ฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya) เป็นเมืองขนาดเล็กในจังหวัดชิซุโอกะของประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ตัวเมืองเป็นหนึ่งในเมืองที่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด ทำให้เป็นจุดชมทัศนียภาพที่ยอดเยี่ยม เหมาะต่อการมาเยี่ยมชมสักครั้งหนึ่งครับ
บทความนี้จึงจะนำคุณไปรู้จักกับมุมต่างๆที่น่าสนใจของเมืองนี้ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya)
พื้นที่บริเวณเมืองฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya) มีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้อย่างน้อยที่สุดคือยุคเฮอัน เนื่องจากตัวเมืองนั้นเติบโตขึ้นโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ศาลเจ้าฟูจิซัง ฮอนกุ เซนเงน ซึ่งตามหน้าประวัติศาสตร์แล้วสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 9 นอกจากนี้หลังจากที่ศาสนาพุทธเผยแพร่เข้ามาในญี่ปุ่น ได้มีการสร้างวัดหลักของนิกายนิชิเร็น โชชู (Nichiren Shoshu) ขึ้นที่นี่ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยผู้แสวงบุญทั้งพุทธและชินโตครับ
ในช่วงศตวรรษที่ 12 โชกุนมินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะได้จัดงานล่าสัตว์ครั้งใหญ่ชื่อว่าฟูจิ โนะ มาคิการิขึ้นที่นี่ งานนี้เชื่อกันว่าเป็นงานใหญ่ระดับประวัติศาสตร์ เพราะเวลาจัดงานนั้นนานถึงหนึ่งเดือน และมีผู้เข้าร่วมกว่า 700,000 คนเลยทีเดียว
หลังจากยุคคามาคุระ ฟูจิโนะมิยะเป็นเมืองที่ได้รับการดูแลอย่างดี เพราะเหล่าชนชั้นซามูไรศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าฟูจิซัง ฮอนกุ เซนเก็น ในสมัยเอโดะนั้นรัฐบาลโตกุกาวะได้ปกครองพื้นที่บริเวณนี้โดยตรงครับ
ต่อมาในสมัยเมจิ รัฐบาลใหม่ของญี่ปุ่นได้รวมเมืองต่างๆ และหมู่บ้านรอบๆ เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นเมืองใหม่ขึ้นในนามฟูจิโนะมิยะครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองฟูจิโนะมิยะทำอย่างไร?
ฟูจิโนะมิยะนั้นเดินทางไปไม่ยากเลยจากโตเกียว โดยคุณมีวิธีการดังต่อไปนี้ครับ
รถบัส – Fujikyuko Bus มีบริการ Yakisoba Express จาก Tokyo Station (ในมารุโนะอุจิ) ไปยังฟูจิโนะมิยะ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง 20 นาทีเท่านั้น โดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนพาหนะเลย ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้ซื้อ JR Pass วิธีนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเดินทางไปฟูจิโนะมิยะครับ
ชินคันเซน + รถบัส – สำหรับใครที่ซื้อ JR Rail Pass มาแล้ว คุณสามารถนั่ง Tokaido Shinkansen (ขบวน Kodama เท่านั้น) ไปลงที่สถานี Shin-Fuji Station หลังจากนั้นก็ต่อรถบัสของ Fuji-kyuko Bus ไปอีก 35 นาทีไปยังฟูจิโนะมิยะครับ
เช่ารถ – วิธีที่สะดวกสบายและยืดหยุ่นมากที่สุดในการสำรวจฟูจิโนะมิยะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งอยู่ไกลจากกันครับ ฟูจิโนะมิยะเองก็อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว (140 กิโลเมตร) ทำให้การขับรถใช้เวลาไม่นานมากครับ
วิธีการเดินทางนี้ผมอ้างอิงจาก Travel Fujinomiya (เว็บทางการของเมือง) โปรดตรวจสอบที่ต้นทางอีกครั้งก่อนจอง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
การสัญจรในฟูจิโนะมิยะทำอย่างไร
ในกรณีที่คุณไม่ได้เช่า่รถมา คุณจะต้องพึ่งพิงรถบัสเป็นส่วนใหญ่ครับ ซึ่งวิธีการประหยัดก็คือการซื้อ Fuji West Side Story Passport ในราคา 2,500 เยน ซึ่งจะครอบคลุมรถบัสรอบฟูจิโนะมิยะและพื้นที่ด้านตะวันตกของภูเขาไฟฟูจิเป็นเวลา 2 วันครับ
1. ศาลเจ้าฟูจิซัง เซนเงน
ศาลเจ้าฟูจิซัง เซนเงน (Fujisan Sengen Shrine) หรือฟูจิซัง ฮอนงุ เซนเงน ไทฉะเป็นศาลเจ้าหลักที่เป็นต้นกำเนิดของเมืองฟูจิโนะมิยะมาตั้งแต่โบราณ ตามตำนานเล่าว่าในอดีตนั้นภูเขาไฟฟูจิเกิดปะทุและส่งทั้งควันไฟและลาวาออกมาเป็นจำนวนมาก ชาวเมืองจึงช่วยกันสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้า (คามิ) แห่งภูเขาไฟแห่งนี้ครับ
ทุกยุคทุกสมัยที่นี่เป็นที่เคารพนับถือของชนชั้นซามูไร ทำให้ได้รับการทำนุบำรุงเป็นอย่างดี และแทบไม่ถูกทำลายโดยไฟสงครามเลย แต่น่าเสียดายที่อาคารส่วนใหญ่ไม่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน เพราะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากแผ่นดินไหวครับ
อย่างไรก็ดีตัวศาลเจ้ายังเหลืออาคารที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบเซนเงนสุคุริที่สวยงามอยู่หลายหลัง อย่างเช่นศาลเจ้าส่วนนอกและส่วนใน (Outer/Inner Shrine) ในอดีตผู้แสวงบุญมักจะแวะที่นี่เพื่อสักการะเทพเจ้า รวมไปถึงชำระร่างกายในสระใกล้ๆ ก่อนที่จะจะเดินทางขึ้นไปแสวงบุญบนภูเขาไฟฟูจิครับ
ไฮไลท์ของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือซากุระ-โนะ-บาบะ ซึ่งเป็นเส้นทางขี่ม้าที่มีต้นซากุระเรียงรายกว่า 500 ต้น ทำให้จุดชมวิวซากุระที่ยอดเยี่ยมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่อยากชมเทศกาลการขี่ม้ายิงธนู (มีที่มาจากอีเวนต์ล่าสัตว์ของมินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ ที่ผมเล่าไปด้านบน) จะต้องมาในช่วงวันที่ 4-6 ของเดือนพฤษภาคมครับ
2. Mt. Fuji World Heritage Centre
Mt. Fuji World Heritage Centre เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดในปี ค.ศ.2017 โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมภูเขาไฟฟูจิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความสำคัญทางวัฒนธรรมของภูเขาไฟลูกนี้ครับ
ด้านในมี exhibitions หลายอย่างที่จัดทำด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทำให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิจากมุมต่างๆ มากขึ้น นอกจากนี้ด้านในยังมีจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามมากอีกด้วยครับ
สำหรับค่าเข้านั้นอยู่ที่ 300 เยนเท่านั้นเอง (อ้างอิงจากเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์) เรียกได้ว่าแค่เข้าไปชมวิวก็คุ้มแล้วครับ
3. วัดไทเซคิ
วัดไทเซคิ (Taiseki Temple) หรือไทเซคิจิเป็นวัดหลักของศาสนาพุทธนิกายนิชิเร็นของญี่ปุ่น ด้านในมีวัดและเจดีย์ของเดิมที่สวยงามที่เหล่าศาสนิกใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนามานานหลายร้อยปีด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถเข้าชมได้ครับ ซึ่งคนจะมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะซากุระจะเบ่งบานครับ
แต่สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาที่นี่คือ สวนโฮโชเอ็น (Hoshoen) สวนแบบญี่ปุ่นที่มีสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งคุณสามารถชมภูเขาไฟฟูจิที่สะท้อนลงบนผืนน้ำได้อย่างงามยิ่ง
4. น้ำตกชิราอิโตะ
น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls) เป็นน้ำตกที่ได้รับการจัดอันดับว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น สายน้ำของน้ำตกสูง 20 เมตรแห่งนี้นั้นมีที่มาจากหิมะที่ละลายเป็นน้ำจากภูเขาไฟฟูจิ และมีรูปลักษณ์เหมือนกับผ้าไหมที่แขวนเรียงรายกันเป็นสายครับ
ช่วงที่น้ำมากที่สุดคือช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิถึงช่วงฤดูร้อน เพราะฉะนั้นช่วงนี้จะได้รับความนิยมมาก อีกช่วงที่สวยมากอีกช่วงหนึ่งคือฤดูใบไม้ร่วงครับ เพราะรอบน้ำตกนั้นมีผืนป่าที่หนาแน่น ซึ่งจะเปลี่ยนสีเป็นเหลือง ส้ม แดงในช่วงดังกล่าวครับ
5. ทะเลสาบทานุคิ
ทะเลสาบทานุคิ (Lake Tanuki) เป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองฟูจิโนะมิยะประมาณ 19 กิโลเมตร และเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบสูงอาซะกิริ (Asagiri Highlands) ครับ
ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งแคมป์ยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยวที่นี่ เพราะวิวที่บริเวณทะเลสาบสวยงามมาก (โดยเฉพาะช่วงเช้าที่เรียกว่าสวยเทพเลยทีเดียว) เนื่องจากมีภูเขาไฟฟูจิตั้งตระหง่าน เช่นเดียวกับต้นซากุระอีก 350 ต้น นักเดินทางมักจะมาขี่จักรยานเลียบฝั่งทะเลสาบ รวมไปถึงตกปลาชั้นดีมารับประทานครับ
6. Fuji Milk Land
Fuji Milk Land เป็นฟาร์มวัวนมขนาดใหญ่ที่วิวสวยสุดๆ เพราะเห็นภูเขาไฟฟูจินั่นเอง ด้านในฟาร์มนั้นมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย ตั้งแต่ให้อาหารสัตว์ ทำเนย รีดนมวัว ตกปลาเทราท์ กิจกรรมสำหรับเด็ก รวมไปถึงรับประทานอาหารและเครื่องดื่มแบบ homemade ครับ
ตัวฟาร์มนั้นเข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย แต่กิจกรรมต่างๆ นั้นไม่ฟรี อ่านรายละเอียดเพิ่มได้ที่เว็บของ Fuji Milk Land ครับ
7. ปีนภูเขาไฟฟูจิ
ในช่วงที่เหมาะสมนั้น คุณสามารถปีนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของภูเขาไฟฟูจิได้ด้วยเส้นทาง Fujinomiya Trail ซึ่งเริ่มต้นที่ Fujinomiya 5th Station จากตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงก็จะถึงจุดสูงสุดครับ (และเดินลงมาอีกประมาณ 3 ชั่วโมง)
โดยรวมแล้วเส้นทางนี้จะใช้เวลาสั้นที่สุด แต่เส้นทางนี้จะชันมาก และมีหินมากมาย ทำให้ได้รับความนิยมเป็นแค่อันดับ 2 (รองจาก Yoshida Trail) สำหรับใครที่สุขภาพร่างกายและพลังใจพร้อม ผมแนะนำให้หาข้อมูลก่อนปีนเพิ่มเติมที่ Mt.Fuji Climbing เว็บทางการของการปีนภูเขาไฟฟูจิครับ
สิ่งหนึ่งที่พึงระวังคือภูเขาไฟฟูจิจะทำได้ระหว่างช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนกันยายนเท่านั้น ช่วงอื่นนั้นจะไม่สามารถทำได้ การลักลอบเข้าไปนั้นจะผิดกฎของอุทยาน ซึ่งมีหลายคนที่ละเมิดกฎต้องเสียชีวิตมาแล้วเพราะอุบัติเหตุครับ
References
- Fujisan Hongu Sengen Taisha
- Mt. Fuji World Heritage Centre
- Nichiren Shoshu
- Travel Fujinomiya
- Lake Tanuki Campsite
- Fuji Milk Land