หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น9 ที่เที่ยวฮามามัตสึ (Hamamatsu) และกิจกรรมน่าสนใจที่ห้ามพลาด

9 ที่เที่ยวฮามามัตสึ (Hamamatsu) และกิจกรรมน่าสนใจที่ห้ามพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

ฮามามัตสึ (Hamamatsu) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของจังหวัดชิซุโอกะ ซึ่งตั้งอยู่ในตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น ตัวเมืองมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม รวมไปถึงธรรมชาติที่สวยงามโดดเด่น ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่อันน่าสนใจถ้าคุณได้มาเยือนชิซุโอกะครับ

ในบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับฮามามัตสึคร่าวๆ ก่อนที่จะไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ

รู้จักฮามามัตสึ (Hamamatsu)

ฮามามัตสึเป็นเมืองโบราณที่เก่าแก่ นักโบราณคดีญี่ปุ่นได้พบหลักฐานว่ามีผู้คนอาศัยที่นี่มาตั้งแต่ช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก เพราะฮามามัตสึตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ ซึ่งมีทรัพยากรทั้งผืนดินและผืนน้ำที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง

ในช่วงยุคนารา ฮามามัตสึได้เจริญเติบโตขึ้นเป็นเมืองสำคัญ โดยเป็นถึงเมืองหลวงของจังหวัดโทโตมิ จังหวัดโบราณของญี่ปุ่นครับ ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 16 ฮามามัตสึได้กลายเป็นเมืองปราสาท เพราะตระกูลอิมากาว่า (Imagawa Clan) ที่ปกครองพื้นที่แถบนี้ได้สร้างปราสาทฮิคุมะขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากไดเมียวคนอื่นครับ

ฮามามัตสึ
by korinnna/ShutterStock

อย่างไรก็ดีตระกูลอิมากาว่าได้พ่ายแพ้ต่อตระกูลโอดะในศึกโอเคฮาซามะ ทำให้ฐานอำนาจเสื่อมถอยลง จนสุดท้ายก็หมดสิ้นอำนาจ ดินแดนแถบนี้จึงตกไปอยู่ในการปกครองของตระกูลโตกุกาวะ โดยโตกุกาวะ อิเอยาสึได้สร้างปราสาทแห่งใหม่ขึ้นชื่อว่าปราสาทฮามามัตสึ และได้ย้ายฐานอำนาจของตนมาตั้งอยู่ที่นี่

ในช่วงสมัยโชกุนโตกุกาวะ ฮามามัตสึยังคงรุ่งโรจน์ในฐานะเมืองปราสาท รวมไปถึงเมืองที่พักนักเดินทาง เพราะเป็นเมืองสำคัญที่ตั้งอยู่บริเวณทางหลวงไทไคโด (Tokaido) ที่เชื่อมเอโดะกับเกียวโต นักเดินทางจำนวนมหาศาลจึงเดินทางผ่านที่นี่ไปในแต่ละปีครับ ผู้ปกครองที่นี่คือเหล่าฟุไดไดเมียวที่ใกล้ชิดกับโชกุน ซึ่งได้ถูกสลับผัดเปลี่ยนกันมาปกครองที่นี่ (ต่างจากเมืองอื่นๆ อย่างเซนไดที่ถูกปกครองยาวๆ โดยตระกูลดาเตะครับ)

จุดชมวิวตะวันตกดินที่ฮามามัตสึ
by Raicho/ShutterStock

ช่วงยุคเมจิเป็นช่วงที่มีการจัดการปกครองใหม่ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้รวมฮามามัตสึเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดชิซุโอกะ และได้ปรับเปลี่ยนเมืองให้กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมหนัก กองทัพอากาศญี่ปุ่นเองก็เคยตั้งฐานทัพที่นี่อีกด้วย ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่ตัวเมืองจะโดนทิ้งระเบิดหนักมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนทำให้ตัวเมืองเดิมได้รับความเสียหายถึง 60% ครับ

ในช่วงหลังสงคราม ฮามามัตสึได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ และกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าส่งออกอย่างมาก ตั้งแต่จักรยานยนต์ไปจนถึงอุปกรณ์ดนตรีต่างๆ ครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปฮามามัตสึทำอย่างไร?

ฮามามัตสึเป็นฮับการคมนาคมที่สำคัญของภูมิภาค ดังนั้นคุณสามารถนั่ง Tokaido Shinkansen (Kodama ทุกขบวน และ Hikari บางขบวนเท่านั้น) ไปได้จากสถานีโตเกียว เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ที่ชินคันเซนสายนี้ผ่านอย่างเช่นนาโกย่า โอซาก้า เกียวโต หรือโอดาวาระครับ

การสัญจรในเมืองฮามามัตสึทำอย่างไร?

การสัญจรในเมืองและบริเวณโดยรอบจะใช้บริการรถไฟและรถประจำทางของ Entetsu Bus เป็นแกนหลัก แต่ถ้าอยากได้ความสะดวกสบายมากกว่านั้น คุณจะต้องใช้บริการแท็กซี่หรือว่าเช่ารถมาเองครับ

ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Hamamatsu Japan โปรดตรวจสอบที่ต้นทางอีกครั้ง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ

1. ทะเลสาบฮามานะ

ทะเลสาบฮามานะ (Lake Hamana) หรือฮามานะโกะ เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดมาก่อน แต่เนื่องจากแผ่นดินใหญ่ขนาดใหญ่ในช่วงศตวรรษที่ 15 ได้ทำให้พื้นดินที่กั้นระหว่างทะเลสาบกับมหาสมุทรแปซิฟิกยุบตัวลง ตัวทะเลสาบจึงกลายเป็นทะเลสาบน้ำเค็มครับ

ทะเลสาบฮามานะ
by somsak nitimongkolchai/ShutterStock

วิธีการชมทะเลสาบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือนั่งกระเช้า Kanzanji Ropeway (1,100 เยนต่อคน) กระเช้าแห่งเดียวของญี่ปุ่นที่พาดผ่านผืนทะเลสาบ และนำคุณขึ้นไปสู่ยอดของภูเขาโอคุสะ (Mt.Okusa) ซึ่งเมื่อขึ้นไปถึงแล้วคุณจะเห็นวิวทะเลสาบจากมุมสูงแบบสวยงามมาก เช่นเดียวกับตัวเมืองฮามามัตสึและมหาสมุทรแปซิฟิกครับ

สำหรับใครที่อยากได้ประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกว่านี้ คุณสามารถเลือกล่องเรือได้เช่นกัน ซึ่งรวมไปถึงล่องเรือแบบพิเศษช่วงกลางคืนที่จะนำคุณไปชมการจับปลาแบบพื้นเมืองโดยการใช้หอกที่สืบเนื่องกันนานกว่าศตวรรษครับ แต่ทัวร์หลังนี้จะแพงหน่อยเพราะเป็นกิจกรรมพิเศษจริงๆ ราคาอาจจะเริ่มต้นที่ 40,000-50,000 เยนต่อคนเลยครับ

จุดที่คนนิยมไปถ่ายรูปกันคือที่สะพานชิบุกิ (Shibuki Bridge) สะพานโค้งสีแดงที่มีลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ครับ

2. คันซันจิออนเซ็น

คันซันจิอออนเซ็น (Kanzanji Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นที่อยู่ริมทะเลสาบฮามานะ ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นที่นิยมมาแช่ออนเซ็นผ่อนคลายที่โรงอาบน้ำและเรียวกังที่เปิดให้บริการริมทะเลสาบครับ

นอกเหนือจากออนเซ็นแล้ว คันซันจิออนเซ็นยังมีสถานที่หลายแห่งที่น่าสนใจอย่างเช่นวัดคันซันจิ (Kanzanji Temple) วัดที่เชื่อกันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 โดยเป็นสถานที่ประดิษฐานขององค์พระโพธิสัตว์จิโซะ (หรือกษิติครรภโพธิสัตว์) ซึ่งตามความเชื่อของญี่ปุ่นนั้นศักดิ์สิทธิ์มากในเรื่องของการหาคู่ ศาสนิกจึงมักเดินทางมาเขียนแผ่นไม้เพื่อขอคู่ครองที่ดีงามที่วัดแห่งนี้ครับ นอกจากนี้ยังมีพระโพธิสัตว์กวนอิม (หรือคันนง) สูง 16 เมตรให้ได้สักการะด้วยครับ

ใกล้กับวัดคันซันจิมีร้านข้าวหน้าปลาไหลชื่อดังอย่าง Kanzanjien ที่เสิร์ฟอุนาด้ง (ข้าวหน้าปลาไหลย่าง) เช่นเดียวกับเมนูปลาไหลอื่นๆ ทีเด็ดของที่นี่คือปลาไหลทุกตัวจะเป็นของพื้นเมืองทั้งหมด ทำให้รสชาติยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ตัวร้านยังอยู่ริมทะเลสาบ ทำให้คุณนั่งชมวิวไปพร้อมๆ กับลิ้มรสความอร่อยของข้าวหน้าปลาไหลไปด้วยพร้อมๆ กันครับ

3. สวนดอกไม้ฮามามัตสึ

สวนดอกไม้ฮามามัตสึ (Hamamatsu Flower Park) เป็นสวนพฤษภศาสตร์ที่อยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบฮามานะ ด้านในมีดอกไม้มากมายถึง 3,000 ชนิดด้วยกันให้ชมทั้งในรูปแบบ indoor และ outdoor ตั้งแต่ทิวลิป กุหลาบ ซากุระ และ wisteria และอื่นๆ อีกมากมาย

อย่างไรก็ดีดอกเหล่านี้ไม่ได้บานพร้อมกันครับ จริงๆแล้วทางสวนดอกไม้ได้มีเอกสารว่าช่วงไหนจะมีอะไรบานบ้างตลอดทั้งปี แต่น่าเสียดายที่ตัวเอกสารเป็นภาษาญี่ปุ่นครับ ถ้าจะเอาชัวร์จริงๆ ไปช่วงเทศกาล Lake Hamana Flower Festa (ปลายมีนาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน) จะดีที่สุด เพราะช่วงนั้นดอกไม้สวยๆ จะบานให้ชมมากมายครับ

Hamamatsu Flower Park
by patchiya wasitworapol/ShutterStock

แต่ถ้าไปช่วงเดือนธันวาคม ทางสวนจะมีการประดับประดาสวนด้วยดวงไฟตอนกลางคืน (เหมือนกับที่อาชิคางะ) ซึ่งจะให้ความงามในอีกรูปแบบหนึ่งครับ

นอกเหนือจากสวนดอกไม้แล้ว ในสวนยังมีกิจกรรมอื่นๆ ด้วย เช่นชิงช้าสวรรค์ สนามเล่นเด็ก ตลอดจนรถไฟชมสวน และจับจ่ายซื้อของฝากครับ

ในส่วนของค่าเข้าจะอยู่ที่ 800 เยนต่อคน (อ้างอิงจากเว็บทางการของสวนดอกไม้)

4. เบนเทนจิมะ

เบนเทนจิมะ (Bentenjima) เป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บริเวณที่ทะเลสาบฮามานะและมหาสมุทรแปซิฟิกมาบรรจบกัน ที่นี่เป็นจุดชมวิวตะวันตกดินที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของฮามามัตสึ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณประตูโทริอิขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ครับ

เบนเทนจิมะ
by MankmanRK/ShutterStock

ถ้าคุณไปในช่วงฤดูหนาว (ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนมกราคม) และเตรียมกล้องดีๆ คุณมีโอกาสได้ภาพสุดสวยที่ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าอยู่ตรงกลางของประตูสูง 18 เมตรแห่งนี้พอดีครับ

5. ปราสาทฮามามัตสึ

ปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu Castle) เป็นปราสาทโบราณที่เคยเป็นศูนย์กลางของเมืองแห่งนี้ ซึ่งโตกุกาวะ อิเอยาสึเคยสร้างและพำนักอยู่ที่นี่ หลังจากที่อิเอยาสึล่วงลับไปแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งรัฐบาลโชกุนมักจะส่งไดเมียวที่ไว้ใจและตั้งใจจะให้เลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นมาประจำที่นี่ ตัวปราสาทจึงมีชื่อเล่นว่าปราสาทแห่งความสำเร็จครับ

อย่างไรก็ดีตัวปราสาทถูกรื้อถอนไปหมดแล้วในช่วงยุคเมจิที่รัฐบาลมีนโยบายให้ทำลายสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับระบอบไดเมียว แต่สุดท้ายก็ให้สร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1958 ครับ แม้ว่าจะสร้างขึ้นมาใหม่ได้อย่างสวยงาม แต่โดยส่วนตัวนั้นผมรู้สึกเสียดายของเดิม เพราะมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากครับ

ปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu)
by otto-foto/shutterstock

ปัจจุบันพื้นที่บริเวณปราสาทได้กลายเป็นสวนสาธารณะที่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง และมีต้นซากุระ 350 ต้นและใบไม้เปลี่ยนสีให้ชมครับ

ใกล้กับปราสาทมีโรงน้ำชาชื่อโชอินเต (Shointei) ที่มีบรรยากาศร่มรื่น คุณสามารถลิ้มลองชาเขียว รวมไปถึงชมพิธีชงชาที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของญี่ปุ่นได้ด้วยครับ

6. ชมวัดต่างๆ

ฮามามัตสึมีวัดหลายแห่งที่สวยงาม และเป็นปูชนียสถานที่มีความสำคัญระดับประเทศ อาทิเช่น

วัดเรียวทันจิ (Ryotanji Temple) – วัดนิกายเซนที่มีปูมหลังย้อนไปได้ถึงสมัยนารา ด้านในมีสวนญี่ปุ่นที่สวยมากอันเป็นผลงานของสถาปนิกและนักจัดสวนระดับปรมาจารย์อย่างโคโบริ เอ็นชู รวมไปถึงอาคารที่มีพื้นแบบอูกุอิสุบาริ (Uguisubari) กล่าวคือเวลาที่เหยียบย่างลงไปจะมีเสียงเหมือนนกร้องออกมา ซึ่งช่วยระวังป้องกันการลอบสังหารครับ

วัดเรียวทันจิ
by Evan Hutomo/ShutterStock

วัดมายะคาจิ (Mayakaji Temple) – วัดซึ่งสร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมเฮอันที่หาชมได้ยากในตอนกลางของญี่ปุ่น ด้านในมีสวนสวยที่มีประวัติย้อนไปได้ถึงสมัยคามาคุระ เช่นเดียวกับรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือครับ

วัดโชซังโฮรินจิ (Shosan Horinji Temple) – วัดสไตล์จีนซึ่งประดิษฐานหินชื่อคินไมเซกิที่เชื่อกันว่าช่วยให้การค้าของผู้สัมผัสมั่งคั่งครับ

7. Yamaha Innovation Road

ยามาฮ่า (Yamaha) เป็นบริษัทผู้ผลิตดนตรีที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะน่าจะเคยเห็นสถาบันสอนดนตรีของบริษัทอยู่บ้างตามห้าง ซึ่ง Yamaha Innovation Road แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ของเครือบริษัทยามาฮ่า ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเมืองฮามามัตสึแห่งนี้นี่เองครับ

ด้านในพิพิธภัณฑ์จะเล่าเรื่องราวและจัดแสดงเครื่องดนตรีตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยามาฮ่ายังเป็นผู้ผลิตเล็กๆ จนปัจจุบันเป็นผู้ผลิตเครื่องดนตรีชั้นนำของโลกครับ ทั้งนี้คุณเข้าชมทางพิพิธภัณฑ์ได้ฟรี แต่ต้องจองก่อนล่วงหน้าครับ

8. เก็บสตรอเบอรี่และเมลอน

เมืองฮามามัตสึมีฟาร์มสตรอเบอรี่คุณภาพที่ให้คุณเก็บและกินได้อย่างไม่จำกัดอยู่หลายแห่ง สตรอเบอรี่ส่วนมากจะเป็นสายพันธุ์อาคิฮิเมะที่มีรสหวานอมเปรี้ยว โดยจะมีให้เก็บในช่วงเดือนมกราคมถึงต้นเดือนพฤษภาคมครับ

ค่าบริการจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 เยนต่อคน โดยเวลาที่ให้เก็บจะอยู่ที่ 30-60 นาที (แล้วแต่ที่) ทั้งนี้ทุกแห่งจะมีนมข้นให้บริการด้วย ซึ่งชาวญี่ปุ่นนิยมนำสตรอเบอรี่มาจิ้มนมข้นเพื่อรับประทานครับ

ฟาร์มที่น่าสนใจได้แก่ Hamamatsu Fruit Park Tokinosumika ซึ่งมีพื้นที่ปลูกสตรอเบอรี่และผลไม้อื่นๆ ใหญ่เป็นห้าเท่าของ Tokyo Dome ด้านในสวนพร้อมไปด้วยกิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวครับ

อีกหนึ่งผลไม้ที่นิยมไปเก็บกันคือที่เมลอน โดยฟาร์มที่น่าสนใจได้แก่ Kashima Harvest ซึ่งจะเปิดให้เก็บในช่วงกรกฎาคมถึงสิงหาคม แต่แน่นอนว่าราคาจะสูงกว่าสตรอเบอรี่ โดยราคาจะอยู่ที่ 5,500 เยนต่อคนครับ

9. ชิมเกี๊ยวซ่าและอาหารพื้นเมืองอื่นๆ

ฮามามัตสึเป็นเมืองที่โด่งดังในเรื่องเกี๊ยวซ่าไม่แพ้อุสึโนะมิยะ ดังนั้นภายในเมืองจะมีร้านขายฮามามัตสึเกี๊ยวซ่าแทบทุกตรอกซอกซอยเลยครับ โดยร้านที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงคือ Ishimatsu Gyoza ที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1953

เกี๊ยวซ่าเมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu)
by kentaro-yamazaki/ShutterStock

เกี๊ยวซ่าของฮานามัตสึกลมกล่อมเพราะมีส่วนผสมของวัตถุดิบชั้นเลิศที่สุดแสนจะลงตัว ตัวซอสที่มีรสหวานนิดๆ นั้นเข้ากันได้ดีมากกับความชุ่มฉ่ำของตัวเกี๊ยวครับ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือเกี๊ยวซ่าของเมืองนี้มักจะเสิร์ฟคู่กับถั่วงอกเป็นเครื่องเคียงครับ

อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาดคือข้าวหน้าปลาไหล ซึ่งมีชื่อเสียงหลายร้าน อย่างเช่น Kanerin หรือ Unagi Fujita Hamamatsu Ekimae ซึ่งเจ้าหลังนั้นเปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1892 เลยทีเดียว ใครที่รักอูนาด้ง ห้ามพลาดทุกประการครับ

ข้าวหน้าปลาไหล เมนูยอดนิยมของฮามามัตสึ
by studio_s/ShutterStock

References

  • Hamamatsu Japan
  • In Hamamatsu
  • Kanzanji Ropeway Official Site
  • e-flower Park (Hamamatsu Park Official Site)
Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!