ฮายาชิ ราซัน (Hayashi Razan) นักปราชญ์ลัทธิขงจื้อได้ปรารภไว้ว่า ออนเซ็นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นนั้นมีอยู่สามแห่ง ได้แก่เกโระ อาริมะ และ คูซัตสึ ซึ่งเกโระก็คือเกโระออนเซ็น (Gero Onsen) แห่งนี้เองครับ
น้ำร้อนของที่นี่นั้นใสสะอาด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ มีสรรพคุณช่วยให้ผิวพรรณเรียบลื่นและดูเปล่งปลั่ง (เหมือนกับผ้าไหม) รวมไปถึงช่วยให้ผู้แช่ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า และทำให้กล้ามเนื้อที่เจ็บปวดมีอาการบรรเทาลง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกโระออนเซ็นแห่งนี้จึงต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาตลอดหลายร้อยปีครับ ในบทความนี้ผมจึงจะมาแนะนำที่เที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจ รวมไปถึงโรงแรมที่พักคุณภาพเยี่ยมในเกโระออนเซ็นครับ
เดินทางไปยังเกโระออนเซ็น (Gero Onsen) อย่างไร?
เกโระออนเซ็น หรือเมืองเกโระ (Gero) ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ (Gifu Prefecture) เมืองออนเซ็นแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลทั้งจากเมืองท่องเที่ยวอย่างทาคายาม่า รวมไปถึงหมู่บ้านชิราคาวาโกะ และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งของจังหวัดนากาโน่ ดังนั้นถ้าคุณไปเที่ยวเมืองเหล่านี้อยู่แล้ว คุณสามารถแวะมาพักที่เกโระออนเซ็นสักคืนหนึ่งได้เช่นกัน
ส่วนเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดคือนาโกย่าครับ ซึ่งห่างออกไปประมาณ 130 กิโลเมตรเท่านั้น
อย่างไรก็ดีนักท่องเที่ยวที่มาเกโระออนเซ็นมักจะมาเที่ยวทาคายาม่ากันก่อน ซึ่งวิธีการเดินทางมาเกโระออนเซ็นจากทาคายาม่าไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ วิธีการมีดังต่อไปนี้
- นั่งรถบัส – ใช้เวลาประมาณ 90 นาที ส่วนราคาอยู่ที่ 1,060 เยน รถจะมีให้ขึ้นทุก 1-2 ชั่วโมง
- นั่งรถไฟ – มีให้เลือกตั้งแต่รถไฟแบบ local หรือ limited express ราคาจะอยู่ที่ 990-2000 เยน ซึ่งสูงกว่ารถบัสแต่จะใช้เวลาแค่ 45-60 นาทีครับ
เดินทางไปเกโระออนเซ็นจากนาโกย่า
- นั่งรถไฟ – Takayama Main Line (Wide View Hida) สามารถนำคุณจากนาโกย่ามาถึงเกโระออนเซ็นได้ภายในเวลา 90 นาทีเท่านั้น และยังวิวสวยอีกด้วยครับ (รวมใน Japan Rail Pass)
ส่วนใครที่เช่ารถในญี่ปุ่นอยู่แล้ว คุณสามารถขับรถจากทาคายาม่าหรือนาโกย่ามายังเกโระออนเซ็นได้โดยตรงเลยครับ เส้นทางถนนต่างๆ นั้นมีคุณภาพดีอยู่แล้ว
อ้างอิงจาก Gero Onsen Official Homepage
ที่พัก
ถ้าคุณมาเที่ยวทาคายาม่าในช่วงเทศกาลใหญ่ของเมือง (Takayama Festival) มีโอกาสสูงมากที่ที่พักในเมืองทาคายาม่าจะเต็ม แถมราคาก็สูงมากขึ้นกว่าทั่วไป ดังนั้นด้วยความที่เกโระออนเซ็นอยู่ไม่ไกลจากทาคายาม่ามากนัก คุณสามารถมานอนพักแช่ออนเซ็นที่นี่ แล้วค่อยกลับไปทาคายาม่าช่วงเช้าก็ได้ครับ
อ่านบทความนี้เพื่อช่วยคุณตัดสินใจเลือกที่พักในเกโระออนเซ็นครับ
1. แช่ออนเซ็น
เมื่อมาถึงเกโระออนเซ็นแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่คุณพลาดไม่ได้ก็คือการแช่ออนเซ็นครับ ซึ่งออนเซ็นของที่นี่จะมีทั้งแบบที่ตั้งอยู่ในโรงอาบน้ำที่เปิดให้ใครเข้าไปใช้บริการก็ได้กับในเรียวกังที่ให้บริการแขกที่เข้าพักแบบค้างคืน (เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในเรียงกัง แต่ช่วงกลางวันบางแห่งก็อาจจะเปิดให้นักท่องเที่ยวอื่นๆ เข้าไปใช้บริการได้เช่นกัน)
โดยมากแล้วผมว่าแช่ในเรียวกังก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ดีถ้าคุณอยากจะได้ประสบการณ์ที่แตกต่าง การไปแช่ที่หลายๆ ที่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
ว่าด้วย Onsen Pass
สำหรับใครที่อยากเข้าออนเซ็นมากกว่า 1 แห่ง (เช่นอยากไปเข้าที่โรงแรมหรือเรียวกังอื่นด้วย) คุณสามารถซื้อบัตรผ่านที่เรียกว่ายูเมกูริ เทกาตะ (Yumeguri Tegata, 湯めぐり手形) หรือที่เรียกกันว่า Onsen Pass ได้ ซึ่งบัตรนี้จะให้นักท่องเที่ยวเข้าไปแช่ได้ในออนเซ็น 3 แห่งในเมืองครับ
คุณสามารถซื้อบัตรผ่านนี้ได้ที่สถานีรถไฟ รวมไปถึงเรียวกังได้แทบทุกแห่งเลยครับ หลังจากใช้เสร็จแล้ว คุณสามารถเก็บบัตรผ่านไว้เป็นของที่ระลึกได้นะครับ เพราะตัวบัตรผ่านเป็นป้ายไม้ที่สวยงามทีเดียว
ส่วนธรรมเนียมการแช่ออนเซ็นของที่เกโระออนเซ็นก็จะไม่แตกต่างกับที่อื่นเท่าใดนัก สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือส่วนมากแล้วจะไม่ให้ผู้ที่มีรอยสักใช้บริการครับ รวมไปถึงไม่สามารถใส่ชุดว่ายน้ำลงแช่ได้ หลายคนอาจจะรู้สึกขวยเขิน ถ้าไม่ไหวจริงๆ คุณสามารถเลือกเช่าเป็นแบบส่วนตัวได้ แต่ค่าใช้จ่ายแน่นอนจะสูงกว่าแช่บ่อรวมมากครับ
2. ขอพรที่วัดออนเซ็น
วัดออนเซ็นหรือ Onsen-ji เป็นวัดในศาสนาพุทธที่อุทิศให้กับพระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุ ซึ่งศาสนิกนิกายมหายานเชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าแห่งการรักษาโรค โดยชาวเมืองมีความเชื่อว่าพระองค์เคยช่วยเหลือด้วยการคืนน้ำพุร้อนให้กับเมือง หลังจากที่ถูกทำลายไปเพราะแผ่นดินไหวในอดีตกาลครับ
ดังนั้นถ้าใครกำลังต่อสู้กับอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง คุณสามารถมาขอพรที่นี่เพื่อขอให้หายป่วยได้ครับ
3. ชมหมู่บ้านกาสโชมุระ
จังหวัดกิฟุเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงเพราะบ้านแบบกาสโชสึคุริ (Gassho-zukuri) ซึ่งเป็นฟาร์มเฮ้าส์แบบญี่ปุ่นที่มีอายุนับร้อยปี ทั้งนี้ที่เกโระออนเซ็นก็มีให้ชมเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ได้มีจำนวนมากเท่ากับหมู่บ้านชิราคาวาโกะก็ตามครับ
สถานที่ที่ว่าก็คือ Gero Onsen Gassho Mura โดยมีลักษณะเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดโล่งแบบ open-air museum ด้านในจะมีบ้านแบบกาสโชสึคุริให้ชมประมาณสิบหลังด้วยกัน แต่ละหลังอยู่ในสภาพสมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีการแสดงต่างๆ ให้ได้ชมกันอีกด้วย อย่างเช่นการแสดงหุ่นทาเคฮาระ (Takehara Puppet) เช่นเดียวกับกิจกรรมอื่นๆ เช่นการปั้นและวาดลวดลายเซรามิก (เป็น Workshop) ครับ
ค่าเข้าชม: 800 เยน
4. ชมน้ำตกและใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนอุโจ
เกโระออนเซ็นมีสวนที่สวยงามอยู่แห่งหนึ่งนามว่าสวนอุโจ (Ujo Park) ด้านในสวนมีต้นไม้หนาแน่น และยังมีน้ำตกที่ไหลลงมาเป็นขั้นบันไดอีกด้วย ที่นี่จึงถือว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าสนใจมาก และแถมยังแทบไม่มีคนอีกด้วยครับ
หนึ่งกิจกรรมที่คนญี่ปุ่นนิยมทำที่นี่คือมาปิกนิก เพราะด้านในมีที่นั่งและซุ้มเงียบๆ อยู่หลายแห่งเลยครับ
5. ชมวัดและศาลเจ้าอื่นๆ
ใกล้กับเกโระออนเซ็นมีวัดและศาลเจ้าที่คุณสามารถเดินไปชมได้ อย่างเช่น
- ศาลเจ้ากบ (Kaeru Jinja) – ศาลเจ้าที่มีรูปสักการะเป็นกบ รวมไปถึงรูปปั้นอื่นๆ มากมาย ทั้งนี้เมืองนี้ความสัมพันธ์กับกบ เพราะว่าคำว่าเกโระพ้องเสียงกับเสียงร้องของกบครับ
- วัดเซ็นโชจิ (Zenshoji) – ตั้งอยู่ทางเหนือของเกโระออนเซ็น ที่นี่เป็นวัดนิกายเซนที่มีสวนแบบญี่ปุ่นที่ทั้งสวยงามและมีบรรยากาศอันเงียบสงบ นอกจากนี้ยังมีโรงชาให้ดื่มแก้หนาวอีกด้วย
- ศาลเจ้าโมริฮาจิมัน (Mori Hachiman Shrine) – ตั้งอยู่ตอนเหนือของแม่น้ำฮิดะ ในศาลเจ้ามีรูปปั้นของเทพเจ้าในศาสนาชินโตหลายองค์ ซึ่งแต่ละองค์มีอายุกว่าพันปีครับ
- วัดกันฟุจิเดระ หรือวัดจิโซ (Jizo Temple) – วัดแห่งนี้ประดิษฐานรูปเคารพของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ หรือ จิโซ (Jizo) ในภาษาญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นที่ป่วยเป็นโรคภายในอย่างเช่นโรคมะเร็ง หรือว่าตั้งครรภ์มักจะเดินทางมาสวดมนต์และขอพรกันที่นี่เพื่อให้หายป่วย หรือให้กำเนิดบุตรอย่างราบรื่นครับ
6. ช้อปปิ้งที่ตลาดอิเดยุ
ตลาดอิเดยุ (Ideyu Market) เป็นตลาดชั่วคราวที่จำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรแบบสดๆ อย่างเช่นผักและผลไม้ ซึ่งตลาดนี้จะเปิดในช่วงเช้าของ green season (เมษายนถึงพฤศจิกายนเท่านั้น) แต่ในช่วงฤดูร้อน (กรกฎาคม-สิงหาคม) จะมีตลาดเย็นเปิดในที่เดียวกันครับ
ตัวตลาดอยู่ห่างไม่ไกลจากหมู่บ้านกาสโชมุระเท่าไรนักครับ ถ้าคุณมาถึงแล้วตัวหมู่บ้านยังไม่เปิด คุณสามารถไปหาอะไรอร่อยๆ กินในตลาดก่อนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมะเขือเทศที่มีชื่อเสียงมาก ชาวเมืองมักจะดื่มหลังจากที่ขึ้นมาจากออนเซ็นครับ
7. เข้าร่วมเทศกาลและชมการแสดง
เช่นเดียวกับเมืองทั่วไปในญี่ปุ่น เกโระออนเซ็นนั้นมีเทศกาลและการแสดงให้ชมเกือบจะตลอดทั้งปี อย่างเช่นเทศกาลไฟริวจิน (Ryujin Fire Festival) ในเดือนสิงหาคมที่มีทั้งขบวนรถแห่ เกอิชา และการแสดงดอกไม้ไฟครับ
นอกจากนี้สำหรับใครที่ชอบดูการแสดงคาบูกิ คุณสามารถชมได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมและพฤศจิกายนครับ
8. แช่เท้าที่บ่อสปาเท้า
หลังจากที่เดินเที่ยวมาเหนื่อยๆ หลายคนคงจะรู้สึกปวดเท้าไม่มากก็น้อย ดังนั้นคำแนะนำของผมคือไปสปาเท้าครับ ซึ่งมีอยู่หลายแห่งเลยในเกโระออนเซ็นอย่างเช่น
- Sagi’s Foot Spa – บ่อสปาเท้าแห่งแรกในเมืองออนเซ็นแห่งนี้ รอบตัวบ่อจะเป็นอาคารไม้ ซึ่งคุณสามารถซึมซับบรรยากาศแบบดั้งเดิมครับ
- Gassho Footbath – ตั้งอยู่ในหมู่บ้านกาสโชมุระ ซึ่งที่นี่มีจุดเด่นคือรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทำให้คุณสัมผัสกับสายลมที่พริ้วไหวและกลิ่นอายอันสดชื่นของภูเขาและป่าไม้ ระหว่างที่ผ่อนคลายจากการแช่เท้าครับ
- Miyabi Foot Spa – บ่อสปาเท้าที่มีลานไม้ให้นั่ง และในตัวบ่อแช่เท้าจะมีรูปปั้นกบตั้งอยู่ด้วยครับ บ่อนี้ถือว่าใหม่ที่สุดในเกโระออนเซ็น
- Sarubobo Golden Foot Spa
- Venus Foot Spa – บ่อสปาเท้าแบบตะวันตกที่มีจุดเด่นคือมีรูปปั้นวีนัส เทพีแห่งความงามในตำนานกรีกตั้งอยู่ด้วย แต่ข้อเสียของที่นี่คือน้ำที่ให้แช่ถือว่าร้อนกว่าที่อื่นครับ ทำให้หลายคนแช่ได้ไม่นานนัก
หมู่บ้านออนเซ็นอื่นๆ
- กินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen) – ออนเซ็นที่วิวสวยอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในจังหวัดยามากาตะ