เกาะคาปรี (Capri) เป็นเกาะสวยของประเทศอิตาลีที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ตัวเกาะอยู่ตรงข้ามกับคาบสมุทรซอร์เรนโต้ และเป็นส่วนหนึ่งของอ่าวเนเปิลส์ (หรือ Golfo di Napoli) ในภาษาอิตาเลียน
ทุกยุคทุกสมัยเกาะคาปรีเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ เพราะน้ำทะเลที่สวยงาม วัฒนธรรมที่สะดุดตา ไปจนถึงบรรยากาศที่อบอุ่น ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำเกาะคาปรีให้คุณรู้จักพร้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองบริการต่างๆ ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ
รู้จักเกาะคาปรี (Capri)
เกาะคาปรีนั้นเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมาตั้งแต่สมัยโรมัน นักประวัติศาสตร์ได้ค้นพบวิลล่าของจักรพรรดิออกัสตุส (Augustus) จักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมันตั้งอยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับวิหาร และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่ได้สร้างขึ้นบนเกาะแห่งนี้เพื่อให้พระองค์ได้พักผ่อนอย่างสบายและอิสระ จักรพรรดิองค์ที่สองอย่างไทบีเรียสทรงชื่นชอบเกาะแห่งนี้มากจนถึงกับแปรพระราชฐานมาอยู่ที่นี่เป็นการถาวรเลยครับ
ทว่าหลังจากนั้นเกาะคาปรีก็แทบไม่ได้ปรากฎในหลักฐานของชาวโรมันอีกเลย ในช่วงยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานั้นเกาะคาปรีอยู่ในการปกครองจากผู้ปกครองจากเนเปิลส์ (หรือนาโปลี) และอมัลฟี และไม่ได้มีความสำคัญใดๆ นัก แต่ก็ไม่วายถูกโจรสลัดปล้นสะดมอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 16 ครับ
เกาะคาปรีเริ่มได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวในช่วงศตวรรษที่ 19 เพราะอากาศที่อบอุ่นกว่าภาคพื้นทวีปของยุโรป และบรรยากาศที่ผ่อนคลา่ย รวมไปถึงทัศนียภาพที่สวยงาม ทำให้เกาะคาปรีครองใจชนชั้นสูงชาวยุโรปจำนวนมาก ตลอดจนเซเลปของโลก ซึ่งเกาะคาปรีก็ได้รักษาสถานะดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศอิตาลีครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเกาะคาปรี (Capri) ทำอย่างไร?
เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นเกาะ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเดินทางโดยใช้เรือไปยังเกาะคาปรี ซึ่งส่วนมากแล้วนักท่องเที่ยวจะขึ้นเรือเฟอร์รี่มาจากเมืองเนเปิลส์ (นาโปลี) หรือซอร์เรนโต้ครับ คุณสามารถจองตั๋วเรือออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ Omio ครับ
นอกจากสองเมืองนี้แล้วยังมีทัวร์ครึ่งวันหรือหนึ่งวันที่ออกจากเมืองพักตากอากาศที่อยู่ใกล้กันอย่างโปซีตาโน (Positano) หรืออมัลฟี (Amalfi) เช่นเดียวกับซาเลอโน (Salerno) ครับ ข้อดีของทัวร์เหล่านี้คือตัดปัญหาเรื่องการเดินทางทั้งหมด เพราะทัวร์จะดูแลทุกอย่าง และนำคุณไปส่งที่จุดนัดพบครับ
ทั้งนี้คุณสามารถเลือกทัวร์ที่น่าสนใจได้ที่ GetYourGuide ครับ
ไปเที่ยวเกาะคาปรีช่วงไหนดี
ฤดูกาลท่องเที่ยวของเกาะคาปรีเริ่มตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ต้นเมษายนถึงปลายพฤษภาคม) ที่อากาศเริ่มอุ่นขึ้นและดอกไม้เริ่มเบ่งบาน ช่วงนี้นักท่องเที่ยวจะยังไม่มากเท่าไรนัก ทำให้หลายคนมองว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดที่จะเดินทางไปเกาะคาปรีครับ
สำหรับช่วงที่นักท่องเที่ยวมากที่สุดคือช่วงฤดูร้อน (มิถุนายนถึงสิงหาคม) ช่วงนี้เกาะคาปรีจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก อากาศจะดีแทบจะตลอดวัน เหมาะกับการทำกิจกรรมต่างๆ ครับ
อีกช่วงที่พอไปได้คือช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงตุลาคม) ช่วงนี้จะนักท่องเที่ยวจะน้อยลงมาก เพราะอากาศเริ่มหนาวเย็น แต่ก็ยังพอเที่ยวได้ ทว่าบางวันอากาศอาจจะมืดครึ้มไม่แจ่มใสเหมือนกับช่วงฤดูร้อนครับ
ช่วงที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งคือช่วงฤดูหนาว เพราะรีสอร์ทและร้านรวงต่างๆ ส่วนใหญ่จะปิดทำการ แถมอากาศก็ยังเย็นจัดอีกด้วย ไม่เหมาะกับการเที่ยวทะเลทุกประการครับ
การพักที่คาปรีนั้นจะยกระดับประสบการณ์การเที่ยวที่นี่ไปอีกระดับหนึ่ง ถ้าคุณสนใจ ผมแนะนำให้อ่านบทความนี้เพื่อช่วยคุณเลือกที่พักและโรงแรมที่เหมาะสมครับ
1. Marina Grande
Marina Grande เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่เรือน้อยใหญ่ล้วนแต่มาจอดเทียบท่ารับส่งผู้โดยสาร ณ เกาะคาปรีแห่งนี้ เพราะฉะนั้นจะเป็นสถานที่แห่งแรกบนเกาะที่คุณจะได้เยี่ยมชมครับ
ตัวท่าเรือนั้นมีเวิ้งอ่าวที่สวยงามซึ่งมีอาคารหลากสีตั้งอยู่เรียงรายกันไป ในบริเวณนี้มีร้านอาหารและร้านค้ามากมายให้คุณได้ชิมอาหารพื้นเมือง รวมไปถึงจับจ่ายซื้อของที่ระลึกและของฝากครับ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินเล่นคือช่วงเย็น เพราะนักท่องเที่ยวส่วนมากจะกลับกันไปแล้วครับ
ใกล้กับ Marina Grande นั้นมีชายหาดอยู่ด้วย และเป็นหาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเกาะคาปรี ทว่าหาดบริเวณนี้จะเป็นหาดก้อนกรวดดังนั้นอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดในการลงเล่นน้ำ แต่วิวทิวทัศน์ก็ยังสวยงามครับ
2. Scala Fenicia
Scala Fenicia หรือ Phoenician Steps เป็นบันได 921 ขั้นที่เชื่อม Marina Grande กับเมือง Anacapri ตั้งแต่สมัยโบราณ บันไดที่ว่านี้มีอายุกว่า 2,500 ปี โดยสร้างขึ้นโดยชาวกรีก ทว่าที่ได้ชื่อว่าบันไดฟินิเชียนก็เพราะก่อนหน้านี้นักโบราณคดีคิดว่าน่าจะสร้างโดยชาวฟินิเชียน แต่ได้พบหลักฐานภายหลังว่าสร้างโดยชาวกรีกครับ แต่ชาวเมืองก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนชื่อเป็นบันไดกรีกแต่อย่างใด
บันไดแห่งนี้ใช้ขนส่งสินค้าระหว่างเกาะคาปรีและเมือง Anacapri มานานกว่า 2 สหัสวรรษ ปัจจุบันบันไดแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพราะได้เห็นชายหาดของท้องทะเลของเกาะคาปรีได้อย่างงามยิ่ง
อย่างไรก็ดีการเดินขึ้นลงเหมาะกับใครที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเท่านั้น เพราะบันไดบางจุดจะค่อนข้างชัน และถ้าขึ้นไปแล้วไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินขึ้นต่อไป หรือว่าเดินกลับลงมาครับ
3. Blue Grotto
Blue Grotto หรือ Grotta Azzurra เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 1 ของเกาะคาปรี ตัวถ้ำนั้นไม่ได้ใหญ่อะไร โดยกว้างแค่ 25 เมตร และยาวแค่ 60 เมตรเท่านั้น แต่ความพิเศษอยู่ที่ในถ้ำแห่งนี้นั้นน้ำทะเลจะเป็นสีน้ำเงินทอแสงเหมือนกับคริสตัลที่งดงามมาก
อย่างไรก็ดีการจะไปเที่ยวที่นี่นั้นต้องอาศัย “ดวง” ไม่น้อย เพราะในช่วงที่ลมแรง หรือน้ำขึ้นสูงมากนั้นเรือจะเข้าไปในถ้ำไม่ได้ครับ นอกจากนี้อาจจะไม่เหมาะกับใครที่กลัวที่แคบ เพราะตอนที่เข้าออกนั้น คุณอาจจะต้องนอนลงจนตัวราบไปกับเรือ เนื่องจากทางเข้าแคบมากครับ
4. Piazzetta
Piazzetta หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Piazza Umberto I เป็นจัตุรัสที่เป็นศูนย์กลางของเกาะคาปรี บริเวณนี้เต็มไปด้วยคาเฟ่และบาร์ที่ให้บริการทั้งชาวเกาะและเหล่านักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนที่นี่
แม้ว่าจะเป็นจัตุรัสที่เล็กมากถ้าเทียบกับจัตุรัสในเมืองอื่นๆ ของอิตาลี แต่จากบริเวณนี้นั้นท้องทะเลจะสวยสุดพรรณนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงค่ำที่ท้องทะเลจะบรรจบกับท้องฟ้าที่มีดาวอันพร่างพราย ที่นี่จึงได้รับความนิยมสูงมากในหมู่เซเลปตะวันตกมานับศตวรรษแล้วครับ
บริเวณจัตุรัสนั้นเป็นที่ตั้งของหอนาฬิกาชื่อ Torre del Orologio หอนาฬิกาโบราณที่บอกเวลาให้กับชาวเมืองที่มานัดพบปะกันมานับศตวรรษแล้วครับ
5. Faraglioni
Faraglioni เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเกาะคาปรี โดยเจ้าสิ่งนี้คือหินสามก่อนที่ผุดขึ้นจากท้องทะเลและมีรูปร่างหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์ โดยชาวเกาะได้ตั้งชื่อให้กับหินสามก้อนนี้มาตั้งแต่อดีตกาล หินก้อนที่ติดกับตัวเกาะชื่อว่า Stella ส่วนหินก้อนที่สองที่มีรูตรงกลางให้เรือเล็กผ่านได้ชื่อว่า Faraglione di Mezzo ส่วนหินก้อนสุดท้ายชื่อ Scopolo และเป็นที่อยู่ตามธรรมชาติของกิ้งก่าสีน้ำเงินหรือ Italian Wall Lizard ครับ
ในการชมวิวของ Faraglioni นั้น คุณสามารถได้ชมได้จากจุดชมวิวหลายแห่งบนเกาะคาปรี เช่นที่ Garden of Augustus เป็นต้น หรือว่าถ้าคุณได้ซื้อทัวร์ล่องเรือ ผู้ให้บริการส่วนมากจะพาไปชมที่นี่อยู่แล้วครับ
6. Marina Piccola
Marina Piccola ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะคาปรี ตามตำนานเล่าว่าที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งวีรบุรุษโอดิสซีอุส (หรือยูลิสซิส) ในมหากาพย์โอดิสซีถูกพวกไซเรนล่อลวงด้วยเสียงร้อง บริเวณนี้มีชายหาดที่สวยงามและเป็นที่นิยมในการอาบแดดสำหรับชาวบ้านและนักท่องเที่ยว เพราะว่ามีหินขนาดใหญ่ที่คอยป้องกันคลื่นลม ทำให้อากาศบริเวณนี้อบอุ่นแทบจะตลอดปีครับ
เนื่องจาก Marina Piccola นั้นอยู่ไม่ไกลจาก Faraglioni คุณสามารถชมหินทั้งสามก่อนได้จากบริเวณนี้ได้อีกด้วยครับ
7. Gardens of Augustus
Gardens of Augustus เป็นสวนสวยที่เป็นจุดชมวิวที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะคาปรี หรือถึงกับเป็นจุดระดับ a must ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เพราะคุณจะได้เห็นทั้ง Faraglioni และ Marina Piccola เลยครับ
นอกจากนี้จากจุดนี้คุณยังสามารถเห็นทางเดิน Via Krupp ที่แสนคดเคี้ยวและเชื่อมสวนแห่งนี้กับ Marina Piccola อีกด้วย ตัวทางเดินนี้สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 20 และเป็นอีกแลนด์มาร์กสำคัญของเกาะคาปรีครับ
8. Charterhouse of St. Giacomo
Charterhouse of St.Giocomo เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเกาะคาปรีที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ โดยในอดีตเป็นอารามของแม่ชีในศาสนาคริสต์ ซึ่งคุณยังสามารถเข้าไปชมสถาปัตยกรรม และสัมผัสถึงชีวิตของนักบวชหญิงในเวลาดังกล่าวได้
นอกจากนี้ที่นี่มีจุดชมวิวสวยๆ ที่ให้คุณได้ชมท้องทะเลและ Faraglioni ด้วยครับ หรือว่าถ้าใครชอบงานศิลปะ ที่นี่ก็มีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานของ Karl Wilhelm Diefenbach ที่เคยพำนักอยู่ที่เกาะคาปรีนานถึง 15 ปีด้วยกันครับ
9. Punta Carena
Punta Carena เป็นที่ตั้งของประภาคารที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1866 เพื่อให้สัญญาณและทิศทางกับเรือต่างๆ รวมไปถึงรักษาความสงบบริเวณท้องทะเล ตัวประภาคารแห่งนี้สูงเป็นลำดับสองของอิตาลี โดยเป็นรองแค่ที่เจนัวเท่านั้นครับ
ใกล้กับบริเวณประภาคารมีชายหาดที่นักท่องเที่ยวและชาวเมืองนิยมมาอาบแดดกัน เช่นเดียวกับแนวป้องกันที่สร้างขึ้นโดยชาวอังกฤษสมัยต้นศตวรรษที่ 19 เพื่อป้องกันการรุกรานจากฝรั่งเศส (อังกฤษและฝรั่งเศสผลัดกันมีอำนาจเหนือเกาะคาปรีในช่วงเวลานั้น)
10. Anacapri
Anacapri เป็นเมืองที่เชื่อมกับ Marina Grande ด้วยบันไดฟินิเชียน อย่างไรก็ดีในปัจจุบันได้มีการสร้างถนนเชื่อมต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเดินขึ้นบันไดเพื่อมาที่นี่แต่อย่างใดครับ
ในบริเวณเมืองมีจัตุรัสขนาดเล็กและเงียบสงบ เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสกับธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายที่มาจากผู้คนจำนวนมากครับ
บริเวณตัวเมืองมีโบสถ์ชื่อว่า San Michele Church ตั้งอยู่ พื้นโบสถ์มีโมเสกอันงดงามที่เป็นรูปสวนเอเดน และการถูกขับไล่ออกมาของอดัมและอีฟครับ ตัวโมเสกนี้สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 ครับ
11. Mount Solaro
Mount Solaro เป็นจุดชมวิวระดับสุดยอดของเกาะคาปรีอีกแห่งหนึ่ง ในวันที่อากาศสดใสนั้น คุณจะเห็นทั้งเกาะคาปรี ไปจนถึงชายฝั่งอมัลฟี และอ่าวเนเปิลส์อย่างสวยงามมาก แต่ที่นี่ก็มีกิตติศัพท์ว่ามีหมอกมากเช่นกันในช่วงตอนเช้าและช่วงเย็น โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะสวยไปอีกแบบหนึ่ง เพราะลมจะค่อยๆ เผยโฉมทัศนียภาพเบื้องล่างให้ชมทีละน้อยครับ
แลนด์มาร์กของที่นี่คืออนุสาวรีย์ของออกัสตุส (Augustus) จักรพรรดิโรมัน ซึ่งเป็นชาวโรมันคนแรกๆ ที่ได้เดินทางมายังที่นี่ครับ
วิธีการขึ้นไปยังที่นี่นั้น คุณจะต้องนั่งกระเช้าห้อยขา (Chairlift) ขึ้นไปจากเมือง Anacapri ครับ ซึ่งกระเช้าจะนำคุณขึ้นไปยังจุดชมวิวที่สูง 589 เมตรจากระดับน้ำทะเลภายในเวลา 12 นาทีครับ
12. Villa San Michele
Villa San Michele เป็นบ้านพักของแพทย์ชาวสวีดิชนามว่า Axel Munthe บ้านของเขานั้นสร้างอยู่บนพื้นที่ที่เคยเป็นโบสถ์โบราณอุทิศให้กับนักบุญ San Michele ครับ
ตัวบ้านนั้นมีหลายชั้น และจากตัวบ้านนั้นจะเห็นวิวสวยๆ ของท้องทะเลโดยรอบได้แบบพาโนรามา เช่นเดียวกับโบราณวัตถุหลายชิ้นด้วยกัน ซึ่งค้นพบโดยแพทย์ผู้นี้ เช่นเดียวกับส่วนที่เขาได้รับบริจาคมา หนึ่งในชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดคือสฟิงซ์สีน้ำตาลที่หันหน้าออกทะเลครับ
13. Villa Jovis
Villa Jovis เป็นส่วนที่เหลืออยู่ของวิลล่าอันเป็นสถานที่ประทับของจักรพรรดิไทบีเรียสที่เคยประทับอยู่ที่นี่ แม้ว่าตัวอาคารจะไม่ได้หลงเหลือแบบสมบูรณ์แบบ แต่ความยิ่งใหญ่อลังการในอดีตก็ยังคงเห็นได้จากตัวซากปรักหักพังว่าครั้งหนึ่งที่นี่เคยยิ่งใหญ่เพียงใด
คุณสามารถชมจุดที่เคยเป็นสระอาบน้ำ รวมไปถึงที่พักของเหล่าคนรับใช้ แต่จุดที่ดังที่สุดคือ Salto di Tiberio ซึ่งมีตำนานเก่าแก่เล่าว่า ถ้าจักรพรรดิไทบีเรียสไม่ถูกใจข้ารับใช้หรือว่าแขกผู้ใด เขาก็จะให้จับโยนผู้นั้นลงไปจากหน้าผาแห่งนี้ครับ
14. เดินชมวิวตามเส้นทางต่างๆ
เกาะคาปรีนั้นมีเส้นทางเดิมชมวิวที่มีชื่อเสียงอยู่หลายเส้นด้วยกัน ซึ่งถ้าคุณชมเดินเทรคแล้วนั้น ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยครับ
Pizzolungo – เส้นทางชมวิวที่มักได้รับการขนานนามว่าเป็นอันดับ 1 ของเกาะคาปรี ตัวเส้นทางนี้จะลัดเลาะไปตามชายฝั่ง ซึ่งคุณจะได้ชมวิวทะเลและวัฒนธรรมของเกาะได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิลล่าที่สวยงามหลายแห่ง เส้นทางนี้จะเริ่มจาก Natural Arch และปิดท้ายด้วย Tragara Viewpoint ครับ
Migliera – เส้นทางสวยที่เริ่มต้นจาก Anacapri และผ่านไร่องุ่นสุดสวยหลายแห่ง และไปจบลงที่จุดชมวิว Belvedere del Tuono ซึ่งอยู่ใกล้กับประภาคาร Punta Carena ครับ