เกาะอาวาจิ (Awaji Island) หรืออาวาจิชิมะ (Awajishima) เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลเซโตะ (Seto Sea) ซึ่งกั้นระหว่างเกาะฮอนชูและเกาะชิโกกุของญี่ปุ่น ตัวเกาะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดเฮียวโกะ และมีชื่อเสียงในเรื่องวัฒนธรรมที่เก่าแก่ เช่นเดียวกับความเป็นเกาะแห่งดอกไม้ที่สวยงดงามของญี่ปุ่นครับ
สำหรับบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักเกาะอาวาจิคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเกาะอาวาจิ (Awaji Island)
เกาะอาวาจิเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลเซโตะ ซึ่งญี่ปุ่นถือว่าเป็นทะเลภายในของประเทศ (แม้ว่าจะเชื่อมต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิกก็ตาม) ตัวเกาะนั้นเชื่อมกับเกาะฮอนชูด้วยสะพานอาคาชิไคเคียว (Akashi Kaikyo Bridge) สะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับสองของโลกครับ
ในตำนานที่ปรากฏในหนังสือโคจิกิ และนิฮงโชกิแล้วนั้น เกาะอาวาจิเป็นเกาะแห่งแรกที่ถือกำเนิดมาจากเทพเจ้าชายหญิงหรืออิซะนากิ (Izanagi) และอิซะนามิ (Izanami)
ส่วนในหน้าประวัติศาสตร์แล้วนั้น เกาะอาวาจิได้มีสถานะเป็นจังหวัดของญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 7 แต่ไม่ได้เจริญมากนัก ที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่เนรเทศนักโทษทางการเมืองมามากกว่าครับ แม้แต่จักรพรรดิญี่ปุ่นบางพระองค์ที่ถูกบังคับให้สละราชสมบัติก็จะถูกอัญเชิญให้เสด็จมาที่นี่เช่นกัน
อย่างไรก็ดีเกาะแห่งนี้ได้พัฒนาเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่สำคัญของภูมิภาคในเวลาต่อมา เพราะสภาพภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะใหญ่ทั้งสองของญี่ปุ่นครับ
หลังจากการปกครองระบบไดเมียวสิ้นสุดลง เกาะอาวาจิได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดเฮียวโกะ สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันครับ ในช่วงหลังที่นี่ได้มีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะสวนดอกไม้หลายแห่งที่มีดอกไม้สวยๆ ให้ชมทุกฤดูครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเกาะอาวาจิทำอย่างไร?
เมืองใหญ่ที่ใกล้กับเกาะอาวาจิมากที่สุดคือเมืองโกเบ (Kobe) ดังนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางไปยังเกาะอาวาจิจากเมืองนี้ด้วยการนั่งรถบัสไปจากสถานี JR Sannomiya Station ซึ่งคุณสามารถไปลงได้ที่สุโมโตะ (Sumoto) หรือ ฟุคุระ (Fukura) ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาทีเท่ากัน
สำหรับการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวนั้น คุณสามารถใช้บริการรถบัส Awaji Kotsu ครับ
อย่างไรก็ดีการเช่ารถจากเมืองโกเบและโอซาก้าจะทำให้การเดินทางบนเกาะง่ายดายสะดวกสบาย และประหยัดเวลามากขึ้นด้วยครับ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ผมมองว่าเช่ารถเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก Awaji Island Tourism Guide โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
1. ชมดอกไม้ที่สวนต่างๆ
เกาะอาวาจินั้นมีชื่อเสียงมากในเรื่องของสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้สวยๆ ให้ชมตลอดปี สวนที่ควรไปเยือนได้แก่
สวนอาวาจิฮานะซาจิกิ (Awaji Hanasajiki Park) – สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้ให้ชมทั้ง 4 ฤดู ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีทุ่งดอกนาโนฮานะ, ดอกป็อปปี้, ดอกวิโอลา, ดอกลิ้นมังกร (Snapdragon) ส่วนช่วงฤดูร้อนจะมีดอกทานตะวัน ดอก Buckwheat รวมไปถึง Red Salvia ส่วนฤดูใบไม้ร่วงจะมี Blue Salvia และ Cosmos ปิดท้ายด้วยดอก Stock (Matthiola) ในช่วงฤดูหนาวครับ
อย่างไรก็ดีดอกเหล่านี้อาจจะไม่ได้บานพร้อมกัน เพราะบางชนิดจะบานช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ส่วนที่เหลือจะบานช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิเป็นต้นครับ โปรดตรวจสอบที่หน้าเว็บไซต์ของสวนเพื่อที่จะได้ทราบว่าช่วงที่ไปมีอะไรให้ชมครับ
Akashi Kaikyo National Government Park – สวนสวยริมทะเลที่มีอนุสาวรีย์นกฟีนิกซ์ที่ทำมาจากดอกไม้หลากสี เช่นเดียวกับดอกไม้อื่นๆ อีกจำนวนมหาศาล ดอกไม้ที่มีในสวนมีตั้งแต่ทิวลิป ซากุระ (หลายสายพันธุ์) ไปจนถึง Hydrangea ทานตะวัน เดซี่ และอื่นๆ อีกมากมายครับ
Awaji Farm Park England Hill – ฟาร์มแห่งนี้มีทั้งสวนดอกไม้ สวนสัตว์ และสถานที่เลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีกิจกรรมมากมายให้คุณทำได้ ตั้งแต่ชมดอกไม้ (กุหลาบ ทิวลิป ทานตะวัน ฯลฯ) ชมสัตว์อย่างหมีโคอาล่า เก็บผักและผลไม้ ไปจนถึงลิ้มลองของอร่อยๆ แบบสดจากฟาร์มครับ
Awaji Yume Butai – ที่นี่เป็นสวนที่จัดสร้างโดยสถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่นอย่างทาดาโอะ อันโดะ โดยเขาได้ใช้พื้นที่เหมืองเดิมมาทำเป็นสวนดอกไม้แบบเรือนกระจกเป็นขั้นบันได กลายเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่มีเรือนกระจกมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นครับ
Nadakuroiwa Suisenkyo – สวนที่ตั้งอยู่บนเนินเขาริมทะเล โดยมีดอก daffodils นับล้านดอกให้ชมครับ
นอกจากนี้ที่เกาะอาวาจิจะมีการจัดเทศกาลดอกไม้ปีละสองครั้ง หรือในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งในช่วงนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปที่เกาะจำนวนมากครับ
2. ศาลเจ้าอิซะนากิ
ศาลเจ้าอิซานากิ (Izanagi Shrine) หรืออิซานากิจินกุ เป็นศาลเจ้าชินโตที่เคยเป็นอดีตศาลเจ้าเอก (อิจิโนะมิยะ) ของจังหวัดอาวาจิ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเกาะมาทุกยุคทุกสมัย
ตำนานปรัมปราเล่าว่าหลังจากที่เทพเจ้าอิซะนากิและเทพเจ้าอิซานามิได้ให้กำหนดชีวิตและสรรพสิ่ง องค์เทพทั้งสองได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประทับ ซึ่งสุสานขององค์เทพเองก็อยู่ในบริเวณนี้อีกด้วย
ชาวญี่ปุ่นจึงได้สร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้น (ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเมื่อไร แต่ที่แน่ๆ คือก่อนศตวรรษที่ 9) เพื่อสักการะบูชาเทพเจ้าทั้งสองครับ ทว่าของเดิมนั้นพังทลายไปหมดแล้ว ศาลเจ้าที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ในสถาปัตยกรรมแบบนากาเระสึคุริ โดยสร้างขึ้นบนจุดที่เชื่อกันว่าเป็นสุสานของเทพเจ้าอิซานากิครับ
ในวันที่ 22 ของทุกเดือน ทางศาลเจ้าจะเปิดให้เข้าชมได้ในช่วงค่ำ ซึ่งจะมีจุดเทียนอย่างสวยงามยิ่ง ถ้ามีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนในช่วงดังกล่าวก็ไม่ควรพลาดทุกประการครับ
3. ปราสาทสุโมโตะ
ปราสาทสุโมโตะ (Sumoto Castle) เป็นปราสาทเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16 แต่เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลเมจิที่ให้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างของระบอบเดิม ทำให้ตัวปราสาทของเดิมนั้นไม่อยู่แล้วในปัจจุบัน ตัวปราสาทที่เห็นในปัจจุบันเป็นการสร้างใหม่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เพื่อเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิฮิโรฮิโตครับ ยกเว้นแต่กำแพงหินทางด้านใต้เท่านั้นที่เป็นของเดิมแบบ 100% ครับ
ปัจจุบันปราสาทสุโมโตะนั้นเป็นจุดชมวิวอันดับต้นๆ ของเกาะอาวาจิ เพราะตัวปราสาทตั้งอยู่บนเขา ทำให้คุณมองเห็นตัวเมืองสุโมโตะ และท้องทะเลโดยรอบได้อย่างงดงามมาก นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิยังมีซากุระให้ชมอีกด้วยครับ
4. ชมน้ำวนที่สะพานโอนารุโตะ
สะพานโอนารุโตะ (Onaruto Bridge) เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะชิโกกุกับเกาะอาวาจิ และเป็นสะพานที่มีขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่งของโลก ทว่าจุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่สะพานแต่อย่างใด แต่เป็นน้ำวนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (เส้นผ่านศูนย์กลางถึง 30 เมตร) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความสูงของผืนน้ำอย่างรวดเร็วครับ
ช่วงที่น้ำวนใหญ่ที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือออกไปชมอย่างใกล้ๆ โดยค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,500 เยน อ้างอิงจากเว็บของผู้ให้บริการครับ
5. ศาลเจ้าโอโนะโคโระจิมะ
ศาลเจ้าโอโนะโคโระจิมะ (Onokorojima Shrine) เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้กับเทพเจ้าอิซะนากิ และอิซะนามิ ตามตำนานเล่าว่าที่นี่เป็นจุดที่เทพเจ้าทั้งสองได้สมรสกัน ที่นี่จึงเป็นศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับการแต่งงานในศาสนาชินโตครับ
ปัจจุบันที่นี่มีประตูโทริอิขนาดยักษ์ตั้งอยู่ โดยมีความสูงถึง 21.7 เมตรด้วยกันครับ
6. ชมการแสดงหุ่น
การแสดงหุ่นนินเกียว โจรุริ (Ningyo Joruri) เป็นการแสดงโบราณของญี่ปุ่นที่หาชมได้ยากมาก โดยเป็นศาสตร์เก่าแก่ที่มีอายุหลายร้อยปี และเป็นต้นกำเนิดของการแสดงประเภทนี้ที่เมืองอื่นๆ ในประเทศเลยก็ว่าได้ครับ
แต่ละการแสดงจะมี plot ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนมากจะเกี่ยวกับตำนานปรัมปรา ซึ่งรวมไปถึงโมโมทาโร่ที่หลายคนคุ้นเคยด้วยครับ
ปัจจุบันคุณสามารถชมการแสดงนี้ได้ที่ Awaji Puppet Theater ในส่วนของค่าบัตรจะอยู่ที่ 1,800 เยน (อ้างอิงจากเว็บของโรงละครครับ)
7. แช่ออนเซ็น
บนเกาะอาวาจินั้นมีหมู่บ้านหรือเมืองออนเซ็นหลายแห่งที่มีน้ำพุร้อนให้คุณพักผ่อนแช่ตัวอย่างสบายอารมณ์ อย่างเช่น
Sumoto Onsen – เมืองออนเซ็นที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะอาวาจิ น้ำของที่นี่มีเป็นสีน้ำตาลอ่อน แต่ก็ใสและมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิว ที่นี่มีออนเซ็นแบบกลางแจ้งให้คุณได้ชมวิวทะเลสวยๆ ไปพร้อมๆ กับการแช่น้ำครับ
Minamiawaji Onsen – เมืองออนเซ็นที่มีน้ำพุร้อนถึง 6 แหล่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีคุณสมบัติที่ต่างกัน แต่ที่โด่งดังก็คือแช่แล้วสุขภาพผิวจะดีและเปล่งปลั่งครับ
ตัวอย่างแพลนทริปเกาะอาวาจิ
Infographic ด้านล่างจะเป็นตัวอย่างแพลนทริปที่มีเกาะอาวาจิเป็นส่วนประกอบ ทั้งนี้คุณสามารถนำไปปรับแก้และดัดแปลงเพื่อสร้างทริปของคุณได้ครับ แต่เรื่องวิธีการเดินทางอาจจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
References
- Awaji Island Tourism Guide
- Travel Hyogo