ฮิโกเนะ (Hikone) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบบิวะ ทะเลส่าบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และตั้งอยู่ในจังหวัดชิงะ (Shiga) ด้วยความที่ฮิโกเนะมีปราสาทเก่าแก่ที่สวยงาม วัฒนธรรมโบราณที่ยังคงความขลังไม่เสื่อมคลาย และธรรมชาติอันงดงามตระการตา ทำให้ที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้ไปเยี่ยมเยือนในแต่ละปีครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองฮิโกเนะโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองฮิโกเนะ (Hikone)
แม้ว่าจะชื่อคล้ายกับฮาโกเน่ (Hakone) ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับท็อปของญี่ปุ่น แต่ฮาโกเน่และฮิโกเนะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันครับ ฮิโกเนะมีความเป็นมาย้อนไปได้จากสมัยเฮอัน โดยเป็นเมืองที่เติบโตขึ้นรอบวัดโฮกอนจิ วัดพุทธที่เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านโดยรอบ
ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่ด้านนึงเป็นผืนน้ำของทะเลสาบบิวะ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นแนวภูเขาอิบุกิ ทำให้เมืองฮิโกเนะมีลักษณะเป็นคอขวดบนทางหลวงโทซันโดะที่เชื่อมเกียวโต และเมืองอื่นๆ ทางทิศตะวันออก (อย่างเช่นเอโดะ หรือคามาคุระเป็นต้น) ดังนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นในช่วงนั้นจึงสร้างจุดตรวจสอบเพื่อควบคุมดูแลการเดินทางขึ้นบริเวณนี้
ต่อมาในช่วงยุคเซ็นโกกุ ตระกูลอาซาอิ (Azai Clan) ได้เข้ามาครอบครองพื้นที่บริเวณเมืองฮิโกเนะ และสร้างปราสาทขึ้นชื่อว่าปราสาทซาวายามะ (Sawayama Castle) แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ ตัวปราสาทถูกส่งมอบให้กับคนสนิทที่สุดของฮิเดโยชิอย่างอิชิดะ มิตสึนาริ แม่ทัพใหญ่ที่รบกับโตกุกาวะ อิเอยาสึในมหายุทธการแห่งเซกิกาฮาระครับ
หลังจากที่อึเอยาสึได้รับชัยชนะแล้ว เขาได้ส่งมอบฮิโกเนะและปราสาทซาวายามะให้อยู่ในการดูแลของอิ นาโอมาซะ (Ii Naomasa) ไดเมียวที่ตนเองไว้ใจให้มาปกครองที่นี่สืบต่อไป ซึ่งตระกูลนี้เองที่ได้สร้างปราสาทฮิโกเนะครับ
ในสมัยเมจิได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในส่วนภูมิภาคเสียใหม่ ฮิโกเนะได้มีสถานะเป็นจังหวัดของตนเอง ก่อนที่จะถูกควบรวมเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดชิงะในเวลาต่อมา ด้วยความที่ไม่ได้เป็นเมืองอุตสาหกรรมใหญ่โต เมืองฮิโกเนะจึงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (เกือบจะโดนทิ้งระเบิดในวันเดียวกันกับวันที่จักรพรรดิโชวะประกาศยอมแพ้) ทำให้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของเมืองยังอยู่ครบครันครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองฮิโกเนะ (Hikone) ทำอย่างไร?
การเดินทางไปเมืองฮิโกเนะง่ายดายและสะดวกสบาย โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
ชินคันเซน + รถไฟ – ขั้นตอนแรกคุณจะต้องนั่ง Tokaido Shinkansen (Kodama ทุกขบวนและ Hikari บางขบวน ถ้านั่ง Nozomi ต้องเปลี่ยนรถที่สถานีอื่น) ไปลงที่ Maibara Station หลังจากนั้นนั่งรถไฟ local (Biwako Line/Ohmi Railway Main Line ฯลฯ) ไปยัง Hikone Station ครับ
วิธีการนี้ใช้ได้กับทุกเมืองที่ Tokaido Shinkansen ผ่าน ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว โอซาก้า นาโกย่า เกียวโต หรือเมืองเล็กๆ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างอาตามิ (Atami), ฮามามัตสึ (Hamamatsu) หรือคาเคกาวะ (Kakegawa) ครับ เพราะฉะนั้นจะสะดวกมากสำหรับใครที่มี Japan Rail Pass
สำหรับรายละเอียดและการจองต่างๆ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ JR West และ Hikone Travel Guide (เว็บทางการของเมือง)
1. ปราสาทฮิโกเนะ
หลังจากอิ นาโอมาซะได้มาปกครองเมืองฮิโกเนะ เขากลับไม่ชอบปราสาทซาวายามะตั้งอยู่เดิม เพราะประวัติที่เกี่ยวข้องกับมิตสึนาริ รวมไปถึงชัยภูมิที่ไม่ดีเท่าไรนัก ดังนั้นจึงให้สร้างปราสาทแห่งใหม่ขึ้น ตัวปราสาทมี 3 ชั้นและใช้เวลาสร้างนานถึง 2 ทศวรรษ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นก็เข้าสู่ยุคของรุ่นลูกของเขาแล้วครับ
ปราสาทแห่งนี้ได้ชื่อว่าปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle) และตั้งอยู่อย่างสมบูรณ์ภายใต้ตระกูลอิเป็นเวลานานสองร้อยกว่าปีโดยไม่โดยประสบกับภัยพิบัติใดๆ เลย
ต่อมาในช่วงยุคเมจิที่มีการรื้อถอนปราสาทของไดเมียวมากมาย ปราสาทฮิโกเนะก็รอดพ้นมาได้ เพราะจักรพรรดิเมจิที่เคยเสด็จมาเยี่ยมเยือนที่นี่ได้ทรงขอเอาไว้ ส่วนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้น เมืองฮิโกเนะไม่ได้โดนทิ้งระเบิด ทำให้ตัวปราสาทอยู่รอดปลอดภัยดีมาจนถึงปัจจุบันครับ
ด้วยเหตุนี้ปราสาทฮิโกเนะจึงเป็นปราสาทเพียงไม่กี่แห่งที่เป็นของเดิม เช่นเดียวกับปราสาทฮิเมจิ และเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งถ้าคุณอยากชมความงดงามของปราสาทแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นครับ
ปัจจุบันด้านในปราสาทเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ คุณจะเห็นชมหอรบ กำแพง รวมไปถึงกลไกการป้องกันปราสาท อย่างเช่น teppozama ซึ่งเป็นรูที่สร้างขึ้นให้ทหารป้องกันปราสาทยิงปืนออกมาใส่ข้าศึกได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถขึ้นไปชมด้านบนสุดของปราสาทที่จะเห็นวิวทะเลสาบบิวะอย่างงดงามมากด้วยครับ
ใกล้กับบริเวณปราสาทมีพิพิธภัณฑ์ Hikone Castle Museum ตั้งอยู่ ตัวพิพิธภัณฑ์สร้างอย่างสวยงามตามแบบวังเดิมที่เคยอยู่ที่นี่ ด้านในเก็บรักษาผลงานศิลปะและโบราณวัตถุกว่า 45,000 ชิ้นครับ
เช่นเดียวกับสวนของปราสาทอื่นๆ ในญี่ปุ่น สวนของปราสาทฮิโกเนะได้รับการปลูกต้นซากุระกว่าหนึ่งพ้นต้น ทำให้กลายเป็นจุดชมซากุระที่งดงามมากไม่แพ้ที่ใด นอกจากนี้ยังมีล่องเรือตามคูของปราสาทเพื่อชมซากุระที่ปลูกอยู่รายรอบด้วย ถ้าไปเที่ยวที่นี่ในช่วงเดือนเมษายน ไม่ควรพลาดทุกประการเลยครับ
ในส่วนของค่าเข้าชมจะเริ่มต้นที่ 800 เยนสำหรับปราสาทและสวนเก็นคิวเอ็น แต่ถ้ารวมพิพิธภัณฑ์ด้วยจะอยู่ที่ 1,200 เยนครับ
2. สวนเก็นคิวเอ็น
สวนเก็นคิวเอ็น (Genkyu-en) เป็นสวนที่สร้างขึ้นโดยอิ นาโอะโอกิ ไดเมียวคนที่สี่ของตระกูลอิ ตามแบบวิลล่าโบราณของจักรพรรดิญี่ปุ่นในช่วงยุคเฮอัน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสวนจีนในสมัยราชวงศ์ถังอีกทีหนึ่งครับ
ตั้งแต่สร้างใหม่ๆ มาจนถึงยุคปัจจุบัน ที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ยอดเยี่ยม ซึ่งไดเมียวตระกูลอิภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง จากในสวนนั้นคุณสามารถเห็นปราสาทฮิโกเนะได้อีกด้วยครับ
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จะมีการเปิดไฟในช่วงกลางคืน ซึ่งคุณจะได้เห็นความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่สะท้อนลงบนผืนน้ำในสระ โดยมีสามจุดที่ไม่ควรพลาดได้แก่ภูเขาโฮราอิ (Mount Horai), ทุ่งมุซะชิโนะ (Musashino Field) และสระเกียวยาคุโช (Gyoyakusho Pond) ครับ
ด้านในสวนมีวังขนาดเล็กชื่อราคุระคุเอ็น (Rakurakuen Palace) ตั้งอยู่ด้วย ในอดีตที่นี่เป็นสถานที่พำนักของไดเมียว แต่ในปัจจุบันกำลังอยู่ในการบูรณะ ซึ่งจะเสร็จอย่างเร็วในปี 2025 ครับ
3. ถนนยุเมะเคียวบาชิ
ถนนยุเมะเคียวบาชิ (Yume Kyobashi Castle Road) เป็นถนนที่อยู่ด้านนอกของปราสาทฮิโกเนะ ตัวถนนมีความโดดเด่นเพราะได้รับการสร้างแบบผสมผสาน นั่นคืออาคารสองฝั่งถนนจะเป็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ส่วนตัวถนนจะเป็นถนนสมัยใหม่ครับ
ปัจจุบันที่นี่มีร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกจำนวนมาก ให้คุณได้ลองชิมและจับจ่ายใช้สอยสินค้าคุณภาพดีครับ
4. ทะเลสาบบิวะ
ทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ๋ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งกินพื้นที่หลายเมืองของจังหวัดชิงะ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเมืองฮิโกเนะครับ ทั้งนี้คุณสามารถเดินชมไปตามหาดริมทะเลสาบได้ หรือว่าจะล่องเรือชมทะเลสาบ และไปชมเกาะต่างๆ ในทะเลสาบอย่างเช่น เกาะชิคุบุ หรือว่าเกาะทาเคชิมะได้เช่นกัน
เกาะทั้งสองนี้ชาวญี่ปุ่นโบราณเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ โดยเชื่อว่าเป็นสถานที่พำนักของเทพเจ้าครับ
5. ศาลเจ้าไทกะ
ศาลเจ้าไทกะ หรือไทกะไทฉะ (Taiga Taisha) เป็นศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่มาก เพราะปรากฏในหนังสือโคจิกิ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันที่นี่ยังคงคลาคล่ำไปด้วยศาสนิกที่เดินทางไปที่นี่เพื่อหาคู่ และขอให้ชีวิตยืนยาวและสงบสุขครับ
6. วัดไซเมียวจิ
วัดไซเมียวจิ (Saimyo-ji) เป็นวัดพุทธในนิกายเท็นไดของญี่ปุ่น ตัววัดมีผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์อยู่รายรอบ ทำให้เป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้บรรยากาศในวัดยังร่มรื่นเงียบสงบด้วยครับ
แต่ที่พิเศษที่สุดคือในวัดมีดอกไม้ให้ชมแทบจะตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นพลัม ซากุระ azalea และคุณยังสามารถปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ามีกุศลแรง อย่างเช่นคัดลอกพระสูตรด้วยครับ
7. ชิมอาหารพื้นเมือง
ฮิโกเนะมีหลายเมนูที่เมื่อมาถึงแล้ว ไม่รับประทานไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น
- Omi Beef – เนื้อโอมิเป็นเนื้อวากิวเลื่องชื่อของจังหวัดชิงะ และเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ด้วยประวัติความเป็นมาถึง 400 ปี ในเมืองฮิโกเนะมีร้านอาหารมากมายที่ให้บริการเนื้อโอมิในรูปแบบของยากินิคุ สเต็ก หรือสุกี้ยากี้ครับ
- ปลาน้ำจืด – ทะเลสาบบิวะนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำ อย่างเช่นปลาฟุนะ (Funa) ดังนั้นเมนูปลาน้ำจืดจึงเป็นอีกหนึ่งอาหารยอดฮิตที่ควรลิ้มลองของที่นี่ครับ แต่เมนูที่โด่งดังจริงๆ คือฟุนะซูชิ (Funazushi) ปลาหมักดองที่ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของซูชิในปัจจุบันครับ
- Hikonedon – ข้าวหน้าเนื้อสูตรของฮิโกเนะ
References
- Hikone Official Travel Guide
- Shiga Biwako
- Visit Omi