กุ้ยหลิน (Guilin) เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของมณฑลกว่างซี (กวางสี) และมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในฐานะหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในจีน และเป็นยอดของทิวทัศน์แบบภูเขาและสายน้ำ (山水甲天下, ซันสุ่ยเจี่ยเทียนเซี่ย) ที่ควรค่าต่อการไปเยี่ยมเยือนสักครั้งหนึ่ง ในฐานะที่เคยได้ไปเยือนเมืองกุ้ยหลินมาแล้ว ผมรู้สึกว่าไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อยครับ
บทความนี้จึงจะมาแนะนำเมืองกุ้ยหลินให้คุณรู้จักอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองบริการต่างๆผ่านทางลิงค์ในบทความครับ
รู้จักเมืองกุ้ยหลิน (Guilin)
สภาพภูมิศาสตร์ของเมืองนั้นอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลกว่างซี โดยอยู่ทางตอนเหนือของหนานหนิง เมืองเอกของมณฑลประมาณ 390 กิโลเมตร บริเวณตัวเมืองนั้นเต็มไปด้วยภูเขาหินปูนสมัยยุคไทรแอสสิคที่ถูกกัดกร่อนโดยสายน้ำหรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Karst ครับ นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำหลีเจียงอันเป็นแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านตัวเมืองอีกด้วยครับ
ในสมัยช่วงก่อนคริสตกาล 320 ปี พื้นที่บริเวณนี้มีชาวไป๋เยว่มาอยู่อาศัย ซึ่งชนชาตินี้นั้นครอบครองพื้นที่อันกว้างใหญ่ตั้งแต่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนไปจนถึงตอนเหนือของเวียดนาม เพราะฉะนั้นจะรวมไปถึงกว่างซีและยูนนาน (คุนหมิง ต้าลี่ ลี่เจียง) ด้วยครับ
ถึงกระนั้นในเวลานั้นกุ้ยหลินเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่ได้เจริญมากเท่าไรนัก จนกระทั่งในอีกประมาณร้อยกว่าปีต่อมา ราชวงศ์ฉินของฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) ได้ส่งกองทัพใหญ่ยกไปปราบปรามอาณาจักรหนานเยว่จนสำเร็จ พื้นที่ส่วนนี้จึงอยู่ในการปกครองของชาวจีนนับตั้งแต่บัดนั้น ราชสำนักฉินได้ตั้งศูนย์กลางปกครองดินแดนแถบนี้ในพื้นที่ซึ่งจะกลายเป็นเมืองกุ้ยหลินในปัจจุบัน
กุ้ยหลินได้เป็นเมืองจริงๆ ในสมัยราชวงศ์ฮั่น โดยเป็นเมืองขนาดเล็กที่ห่างไกลความเจริญ เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารที่ห่างไกลจากเมืองหลวง แต่ได้เริ่มเจริญขึ้นเป็นเมืองสำคัญในสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง เนื่องจากเป็นที่ตั้งของรัฐบาลท้องถื่นที่ถูกควบคุมดูแลโดยราชสำนักอีกทีหนึ่ง
อย่างไรก็ดีกุ้ยหลินไม่ได้ทวีความสำคัญมากขึ้นในสมัยราชวงศ์ จนกระทั่งในช่วงสาธารณรัฐจีนที่เผชิญการรุกรานของญี่ปุ่น และรัฐบาลกลางได้เสียดินแดนฝั่งตะวันออก (เซี่ยงไฮ้และนานกิง) ให้ญี่ปุ่นยึดครอง จนต้องย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่ฉงชิ่ง ด้วยเหตุนี้กุ้ยหลินที่อยู่ไม่ไกลจากฉงชิ่งมากนักจึงได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้า การทหาร และการคมนาคม จำนวนประชากรในเมืองเองก็เพิ่มหลายเท่าจากผู้อพยพจีนที่หนีไฟสงครามมาที่นี่ครับ
ในปี ค.ศ.1950 กุ้ยหลินที่เป็นเมืองหลวงของมณฑลมาตลอดได้เสียวสถานะดังกล่าวให้กับเมืองหนานหนิงที่อยู่ตอนใต้ แต่อีกสามสิบกว่าปีต่อมาก็ได้เป็นเมืองที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ และได้พัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ปัจจุบันกุ้ยหลินเป็นเมืองที่รับนักท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของจีนครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปกุ้ยหลิน (Guilin) ทำอย่างไร?
กุ้ยหลินเดินทางไปอย่างง่ายดายจากประเทศไทย คุณสามารถเลือกได้ระหว่างจองตั๋วเครื่องบินจากกรุงเทพไปกุ้ยหลินโดยตรง (ส่วนมากจะเปลี่ยนเครื่อง 1 ครั้ง ทว่าเที่ยวบินตรงก็มีเช่นกันแต่ไม่มากนัก) หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือบินไปลงเมืองหนานหนิง หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟความเร็วสูงไปยังกุ้ยหลินครับ สำหรับตั๋วรถไฟความเร็วสูง จองได้ง่ายดายผ่าน Trip.com ครับ
ไปเที่ยวเมืองกุ้ยหลินช่วงไหนดี?
กุ้ยหลินสวยงามในทุกฤดู แต่ช่วงที่ดีที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เพราะอากาศจะเย็นสบายไม่หนาวจนเกินไปครับ อย่างไรก็ดีช่วงที่คุณควรหลีกเลี่ยงคือช่วงวันหยุดยาวของจีน (วันแรงงาน 1-5 พฤษภาคม และวันชาติ 1-7 ตุลาคม) เพราะในสองช่วงนั้น นักท่องเที่ยวจีนจะมีจำนวนมหาศาลครับ
การสัญจรในเมืองกุ้ยหลินทำอย่างไร?
เนื่องด้วยสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองกุ้ยหลินส่วนมากจะอยู่นอกเมือง ดังนั้นคุณจะต้องพึ่งพารถบัสหรือรถแท็กซี่เป็นหลัก รถบัสนั้นราคาถูก แต่การขึ้นลงจุดต่างๆ ให้ถูกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะถ้าคุณอ่านภาษาจีนไม่ได้ นอกจากนี้อาจจะต้องใช้เวลารถนานไม่น้อย และในรถก็อึดอัดมาก ทำให้ไม่สะดวกเท่าไรนัก
ทางเลือกที่ผมเองใช้บ่อยที่สุดในจีนก็คือแท็กซี่ ซึ่งแท็กซี่จีนราคาไม่สูงและไว้ใจได้ (แค่อย่าเรียกแท็กซี่เถื่อน และให้คนขับใช้มิเตอร์ทุกครั้ง) แต่บางทีถ้าออกนอกเมืองไปไกล แท็กซี่อาจจะน้อยมากไม่ว่าจะเรียกจากแอพ หรือว่าโบกเองก็ตามครับ
ถ้าคุณต้องการความสะดวกสบายจริงๆ การจองทัวร์ที่ไม่ได้เข้าร้านค้า (No Shopping) ผ่าน Trip.com ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ
1. ล่องแม่น้ำหลีเจียง
กุ้ยหลินเป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแม่น้ำหลีเจียง (Li River) กิจกรรมซึ่งให้คุณได้สัมผัสกับความงามอันสุดยอดแบบซันสุ่ยเจี่ยเทียนเซี่ยของกุ้ยหลิน กวีจีนในอดีตเคยพรรณนาไว้ว่า แม่น้ำหลีเจียงเปรียบเหมือนกับสายผ้าไหมสีเขียว ส่วนขุนเขาพงไพรนั้นดุจดั่งปิ่นปักผมหยกครับ
ในการล่องนั้นมักจะทำในส่วนที่สวยที่สุดนั่นคือจากกุ้ยหลินไปยังหยางซั่ว โดยจะใช้เวลาล่องทั้งหมดประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่าการล่องเรือตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แต่ผมยืนยันเลยว่าคุณจะไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย ขนาดผมเองที่โดยทั่วไปแล้วไม่ได้ชอบล่องเรือมากนัก ผมยังรู้สึกว่าการล่องแม่น้ำหลีเจียงที่กุ้ยหลินนี้คือสุดยอดจริงๆ ครับ
ตลอดเส้นทางนั้นคุณจะเห็นภูเขาสูงรูปทรงแปลกๆ เรียงรายตามทุ่งราบ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ชาวบ้านยังใช้ชีวิตกับสายน้ำ ไปจนถึงแลนด์มาร์กสำคัญๆ ของเมืองกุ้ยหลิน อาทิเช่น Elephant Trunk Hill (เขางวงช้าง) หรือเซี่ยงปี๋ซาน เมืองโบราณต้าซีว์ (Daxu Ancient Town) ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำหลีเจียง ภูเขาเซี่ยงกงและซิงผิง ฯลฯ
สำหรับการล่องเรือนั้นมีหลากหลาย package ด้วยกัน โดยจะมีให้เลือกระหว่างเรือ 3-5 ดาว รวมไปถึงต้องการทานอาหารในเรือหรือไม่ คุณสามารถเลือกและจองได้ทันทีผ่าน Trip.com ครับ ทั้งนี้ผมเคยนั่งแบบ 4 ดาวและรู้สึกว่าให้ประสบการณ์ที่ดีเพียงพอแล้วครับ
หลังจากที่คุณลงจากเรือแล้ว ผมแนะนำให้คุณอยู่เที่ยวเมืองหยางซั่วและบริเวณโดยรอบอีกสักวันหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับเมืองกุ้ยหลินครับ
2. Elephant Trunk Hill
Elephant Trunk Hill หรือเซี่ยงปี๋ซาน (象鼻山) ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่าเขางวงช้าง เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองกุ้ยหลินที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเลยก็ว่าได้ ตัวภูเขานั้นมีอายุประมาณ 3.6 ล้านปี และสูงตระหง่าน 55 เมตรเหนือแม่น้ำหลีเจียงเบื้องล่างครับ ตัวภูเขาจะมีรูตรงกลางทำให้ดูเหมือนเป็นงวงที่แยกออกจากตัวช้าง ดูโดยรวมแล้วภูเขาลูกนี้จึงเหมือนกับช้างจริงๆ ครับ
ส่วนที่เป็นรูของตัวภูเขานั้นชื่อว่า ถ้ำธาราจันทร์ (Water Moon Cave) ถ้ำทรงครึ่งวงกลมขนาดเล็กที่แม่น้ำหลีเจียงสามารถไหลผ่านได้ ซึ่งตัวถ้ำจะสะท้อนแสงจันทร์ในยามค่ำคืนซึ่งจะสวยงามมาก ด้านในตัวถ้ำมีตัวอักษรจีนแกะสลักสมัยราชวงศ์ถังและซ่งที่พรรณนาถึงความงดงามของภูมิประเทศโดยรอบที่มีอายุเกินกว่าพันปีครับ
นอกจากนี้บริเวณภูเขายังมีเจดีย์ Puxian Pagoda ที่สร้างขึ้นเพื่อสักการะพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ และ Yunfeng Temple วัดที่อุทิศให้กับพระเจี้ยนเจิน (Jianzhen) หรือกันจินในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธถึง 6 ครั้ง และได้เป็นกำลังสำคัญในการสร้างวัดโทโชไดจิที่เมืองนาราครับ
คุณสามารถเห็นภูเขาลูกนี้ได้จากการล่องแม่น้ำหลีเจียง แต่คุณจะไม่ได้ชมเขาลูกนี้อย่างใกล้ชิดนอกจากว่าจะเดินทางไปทางบก (อยู่ในพื้นที่ตัวเมือง เพราะฉะนั้นไม่ไกลนัก) นักเดินทางบางส่วนเลือกที่จะไปเที่ยวที่นี่ในช่วงเย็นเพื่อชมการแสดง Legend of Elephant Hill ซึ่งเป็นการแสดงสีเสียงที่น่าสนใจทีเดียวครับ
3. Seven Star Park
Seven Star Park หรือชีซิงกงหยวน (七星公园) แปลเป็นไทยว่าสวนเจ็ดดาว เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองกุ้ยหลิน ด้านในมีภูเขาหินปูน ถ้ำ หรือแม้กระทั่งหุบเขาขนาดย่อม และหินรูปร่างแปลกๆ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามตระการตา ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุยและถังแล้วครับ
แต่ไฮไลท์ของที่นี่แน่นอนว่าคือยอด 4 แห่งของภูเขาผู่โถวซาน ซึ่งตั้งชื่อตามดินแดนสุขาวดีของพระโพธิสัตว์กวนอิม และอีก 3 ยอดของภูเขาจันทร์เสี้ยว ทั้งหมดรวมเป็น 7 ยอดหรือ 7 ดาวตามชื่อของสวนแห่งนี้ครับ นอกจากนี้ในสวนแห่งนี้ยังมีภูเขาอูฐ (Camel Hill) ที่หน้าตาเหมือนอูฐที่มีชีวิตจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นผลงานของธรรมชาติครับ
ไม่เพียงเท่านั้นบริเวณสวนแห่งนี้ยังมีถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยให้คุณเดินสำรวจได้ เช่นเดียวกับสะพานดอกไม้ (Flower Bridge) ที่สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์ซ่ง และมีความเก่าแก่ที่สุดในเมืองครับ
4. Dreamlike Li River Show
Dreamlike Li River Show หรือเหมิ่งฮ่วนหลีเจียง (梦幻漓江) เป็นการแสดงกายกรรมที่มีชื่อเสียงของเมืองกุ้ยหลิน ในอดีตคณะกายกรรมแห่งนี้เคยได้รับเกียรติสูงสุดให้ติดตามประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมินไปแสดงที่ประเทศต่างๆ เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมจีนมาแล้ว
รูปแบบการแสดงนั้นจะเป็นการผสมผสานการเต้นระบำแบบจีนเข้ากับกายกรรม และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เกี่ยวเนื่องกับแม่น้ำหลีเจียง เช่นเดียวกับแสงสีเสียงสุดอลังการตามสไตล์จีนที่ช่วยให้ทุกอย่างดูน่าตื่นตามากขึ้น สำหรับสถานที่จัดแสดงจะอยู่ที่ Dream Theater (梦幻剧场) ในตัวเมืองกุ้ยหลินครับ
5. Riyue Shuangta Cultural Park
Riyue Shuangya Cultural Park (日月双塔文化公园) หรือยื่อเย่ว์ชวงถ่าเหวินฮว่ากวงหยวน แปลเป็นไทยได้ว่าสวนวัฒนธรรมเจดีย์คู่สุริยันจันทรา ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของกุ้ยหลิน โดยด้านในสวนจะมีเจดีย์คู่แบบจีนขนาดใหญ่ตั้งเหนือทะเลสาบซานหู ซึ่งมีนามว่าเจดีย์สุริยันจันทรา (Sun & Moon Pagodas)
เจดีย์ทั้งสองนั้นเชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์ใต้ทะเลสาบซานหู เจดีย์สุริยันที่สูง 9 นั้นจะเปล่งแสงสีทองออกมาในช่วงกลางคืน ส่วนเจดีย์จันทราสูง 7 ชั้นจะเปล่งแสงสีเงินออกมา เพราะฉะนั้นช่วงกลางคืนที่นี่จึงสวยมากครับ (ทั้งสองเจดีย์สร้างด้วยสำริดเหมือนกัน แต่สีที่เคลือบต่างกัน เพราะฉะนั้นเวลาเปิดไฟจึงมีสีคนละสีครับ)
ทั้งนี้ด้านบนเจดีย์สุริยันมีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าให้คุณได้สักการะเพื่อเป็นบุญเป็นกุศล เช่นเดียวกับชมวิวสวยๆ แบบพาโนรามาของเมืองกุ้ยหลิน
ส่วนเจดีย์จันทรานั้นจะจัดแสดงผลงานต่างๆจากลัทธิขงจื้อและเต๋า แต่ที่เป็นไฮไลท์คือ หนุ่มสาวมักจะขึ้นไปขอความรักกับเทพเจ้าเย่ว์เหล่า เทพเจ้าแห่งความรักและการแต่งงานในตำนานปรัมปราของจีนครับ ใครที่เป็นสายมูและยังไม่ได้พบรักเสียที เทพเจ้าองค์นี้อาจจะช่วยให้คุณได้พบเจอเนื้อคู่ครับ
ในส่วนของค่าเข้าชมนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 176 บาท ทั้งนี้คุณสามารถซื้อตั๋วได้จากลิงค์ด้านล่างครับ
6. Reed Flute Cave
Reed Flute Cave หรือถ้ำหลูตี๋เหยียน (芦笛岩) แปลเป็นไทยได้ว่าถ้ำขลุ่ยอ้อ เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ห่างจากตัวเมืองกุ้ยหลินประมาณ 6 กิโลเมตร ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5 ดาวของเมือง ซึ่งคุณไม่ควรพลาดทุกประการครับ ถ้ำนี้ถือว่าเดินทางไปง่ายที่สุดในหมู่ถ้ำที่มีชื่อเสียงของกุ้ยหลิน เพราะนั่งแท็กซี่ใช้เวลาแค่ 15-20 นาทีครับ
ตัวถ้ำนั้นได้ชื่อมาจากต้นอ้อที่ขึ้นอยู่บริเวณหน้าถ้ำ ซึ่งชาวเมืองนำมาใช้ทำขลุ่ยจีนมาตั้งแต่ในอดีตกาล ส่วนตัวถ้ำที่มีความยาว 240 เมตรนั้นจะเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยจำนวนมหาศาล แต่ที่ทำให้สวยเป็นพิเศษคือไฟหลากสีที่ให้ความสว่าง ทำให้ดูเผินๆ แล้วเหมือนกับถิ่นที่อยู่ของเหล่าเทพเซียนในซีรีส์จีน ใครที่ชอบดูไม่ควรพลาดเลยครับ
ในแง่ของประวัติศาสตร์นั้น ชาวจีนน่าจะรู้จักที่นี่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังแล้ว (ก่อนที่จะมีการค้นพบใหม่ในปี ค.ศ.1959) เพราะมีการพบตัวอักษรโบราณที่แกะสลักลงไปในถ้ำที่มีอายุประมาณ 14-15 ศตวรรษครับ สำหรับค่าเข้าชมจะอยู่ที่ประมาณ 400 บาท คุณสามารถจองตั๋วได้ทันทีจากลิงค์ด้านล่างครับ
7. Crown Cave
Crown Cave หรือกวนเหยียน (冠岩) แปลเป็นไทยได้ว่าถ้ำมงกุฎ เป็นถ้ำที่อยู่ริมแม่น้ำหลีเจียง ซึ่งถ้าล่องแม่น้ำก็จะเห็นเช่นกัน แต่เรือจะไม่ได้จอดให้เข้าชม ซึ่งคุณจะต้องเดินทางไปเองด้วยรถบัสหรือแท็กซี่ครับ
ถ้ำนี้ได้ชื่อว่าถ้ำมงกุฎก็เพราะ ภูเขาที่ตัวถ้ำตั้งอยู่นั้นมีรูปร่างเหมือนมงกุฎ นอกจากนี้ยังมีชื่ออื่นๆ ที่ชาวเมืองตั้งให้ด้วย เพราะว่ามีน้ำพุที่ทั้งใสบริสุทธิ์และมีรสหวานไหลออกมาจากถ้ำ ทำให้ได้ชื่อว่ากันเหยียน (甘岩) เช่นเดียวกับอีกชื่อว่ากวงเหยียน (光岩) เพราะมีลำแสงพุ่งปราดออกมาจากด้านในถ้ำที่ปราศจากแสงสว่างครับ
ความยาวของถ้ำมงกุฎนั้นมากถึง 12 กิโลเมตร ซึ่งยาวกว่าถ้ำขลุ่ยอ้อหลายเท่า แต่ที่เปิดให้ชมนั้นมีแค่ 3 กิโลเมตรเท่านั้นครับ ซึ่งในการจะชมจุดต่างๆ นั้น คุณสามารถนั่งลิฟต์ในถ้ำลงไป ตอนที่ผมไปเที่ยวที่นี่นั้น ผมยอมรับเลยว่ารู้สึก wow สุดๆ เลยครับ
ด้านในและด้านนอกมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามยิ่ง และได้รับการเปิดไฟอย่างสวยงามเช่นกัน หนึ่งในไฮไลท์ของถ้ำมงกุฎคือ Palm Hall ที่มีเสาหินคล้ายต้นปาล์มที่สูงถึง 50 เมตร แถมแท่งหินยังหนามากขนาดหลายคนโอบยังไม่พอ นอกจากนี้คุณยังสามารถล่องเรือในแม่น้ำใต้ถ้ำเพื่อชมทัศนียภาพได้อีกด้วย
นอกจากตัวถ้ำแล้ว ในพื้นที่สถานที่ท่องเที่ยวยังมีสวนสวยให้ชมด้วย เช่นสวนพีชและพลัม ไปจนถึงสระปลาคาร์ป และหมู่บ้านชนพื้นเมือง ซึ่งให้คุณเก็บภาพสวยๆ เป็นความทรงจำครับ
8. Silver Cave
Silver Cave หรือหยินจื่อเหยียน (银子岩) แปลเป็นไทยได้ว่าถ้ำเงิน เป็นถ้ำหินปูนที่ใหญ่ที่สุดในกุ้ยหลิน โดยครอบคลุมพื้นที่ด้านในภูเขาถึง 12 แห่ง และมีลักษณะเป็นถ้ำหลายชั้น ทำให้มีพื้นที่รวมแล้วมากถึงหนึ่งล้านตารางเมตรครับ ในปัจจุบันส่วนที่เปิดให้เดินชมได้จะยาวประมาณสองกิโลเมตรครับ
ในฐานะที่ได้ไปเยือนถ้ำแห่งนี้มาแล้วและประทับใจมาก ผมกล่าวได้ว่าถ้ำแห่งนี้เป็นหนึ่งในถ้ำที่สวยที่สุดในชีวิตที่เคยไป โดยหินงอกหินย้อยของที่นี่มีรูปร่างสวยงามแปลกตา บ้างเหมือนดอกไม้ ผ้าม่าน ดวงดาว หรือแม้กระทั่งเหมือนพระพุทธรูป ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานของธรรมชาติ 100% ครับ
หินเหล่านี้นั้นพอโดนแสงสีต่างๆ แล้วจะทอประกายระยิบระยับเหมือนกับเงินและเพชร นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ถ้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่าถ้ำเงินนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีคำพังเพยว่า ใครที่เคยไปเยือนถ้ำเงินจะไม่มีวันเดือดร้อนเรื่องเงิน เพราะฉะนั้นสายมูมิควรพลาดครับ
ถ้ำเงินสามารถเดินทางไปได้ด้วยรถบัสหรือแท็กซี่ ส่วนค่าเข้านั้นจะอยู่ที่ประมาณ 320 บาท คุณสามารถซื้อได้ทันทีผ่านลิงค์ด้านล่างครับ
9. Daxu Ancient Town
เมืองโบราณต้าซีว์ (Daxu Ancient Town, 大圩) เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหลีเจียง ซึ่งห่างจากเมืองกุ้ยหลินประมาณ 23 กิโลเมตร ตัวเมืองสร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ซ่งเหนือ (เป่ยซ่ง) ทำให้มีอายุอย่างต่ำประมาณหนึ่งพันปี ด้านในเมืองยังหลงเหลืออาคารบ้านเรือนเช่นเดียวกับศาสนสถานที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง เพราะฉะนั้นใครที่ชอบบ้านโบราณไม่ควรพลาดทุกประการครับ
นอกเหนือจากบ้านเรือนโบราณแล้ว คุณยังสามารถชมวิวสวยๆ ของแม่น้ำหลีเจียงได้ด้วย โดยเฉพาะจากสะพานว่านโซ่วเฉียวที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง และมีอายุหลายศตวรรษครับ
ไม่ไกลจากเมืองโบราณต้าสีว์มีน้ำตกกู่ตง (Gudong Waterfall) ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ซึ่งคุณสามารถปีนน้ำตกได้ กิจกรรมที่รัฐบาลไม่ได้อนุญาตให้ทำได้บ่อยนักในประเทศจีนครับ
10. Jingjiang Palace
Jingjiang Palace หรือพระราชวังจิ้งเจียงเป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นในสมัยต้นราชวงศ์หมิงเพื่อเป็นที่พำนักของหวาง (หรืออ๋อง) ผู้เป็นพระนัดดาของจูหยวนจาง ปฐมจักรพรรดิผู้สถาปนาราชวงศ์ อายุของพระราชวังแห่งนี้นั้นมากกว่าพระราชวังต้องห้ามที่ปักกิ่งเสียอีกครับ และถือว่าเป็นพระราชวังสมัยหมิงที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบัน
ที่นี่เป็นสถานที่พำนักของหวางทั้งหมด 14 พระองค์จวบจนสิ้นราชวงศ์หมิง ในสมัยราชวงศ์ชิง ที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่กลางสำหรับสอบคัดเลือกเข้ารับราชการ ก่อนที่จะกลายเป็นโบราณสถาน สถานศึกษา (Guangxi Normal University) และสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบันครับ
ไฮไลท์ของวังแห่งนี้คือจู๋ซิ่วเฟิงหรือ Solitary Beauty Peak ซึ่งเป็นจุดชมวิวมุมสูงของเมืองกุ้ยหลินที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ไปจนถึง Zhuangyuan Jidi ประตูขนาดใหญ่ที่ระลึกถึงการสอบในสมัยราชวงศ์ชิงที่เมืองกุ้ยหลินมีจ้วงหยวน (จอหงวน หรือบัณฑิตทำคะแนนดีที่สุดในประเทศในปีนั้น) ถึงสองคนในระยะเวลาเพียง 4 ปีเท่านั้น
11. ชมสวนสวยอื่นๆ
นอกเหนือจากสวนที่ผมแนะนำไปแล้ว กุ้ยหลินยังมีสวนสวยที่น่าสนใจอยู่อีกหลายแห่ง อาทิเช่น
- West Hill Park – สวนขนาดใหญ่ถึงสองตารางกิโลเมตร ด้านในมีทะเลสาบ ถ้ำ เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์กุ้ยหลิน (Guilin Museum) ที่จัดแสดงโบราณวัตถุมากมายจากสมัยราชวงศ์หมิงและชิงครับ นอกจากนี้ยังมีวัดสีชิ่งหลิงที่มีรูปปั้นพระถึง 200 องค์ที่ตั้งอยู่ริมผาครับ
- South Lake Park – สวนสาธารณะที่มีประวัติย้อนไปได้ถึงสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวหลงจี่ถิง (Longjiting) หนึ่งในจุดชมวิวมุมสูงที่สวยที่สุดในเมือง เช่นเดียวกับถ้ำและน้ำพุที่ผลิตน้ำคุณภาพเยี่ยม ในอดีตทางเมืองกุ้ยหลินได้ส่งน้ำจากน้ำพุแห่งนี้เป็นบรรณาการแก่ราชสำนักครับ
- Guilin Botanical Gardens – สวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกๆ ของประเทศจีน ปัจจุบันได้รับการแบ่งโซนเป็นสวนดอกไม้ สวนสมุนไพร สวนต้นปาล์ม สวนซากุระ ฯลฯ นอกจากนี้ไม่ไกลจากสวนแห่งนี้ยังมี Lianda Commercial Plaza ที่มีร้านอาหารราคาไม่สูงให้คุณเลือกรับประทานด้วยครับ
12. ช้อปปิ้งที่ถนนเจิ้งหยาง
ถนนคนเดินเจิ้งหยาง (Zhengyang Walking Street) หรือเจิ้งหยางปู่ซิงเจีย เป็นถนนคนเดินสายหลักของเมืองกุ้ยหลินที่มีทั้งร้านค้าและร้านอาหารมากมาย อาคารในถนนเหล่านี้สร้างเลียนแบบสมัยฮั่นและถัง เช่นเดียวกับอาคารที่สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมตะวันตกครับ
เพราะฉะนั้นที่นี่จึงเป็นตัวเลือกอันดับ 1 เลยถ้าคุณอยากช้อปปิ้งหรือหาของฝากจากกุ้ยหลินครับ