutterStock

ผู้ศรัทธามักจะมาเดินรอบต้นโอคุสุ ตามความเชื่อแล้วถ้าคุณเดินรอบต้นไม้ต้นนี้ได้หนึ่งรอบ อายุของคุณจะเพิ่มขึ้น 1 ปี และหายจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ ด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าคุณขอพรอันใดไว้และไม่ได้บอกกับผู้ใด พรนั้นจะเป็นจริงครับ

ช่วงกลางคืนนั้น ตัวศาลเจ้าและต้นไม้จะมีการเปิดไฟสว่าง ทำให้บรรยากาศอบอุ่นและสวยงามมากครับ

3. ศาลเจ้าอิสุซัน

ศาลเจ้าอิสุซัน (Isuzan Shrine) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 2,000 ปี โดยศาลเจ้าแห่งนี้มีรูปเคารพหลักคือมังกรสีแดง (ซึ่งเป็นตัวแทนของไฟ) และมังกรสีขาว (ตัวแทนของน้ำ) ตามความเชื่อนั้นมังกรทั้งสองเป็นสิ่งที่ปกป้องน้ำพุร้อนของเมืองอาตามิ และนำมาซึ่งโชคดีให้กับผู้ศรัทธา

ศาลเจ้าอิสุซัน
by rinko3/ShutterStock

ดังนั้นทุกยุคทุกสมัย ที่นี่จึงมีชนชั้นซามูไรเดินทางมาสักการะและขอพร หนึ่งในนั้นคือโตกุกาวะ อิเอยาสึ โชกุนคนแรกของสมัยเอโดะครับ

4. คิอุนคาคุ

คิอุนคาคุ (Kiunkaku) เป็นบ้านพักของชนชั้นสูงนามว่าโนบุยะ ยูชิดะที่ร่ำรวยจากอุตสาหกรรมต่อเรือในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ่ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นที่พักในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งช่วงที่เป็นที่พักนี้เองที่คิอุนคาคุได้รองรับนักเขียนและกวีชั้นนำของญี่ปุ่นหลายคนครับ

คิอุนคาคุ
by T.Kai/ShutterStock

ตัวอาคารนั้นสร้างขึ้นสถาปัตยกรรมตะวันตกผสมกับญี่ปุ่นอย่างลงตัว ด้านในมีสวนแบบญี่ปุ่นที่สวยงดงามทั้งสี่ฤดู ถ้าคุณอยากลองสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นในช่วงยุคไทโช-ต้นโชวะ ที่นี่คือสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดไปเยี่ยมเยือนครับ

5. สวนอาตามิไบเอ็น

สวนอาตามิไบเอ็น (Atami Baien) เป็นสวนดอกพลัมที่ออกดอกให้ชมเป็นแห่งแรกๆ ของประเทศในทุกๆ ปี โดยช่วงเทศกาลจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมครับ นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่คือจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่ด้อยกว่าที่ใดในอาตามิอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางคืนที่มีการเปิดไฟส่องสว่างครับ

สวนอาตามิไบเอ็น
by Princess_Anmitsu/ShutterStock

ภายในสวนนั้นมีบ่อแช่เท้าให้ผ่อนคลาย รวมไปถึงร้านค้าต่างๆ ที่คุณได้หาซื้อของฝากกลับบ้านด้วยครับ

6. MOA Museum

MOA Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาโบราณวัตถุโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานศิลปะของญี่ปุ่น รวมไปถึงผลงานพู่กันและเครื่องแก้วต่างๆ ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่น่าดึงดูดเข้าไปอีกก็คือ ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองอาตามิ เพราะฉะนั้นจากพิพิธภัณฑ์ คุณจะเห็นวิวสวยๆ ของคาบสมุทรอิซุได้แบบพาโนรามาเลยครับ

ไม่เพียงเท่านั้นด้านในพิพิธภัณฑ์ยังมีสวนอีกด้วย ซึ่งในสวนมีต้นซากุระที่จะเบ่งบานให้ชมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสี ปิดท้ายด้วยโรงน้ำชาที่ให้คุณได้ดื่มชาอุ่นๆ และขนมหวานรสชาติดีที่ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายครับ

7. ชมการแสดงของเกอิชา

เมื่อสมัยศตวรรษที่ 20 ที่เมืองอาตามิยังรุ่งโรจน์นั้น ที่นี่มีชื่อเสียงมากในเรื่องของเกกิ (Geigi) หรือเกอิชา ในปัจจุบันนี้คุณยังสามารถไปชมการแสดงแบบดั้งเดิมของพวกเธอ (ที่หาชมได้ยากแล้ว) ได้ที่โรงละคร Atami Gengi Kenban หลังจากการแสดงจบแล้ว คุณยังสามารถถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับพวกเธอได้ด้วยครับ

สำหรับค่าชมการแสดงอยู่ที่ 1,800 เยน (อ้างอิงจากเว็บของโรงละครครับ)

8. ช่องเขาจุคโคคุ

ช่องเขาจุคโคคุ (Jukkoku Pass) เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ใกล้กับเมืองอาตามิ (นั่งรถบัสไปจะใช้เวลาประมาณ 35-40 นาที) เมื่อมาถึงแล้วจะมีเคเบิลคาร์พาคุณขึ้นไปที่จุดชมวิวครับ จากจุดนี้คุณจะเห็นทั้งภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ และอ่าวซากามิได้แบบพาโนรามา แถมด้านบนยังมีคาเฟ่ที่ให้คุณนั่งชมทิวทัศน์ได้แบบยาวๆ อีกด้วย

ช่องเขาจุคโคคุ จุดชมวิวใกล้กับอาตามิออนเซ็น
by kazu8/ShutterStock

ค่าใช้จ่ายในการขึ้นรถไฟจะอยู่ที่ 730 เยน ถ้าสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บของ Jukkoku Cable Car ครับ

9. เทศกาลดอกไม้ไฟอาตามิ

เทศกาลดอกไม้ไฟอาตามิ (Atami Waterfront Fireworks Festival) เป็นเทศกาลดอกไม้ไฟที่จะจัดขึ้นทั้ง 4 ฤดู แต่ส่วนมากจะอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคมที่เป็นช่วงฤดูร้อน การแสดงจะจัดริมทะเลบริเวณอ่าวอาตามิ ช่วงประมาณสองทุ่มยี่สิบถึงสองทุ่มสี่สิบห้านาทีครับ

เทศกาลดอกไม้ไฟอาตามิ
by Princess_Anmitsu/ShutterStock

ตลอดเวลายี่สิบห้านาทีนั้น ดอกไม้ไฟกว่า 5,000 ดอกจะถูกจุดขึ้นเหนือท้องฟ้าเปล่งประกายไปทั่วทั้งเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโชว์ระดับฟินาเล่ชื่อ Niagara Falls ที่ปิดท้ายเทศกาลด้วยความยิ่งใหญ่อลังการครับ

10. แช่ออนเซ็น

ท้ายที่สุดหลังจากที่คุณได้เที่ยวมาแล้วตลอดทั้งวัน กิจกรรมสุดท้ายที่คุณห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงคือการแช่ออนเซ็นครับ ในเมืองมีทั้งโรงอาบน้ำและเรียวกังที่เปิดให้นักเดินทางเข้าไปแช่โดยที่ไม่ต้องพักค้างคืนอยู่หลายแห่งด้วยกัน น้ำของที่นี่นั้นเยี่ยมยอดมาก และมีชื่อเสียงมากว่าพันปี

เพราะฉะนั้นถ้าคุณชอบแช่ออนเซ็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่เป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาดแบบ 100% เลยครับ

References

  • Atami Spa
  • Atamijyo (Atami Castle Official Site)
  • Visit Atami
Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!