ฟุกุโอกะ (Fukuoka) เป็นเมืองที่ใหญ่และมีประชากรมากที่สุดของเกาะคิวชู ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน การค้า ไปจนถึงการคมนาคมของภูมิภาค นักเดินทางแทบทั้งหมดที่ต้องการมาท่องเที่ยวเกาะคิวชูมักจะเดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่นี่ ก่อนที่จะเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เล็งไปต่อไปครับ
แม้ว่าแลนด์มาร์กและสถานที่ท่องเที่ยวอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับเมืองใหญ่อื่นๆ อย่างโตเกียวหรือโอซาก้า แต่ฟุกุโอกะยังคงเป็นเมืองที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าคุณชื่นชอบการเดินชมสวน เช่นเดียวกับการกินดื่มและช้อปปิ้งครับ
รู้จักเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka)
ตัวเมืองฟุกุโอกะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะคิวชู และอาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในส่วนที่เป็นตะวันตกสุดของญี่ปุ่น (ไม่นับโอกินาวา) สามด้านของเมืองล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูง ส่วนศูนย์กลางของเมืองฟุกุโอกะตั้งอยู่บริเวณอ่าวฮากาตะ (Hakata Bay) ครับ
เมืองฟุกุโอกะในปัจจุบันนั้นเป็นเมืองใหม่ที่เกิดขึ้นจากการรวมเมืองฮากาตะ (Hakata) และเมืองฟุกุโอกะเข้าด้วยกันในปี ค.ศ.1889 ปัจจุบันฮากาตะได้กลายเป็นเขตบริเวณใจกลางเมืองฟุกุโอกะครับ
ฮากาตะนั้นเป็นเมืองโบราณที่มีความเป็นมาย้อนไปได้อย่างน้อยสองพันกว่าปีก่อน โดยได้ถูกสร้างให้เป็นเมืองท่าของญี่ปุ่นที่ใช้ค้าขายกับจีนและเกาหลี รวมไปถึงรับวัฒนธรรมมาจากทั้งสองประเทศ แต่ยังไม่ใช่เมืองเอกของบริเวณนี้ เพราะในช่วงศตวรรษที่ 7 ศูนย์กลางของพื้นที่แถบนี้นั้นอยู่ที่เมืองดาไซฟุ (Dazaifu) ทว่าอีกประมาณ 3-4 ศตวรรษต่อมา เมืองดาไซฟุก็เสื่อมถอย ทำให้หลังจากนั้นพื้นที่บริเวณอ่าวฮากาตะได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่ครับ
ในช่วงศตวรรษที่ 13 อ่าวฮากาตะได้เป็นจุดที่กองทัพมองโกลขึ้นฝั่งเพื่อรุกรานญี่ปุ่น การรุกรานครั้งแรกนั้นญี่ปุ่นรอดตัวมาได้เพราะพายุไต้ฝุ่นเข้าถล่มกองเรือมองโกลจนพินาศยับเยิน เพราะฉะนั้นรัฐบาลโชกุนแห่งคามาคุระจึงมีคำสั่งให้สร้างแนวกำแพงหินเพื่อสกัดการรุกราน ซึ่งการรุกรานครั้งที่สองก็เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่ปี แต่ญี่ปุ่นก็โชคดีเหมือนเดิม เพราะพายุไต้ฝุ่นเข้าทำลายกองทัพมองโกลอีกครั้ง แต่เมืองฮากาตะไม่ได้โชคดีไปด้วย เพราะตัวเมืองได้รับความเสียหายยับเยิน
หลังจากนั้นฮากาตะได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และเป็นเมืองท่าตามเดิม ต่อมาในสมัยเอโดะ ฮากาตะได้อยู่ในการปกครองของคุโรดะ นางามาซะ เขาได้ปันส่วนพื้นที่ฟุคุซากิซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำนากะกับเมืองฮากาตะให้เหล่าซามูไรของตนที่ติดตามมาอยู่ด้วย และได้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “ฟุกุโอกะ” ตามชื่อบ้านเกิดเมืองนอนของตน (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดโอคายาม่า)
ตระกูลคุโรดะได้ปกครองเมืองนี้ในฐานะไดเมียวไป 12 ชั่วคนจนกระทั่งระบอบไดเมียวสิ้นสุดในปี ค.ศ.1868 อีกยี่สิบกว่าปีต่อมารัฐบาลญี่ปุ่นได้ต้องการรวมเมืองฮากาตะและฟุกุโอกะที่อยู่คนละฝั่งของแม่น้ำเข้าด้วยกัน เดิมทีในที่ประชุมเมืองตัดสินว่าจะเลือกชื่อเมืองใหม่ว่าฮากาตะตามศูนย์กลางของเมืองที่เจริญกว่า แต่พวกซามูไรกลับบุกเข้ามาและบังคับให้ที่ประชุมเลือกชื่อเมืองใหม่ว่า “ฟุกุโอกะ”
ด้วยเหตุนี้เมืองฟุกุโอกะจึงได้ชื่ออย่างที่ปรากฏในปัจจุบัน ทว่าชื่อฮากาตะก็ไม่ได้หายไปไหน เพราะได้กลายเป็นเขตหนึ่งในเมืองใหม่ และน่าจะสำคัญที่สุดด้วยเพราะเป็นศูนย์กลางของเมืองครับ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวเมืองได้รับความเสียหายพอประมาณ (20%) และได้ฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็วหลังสงคราม ประชากรและผู้อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้นตามลำดับตามอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ปัจจุบันฟุกุโอกะจึงเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองฟุกุโอกะทำอย่างไร?
คุณสามารถบินไปลงฟุกุโอกะได้จากกรุงเทพ เพราะเมืองนี้เป็นปากทางสู่เมืองอื่นๆ บนเกาะคิวชูอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่คุณอยู่ที่เมืองๆ บนเกาะอย่างเช่นคาโกชิมาหรือว่าคุมาโมโตะ คุณสามารถนั่ง Kyushu Shinkansen ไปยังฟุกุโอกะ (Hakata Station) ได้ เพราะเป็นสถานที่ต้นทางอยู่แล้วครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ JR Kyushu
ในกรณีที่คุณอยู่ที่ภูมิภาคคันไซ (โอซาก้า, โกเบ, เกียวโต ฯลฯ) หรือชูโกกุ (ฮิโรชิมา, ชิโมโนเซกิ ฯลฯ) คุณจะมีอีกหนึ่งทางเลือกนั่นคือ Sanyo Shinkansen ซึ่งจะวิ่งจากสถานี Shin-Osaka Station ไปยัง Hakata Station (ฟุกุโอกะ) ครับ รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่เว็บของ JR West
แต่ถ้าคุณอยู่ส่วนอื่นของญี่ปุ่นอย่างเช่นโตเกียวหรือว่าฮอกไกโด ผมมองว่าการบินในประเทศน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ
การสัญจรในเมืองฟุกุโอกะทำอย่างไร?
การคมนาคมในเมืองนั้นสะดวกสบาย เพราะมีทั้งรถไฟใต้ดิน รถไฟ และรถบัส ช่วยให้คุณเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสบายๆ ทั้งนี้คุณอาจจะซื้อ Fukuoka City Tourist Pass ในราคา 1,700 เยน ซึ่งจะรวมค่าใช้บริการรถบัส รถไฟใต้ดิน รถไฟ และเรือรับส่งเป็นเวลา 1 วันครับ นอกจากนี้ยังมีส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอีกหลายแห่งด้วย
1. สวนโอโฮริ
สวนโอโฮริ (Ohori Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองฟุกุโอกะ ตัวสวนนั้นมีสระน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลาง และล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิดครับ กลางสระนั้นจะมีเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่สามแห่ง และเชื่อมด้วยสะพานสีส้มแดงอันสวยงามเหมาะแก่การถ่ายรูป
ตัวสวนนั้นละม้ายคล้ายกับสวนริมทะเลสาบซีหูที่เมืองหังโจวของจีน ซึ่งทางผู้สร้างสวนโอโฮริได้ใช้เป็นแรงบันดาลใจและสร้างที่นี่ขึ้นมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ครับ
ภายในสวนโอโฮรินั้นจะมีสวนญี่ปุ่นย่อยตั้งอยู่ด้วย ตัวสวนจะจัดเรียงแบบญี่ปุ่นและมีโรงน้ำชาตั้งอยู่ โดยคุณสามารถไปจิบชาและชิมขนมหวานได้ด้วยครับ แต่สวนนี้ไม่ฟรีเหมือนกับสวนหลัก เพราะมีค่าเข้าชม แต่ก็ไม่แพงอะไรนัก (250 เยน)
ใกล้กับสวนโอโฮริทางด้านตะวันออกนั้นเป็นที่ตั้งของ Fukuoka Art Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผลงานกว่า 16,000 ชิ้น และครอบคลุมช่วงเวลาในประวัติศาสตร์กว่า 1 สหัสวรรษครับ
2. สวนไมซุรุ
สวนไมซุรุ (Maizuru Park) เป็นที่ตั้งของซากปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle) อันยิ่งใหญ่ที่ไดเมียวตระกูลคุโรดะเป็นผู้สร้าง ครั้งหนึ่งปราสาทแห่งนี้เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะคิวชู แต่ตัวปราสาทถูกรื้อถอนไปในสมัยเมจิ เพราะรัฐบาลใหม่ไม่อยากให้เหลือไว้เป็นสัญลักษณ์ของการปกครองแบบเดิม เหลือไว้แต่เพียงกำแพงหินและอาคารโบราณไม่กี่แห่งที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบันครับ
ในปัจจุบันตัวปราสาทได้กลายเป็นสวนสาธารณะที่มีการปลูกซากุระไว้อย่างมากมาย ที่นี่จึงเป็นจุดชมซากุระที่ดีที่สุดของเมืองฟุกุโอกะแห่งหนึ่งไปโดยปริยายครับ
3. ศาลเจ้าคุชิดะ
ศาลเจ้าคุชิดะ (Kushida Shrine) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในเขตฮากาตะหรือย่านเมืองเก่าของฟุกุโอกะ โดยมีความเป็นมาย้อนไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 8 โดยอุทิศให้กับเทพีอามาเตระสุ (Amaterasu) หรือเทพีแห่งดวงอาทิตย์ตามตำนานปรัมปราของญี่ปุ่น และเทพเจ้าอีกองค์คือเทพเจ้าโอฮาตะ โนะ มิโคโตะ (Ohata no Mikoto) ผู้ปกปักรักษาเมืองฮากาตะครับ
ด้านในศาลเจ้านั้นมีต้นแป๊ะก๊วยอายุมากกว่า 1,000 ปีตั้งอยู่ ต้นไม้ต้นนี้เป็นสัญลักษณ์ถึงอายุที่ยืนยาวข้ามกาลเวลา เช่นเดียวกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าน้ำในบ่อนั้นจะให้ความเยาว์วัยไปชั่วกาลนานครับ
ที่นี่เป็นสถานที่จัดเทศกาลใหญ่ที่สุดของเมืองอย่าง Hakata Gion Yamakasa ที่จะมีขบวนแห่ขนาดใหญ่ ซึ่งรถแห่นั้นอาจสูงได้ถึง 13 เมตรด้วยกัน เทศกาลนี้จัดกันมาอย่างต่อเนื่องกว่า 800 ปีแล้ว โดยจะจัดในช่วงเดือนกรกฎาคม ในช่วงนั้นจะมีผู้เข้าชมงานนับล้านคนเลยครับ
4. วัดโทโชจิ
วัดโทโชจิ (Tochoji Temple) เป็นวัดแห่งแรกที่สร้างขึ้นโดยพระคุไค และทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนาพุทธนิกายชินงอนไปทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น สถานะของที่นี่จึงเป็นวัดประธานของนิกายชินงอนเลยครับ อย่างไรก็ดีจุดอันเป็นที่ตั้งของวัดเดิมนั้นไม่ใช่อยู่ตรงนี้ โดยจะตั้งอยู่ริมทะเล แต่วัดนั้นถูกไฟไหม้ใหญ่จนเสียหายหนัก ท้ายที่สุดตัววัดจึงได้รับการสร้างใหม่ที่นี่ครับ
ไฮไลท์ที่นี่คือพระพุทธรูปองค์ใหญ่หรือ Fukuoka Great Buddha พระพุทธรูปนั่งที่สร้างขึ้นจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยเล็กกว่าพระพุทธรูปใหญ่ที่นาราและคามาคุระเท่านั้น (แต่สององค์นี้ไม่ได้สร้างด้วยไม้ครับ) ใกล้กับองค์พระนั้นจะมีทางเดินมืดที่ให้คุณเดินตามทาง ถ้าคุณสัมผัสได้ถึงวงแหวนพุทธะ คุณจะได้พบกับมรรคผลครับ
อีกหนึ่งปูชนียวัตถุที่สำคัญของที่นี่คือรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือหรือเซนจู คันนง (Senju Kannon) ที่เป็นองค์เก่าแก่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยเฮอันครับ แต่องค์หลังนี้จะเอามาให้ชมเฉพาะช่วงที่เป็นวันเกิดของพระคุไคเท่านั้นครับ
สุดท้ายอีกจุดที่น่าสนใจคือเจดีย์ห้าชั้นที่เก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุที่พระคุไคได้รับมา ตัวเจดีย์นั้นค่อนข้างใหม่เพราะว่าสร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.2011 ครับ
5. หอคอยฟุกุโอกะ
หอคอยฟุกุโอกะ (Fukuoka Tower) ตั้งอยู่ในย่านโมโมจิที่ตั้งอยู่ริมทะเล ตัวหอคอยสูง 234 เมตรและเป็นจุดชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศาที่ดีที่สุดของเมืองฟุกุโอกะ เช่นเดียวกับอ่าวฮากาตะ โดยช่วงที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ คือช่วงพระอาทิตย์ตกดินครับ
นักท่องเที่ยวบางส่วนนิยมมาถ่ายรูปกับตัวหอคอยในยามกลางคืนด้วย เพราะว่าจะมีการเปิดไฟครับ สำหรับค่าใช้จ่ายในการขึ้นไปยังจุดชมวิวอยู่ที่ 800 เยนครับ (อ้างอิงจากเว็บของหอคอย)
7. ยาไต
ยาไต (Yatai) หรือฟุกุโอกะ ฮากาตะ ยาไต (Fukuoka Hakata Yatai) เป็นร้านอาหารริมทางขนาดเล็กแบบ outdoor ซึ่งแต่ละร้านจะรับลูกค้าได้เพียง 7-8 ที่นั่งเท่านั้น ยาไตนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองฟุกุโอกะเลยครับ
ร้านเหล่านี้จะขายอาหารหลากชนิดไม่ว่าจะเป็นราเมง ยากิโทริ เทมปุระ เกี๊ยวซ่า และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ยาไตนั้นมีให้เลือกใช้บริการหลายจุดในฟุกุโอกะ แต่ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ เห็นจะเป็น ยาไตที่ Nakasu Yatai Yokocho เพราะว่าร้านแบบนี้เรียงกันริมแม่น้ำไปถึง 20-30 แห่งเลยครับ
อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญที่คุณควรทราบคือ ถ้าอากาศไม่ดี ส่วนมากยาไตแทบทั้งหมดจะปิดให้บริการ นอกจากนี้ละแวกนั้นจะไม่ค่อยมีห้องน้ำ ทางที่ดีควรจะเข้าให้เสร็จเรียบร้อยก่อนไปหาอะไรรับประทานครับ
8. สวนอุมิโนะนากามิจิ
สวนอุมิโนะนากามิจิ (Uminonakamichi Park) เป็นสวนริมทะเลที่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของครอบครัวชาวญี่ปุ่น เพราะด้านในนั้นมีทั้งสวนดอกไม้ สวนสัตว์ สวนน้ำ ลานกีฬา และอีกมากมาย เพราะฉะนั้นไม่แปลกอะไรเลย ถ้าคุณจะเห็นพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นนำลูกน้อยมาออกกำลังกายที่นี่ครับ
ดอกไม้ที่มีให้ชมในสวนนั้นมีมากมาย ตั้งแต่กุหลาบ ทิวลิป ทานตะวัน hydrangea และอื่นๆ อีกมากมายที่ผลัดกันบานสะพรั่งให้ได้ชมกันแทบจะตลอดปี แต่ที่สุดยอดที่สุดเห็นจะเป็นซากุระเพราะในสวนมีต้นซากุระมากกว่า 2,000 ต้น นักท่องเที่ยวจึงมักเดินทางมาขี่จักรยานหรือว่าเดินชมซากุระกันที่นี่ครับ
9. ช้อปปิ้งและกิน
ในเมืองฟุกุโอกะมีห้างสรรพสินค้า ถนนคนเดิน และย่านการค้ามากมายไม่แพ้เมืองใหญ่ของญี่ปุ่นเมืองใด แห่งที่น่าสนใจได้แก่
- Canal City Hakata – Entertainment complex ขนาดใหญ่กว่า 43,500 ตารางเมตร ด้านในเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก (พร้อมกับคลองจำลอง) และเป็นจุดชมขบวนแห่ในเทศกาล Hakata Gion Yamakasa ที่ดีที่สุดด้วยครับ
- Daimyo – ย่านในเขตเท็นจินที่มีร้านค้าหลายร้อยแห่ง เช่นเดียวกับร้านอาหารและบาร์
- Oyafuko Street – ถนนที่เต็มไปด้วยคลับ บาร์ ตลอดจนร้านอาหารอีกมากมาย
- Tenjin Chikagai – ห้างใต้ดินที่มีร้านค้ากว่า 150 ร้านที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกสรร
- Kawabata Shopping Street – ถนนคนเดินที่มีร้านค้ากว่า 100 ร้าน และเป็นจุดดีที่สุดที่ให้คุณลิ้มลองอาหารพื้นเมืองอีกด้วย
- JR Hakata City – ห้างติดสถานีรถไฟที่มีร้านค้ากว่า 230 ร้าน
- Bayside Place Hakata – Entertainment Complex ที่อยู่ติดกับท่าเรือฮากาตะ บริเวณนี้มีทั้งตลาดขนาดใหญ่ไปจนถึงร้านขายของที่ระลึกและของพื้นเมืองจากเกาะคิวชูครับ ใกล้กับบริเวณนี้คือ Hakata Port Tower หอคอยเก่าแก่ที่ให้สัญญาณกับเรือต่างๆ มานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้วครับ
10. ชิมอาหารพื้นเมือง
ฟุกุโอกะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาหารพื้นเมืองเลิศรส บางเมนูนั้นหลายคนอาจจะคุ้นเคยอยู่แล้ว อย่างเช่น
Hakata Ramen – ราเมงแบบ Tonkotsu ที่รสชาติดีเยี่ยม น้ำซุปจะเป็นสีขาวหรือขาวอมน้ำตาล โดยจะมีความ creamy เพราะทำมาจากกระดูกหมู ส่วนตัวเส้นจะเป็นเส้นเล็กที่เข้ากันกับน้ำซุปอย่างดีเยี่ยม โดยส่วนตัวแล้วเป็นราเมงที่ผมชอบที่สุดในทุกแบบเลยครับ ทั้งนี้เวลาสั่ง คุณสามารถเลือกความเหนียวของเส้นได้ว่าต้องการแบบไหน ตั้งแต่แบบนุ่มไปจนถึงแบบเหนียวครับ
เมนูซีฟู้ด – ฟุกุโอกะเป็นเมืองที่มีการประมูลปลาขายในเวลาที่เช้าที่สุด (ก่อนซึกิจิหรือว่าซัปโปโรเสียอีก) แต่สำหรับใครที่อยากรับประทานเมนูอร่อยๆ อย่างซูชิ ไคเซนด้ง และซาชิมิแล้วนั้น คุณสามารถไปทา่นได้ที่ Nagahama Fish Market ครับ แต่จากที่ได้ลองมาแล้ว ผมมองว่าคุณภาพกลางๆ แต่ที่ดีคือราคาไม่แพงเลยครับ
มิซุตากิ (Mizutaki) – หรือหม้อไฟไก่ เป็นเมนูพื้นเมืองที่มีความเป็นมามากกว่า 100 ปี น้ำซุปจะใสหรือขาวข้น โดยคุณจะใส่เนื้อสัตว์และผักลงไปในหม้อไฟ และรับประทานแบบร้อนๆ จะช่วยแก้หนาวได้ดีนักครับ
Motsunabe – นาเบะขึ้นชื่อของฟุกุโอกะ เนื้อสัตว์อย่างเช่นเนื้อหมูหรือวัวจะนำไปใส่ในหม้อร้อนๆ ที่มีน้ำซุปคู่กับผักต่างๆ เมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
เมนูอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมและไม่ควรพลาดได้แก่ ยากิโทริ เมนไทโกะ (ต้นกำเนิดของเมนูนี้อยู่ที่ฟุกุโอกะ) และเกี๊ยวซ่า ซึ่งคุณหารับประทานได้ไม่ยากตามร้านอาหารต่างๆ หรือว่ายาไตครับ
References
- Go Fukuoka
- Visit Fukuoka
- JNTO – Nagahama Fish Market Article