อิโตะ (Ito) เป็นเมืองริมทะเลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของคาบสมุทรอิซุ (Izu Peninsula) ในจังหวัดชิซุโอกะของประเทศญี่ปุ่น ด้วยธรรมชาติที่สวยงามอย่างภูเขาสูงชันบรรจบกับพื้นมหาสมุทร และน้ำพุร้อนคุณภาพเยี่ยมเปี่ยมด้วยสรรพคุณ ทำให้อิโตะเป็นเมืองที่ชาวญี่ปุ่นจากโตเกียวนิยมเดินทางมาพักผ่อนบรรเทาความเหนื่อยล้าครับ
สำหรับในบทความนี้ ผมจะมาแนะนำความเป็นมาของเมืองอิโตะคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักอิโตะ (Ito)
ก่อนหน้าสมัยเอโดะ อิโตะเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ไม่มีความสำคัญใดๆ โดยมีสถานะเป็นหมู่บ้านชาวประมงเรียงรายกันไป จนกระทั่งในปี ค.ศ.1604 รัฐบาลโชกุนโตกุกาวะได้ว่าจ้างให้ชาวอังกฤษต่อเรือแบบตะวันตกขึ้นที่นี่ ซึ่งเรือลำนี้เองได้เป็นเรือสไตล์ตะวันตกลำแรกของญี่ปุ่นครับ
ในช่วงศตวรรษที่ 20 อิโตะได้รับสถานะเป็นเมืองเพราะมีขนาดใหญ่ขึ้น และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวในปี ค.ศ.1950 นับตั้งแต่บัดนั้นอิโตะจึงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของเมืองมาจากการท่องเที่ยว ตามมาด้วยการประมงครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองอิโตะทำอย่างไร?
อิโตะสามารถเดินทางไปได้ไม่จากกรุงโตเกียว โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
- รถไฟ – รถไฟ JR Limited Express Odoriko เป็นตัวเลือกที่ซับซ้อนน้อยที่สุดในการเดินทางไปยังอิโตะ โดยคุณสามารถเดินทางไปจากโตเกียวได้โดยตรง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
- ชินคันเซน + รถไฟ – คุณสามารถนั่ง Tokaido Shinkansen จากสถานีโตเกียวไปยังอาตามิ (Atami Station) หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรถไฟท้องถิ่น (Ito Line) ไปยังอิโตะครับ
- เช่ารถขับ – อีกวิธีที่ง่ายดายและให้ความยืดหยุ่นในการเดินทาง และเปิดกว้างให้คุณสำรวจส่วนอื่นๆ ของจังหวัดชิซุโอกะด้วยอย่างเช่นฮามามัตสึ, คาเคกาวะ, ฟูจิโนะมิยะ ฯลฯ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก Ito City ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของเมือง โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนไปได้ครับ
การสัญจรไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
คุณจะต้องใช้รถบัสเป็นหลัก (เว้นแต่ว่าได้เช่ารถมา) ในการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเขตเมืองอิโตะ ทั้งนี้คุณสามารถประหยัดได้ด้วยการซื้อ Ito Izu Kogen 2-Day Pass ที่สถานีรถไฟได้ครับ
1. โทไคคัง
โทไคคัง (Tokaikan) เป็นเรียวกังเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยต้นโชวะในสไตล์ญี่ปุ่นด้วยไม้ชั้นดีที่สุด (Cedar/Cypress) และตบแต่งทั้งด้านนอกด้านในอย่างประณีตด้วยฝีมือของช่างฝีมือชาวญี่ปุ่น ปัจจุบันที่นี่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมได้ รวมไปถึงลิ้มรสชาเขียวเลื่องชื่อของที่นี่ด้วยครับ
2. ชายฝั่งโจกาซากิ
ชายฝั่งโจกาซากิ (Jogasaki Coast) เป็นแนวชายฝั่งขรุขระที่เป็นผลงานของลาวาที่ขึ้นมาสู่พื้นผิวโลกเพราะการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟโอมุโระเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อน เกิดเป็นพื้นที่ที่มีภูมิทัศน์แปลกตาและสวยงามไปพร้อมๆ กันครับ
นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเดินเทรคตามเส้นทาง 9 กิโลเมตรลัดเลาะไปตามชายฝั่ง แต่ถ้าสุขภาพร่างกายไม่พร้อมหรือว่าขี้เกียจ คุณสามารถไปที่จุดชมวิวหลายแห่งที่เขตชายฝั่งอย่างเช่น ประภาคารคาโดวะคิซากิ (Kadowakizaki Lighthouse) ที่คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ของเกาะแก่งต่างๆ ท้องทะเล ไปพร้อมๆ กับแนวภูเขาอะมากิครับ
อีกหนึ่งจุดที่นิยมไปชมวิวกันคือสะพานแขวนคาโดวะกิ (Kadowaki Suspension Bridge) ที่ยาว 48 เมตร และสูงจากพื้นน้ำ 23 เมตร ให้ทิวทัศน์ที่สวยงามไปพร้อมกับๆ ความตื่นเต้นครับ
3. ภูเขาโอมุโระ
ภูเขาโอมุโระ (Mt.Omuro) เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ดังนั้นบริเวณปากปล่องจึงมีหญ้าขึ้นปกคลุม ชาวญี่ปุ่นว่าตัวภูเขานั้นรูปร่างเหมือนกับชามข้าวที่คว่ำอยู่ เพราะฉะนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์สูงมากเลยครับ
ทั้งนี้คุณสามารถขึ้นกระเช้าไปชมวิวแบบ 360 องศาบนภูเขาได้ ซึ่งคุณจะเห็นภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ และท้องทะเลโดยรอบ นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าที่สถิตเทพเจ้าแห่งการแต่งงานอยู่ด้วย ชาวเมืองจึงนิยมมาขอพรจากเทพเจ้าให้มีชีวิตการแต่งงานที่ดี และการคลอดบุตรที่ปราศจากอุปสรรคครับ
นอกจากนี้คุณยังสามารถเดินวนรอบปากปล่องภูเขาไฟของภูเขาโอมุโระได้เช่นกัน ซึ่งจะมีระยะทางแค่ 1 กิโลเมตร แต่ให้ประสบการณ์ที่น่าตื่นตาทีเดียวครับ
สำหรับในทุกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่ภูเขาโอมุโระจะมีประเพณีการเผาภูเขา (หรือพืชพันธุ์บนภูเขา) เพื่อรักษาตัวภูเขาที่ทำกันมาตั้งแต่เมื่อ 700 ปีก่อน ระหว่างที่มีการเผานั้น ทั้งภูเขาจะลุกเป็นไฟ และกลายเป็นสีดำสนิทเพื่อไฟมอดลงครับ
4. หมู่บ้านซากุระ
Sakura-no-Sato หรือหมู่บ้านซากุระ (Sakura Village) เป็นสวนซากุระขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ถึง 40,000 ตารางเมตร และมีต้นซากุระจาก 40 สายพันธุ์รวมแล้วกว่า 1,500 ต้น ด้วยจำนวนสายพันธุ์ที่หลากหลาย ทำให้มีช่วงเวลาในการชมถึงแปดเดือน หรือตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนถึงพฤษภาคม เรียกได้ว่าเกือบตลอดทั้งปีเลยครับ
ความสวยงามของดอกซากุระที่นี่ทำให้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นไม่ควรพลาดทุกประการเลยครับ
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจมากคือถนนซากุระความยาว 3 กิโลเมตรอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Izu Kogen Station ซึ่งสองข้างทางของถนนเส้นนี้จะมีการปลูกซากุระเรียงรายกันไปอย่างงดงามมาก ถ้ามีเวลาไม่ควรพลาดอย่างเช่นกันครับ
5. สวนโคมุโระยามะ
สวนโคมุโระยามะ (Komuroyama Park) เป็นสวนที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาโคมุโระ และมีชื่อเสียงระบือไกลในเรื่องดอกไม้ที่มีให้ชมตลอดปี แต่ที่สวยที่สุดเห็นจะเป็นเดือนเมษายนที่ดอก azalea กว่าหนึ่งแสนดอกเบ่งบาน ทำให้ดูเหมือนเป็นพื้นพรมแดงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีดอกไม้อื่นๆ อีกจำนวนมากด้วยครับ
6. ภูเขาโคมุโระ
ภูเขาโคมุโระ (Mt.Komuro) เป็นภูเขาที่สูงแค่ 321 เมตร แต่ด้านบนนั้นมีจุดชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองอิโตะ และคาบสมุทรอิซุเลยครับ เพราะคุณจะเห็นได้ทั้งภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ และหมู่ภูเขาโดยรอบแบบพาโนรามาในแบบ 360 องศาครับ
ไม่เพียงเท่านั้นในปี ค.ศ.2021 ทางเดินชมวิวใหม่ชื่อมิโซระ (Misora) ได้สร้างเสร็จสิ้น และได้กลายเป็นแลนด์มาร์กสุดโรแมนติกที่หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นมักมาชมวิวและถ่ายรูปกัน และถ้าอยากพักเหนื่อยก็สามารถเข้าไปใช้บริการคาเฟ่วิวสวยบนภูเขาได้ด้วยครับ
การขึ้นไปภูเขาโคมุโระนั้นไม่ยากเลย เพราะว่ามีกระเช้าพาคุณขึ้นไปครับ
7. ทะเลสาบอิปเปกิ
ทะเลสาบอิปเปกิ (Lake Ippeki) เป็นทะเลสาบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาเมื่อกว่าหนึ่งแสนปีก่อน ด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามทั้ง 4 ฤดู ทำให้ที่นี่ได้รับสมญาว่าเป็น “ดวงตาแห่งอิซุ” ครับ
อย่างไรก็ดีช่วงเวลาที่ทะเลสาบแห่งนี้สวยที่สุดน่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วง เพราะผืนป่าอันหนาแน่นโดยรอบทะเลสาบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม แดง อันตระการตา และตัดกับสีของน้ำในทะเลสาบอย่างชัดเจน แถมวันไหนที่อากาศดีและน้ำนิ่ง คุณจะเห็นภาพสะท้อนของบริเวณโดยรอบบนผืนน้ำอีกด้วยครับ
8. สวนสัตว์อิซุโชโบเต็น
สวนสัตว์อิซุโชโบเต็น (Izu Shoboten Zoo) เป็นสวนสัตว์ที่มีสัตว์มากมายให้นักท่องเที่ยวได้ชม ตั้งแต่ลิง ฮิปโป ไปจนถึงจิงโจ้ และคุณสามารถนั่งเรือเล็กชมสัตว์ได้ด้วยครับ
อย่างไรก็ดีไฮไลท์ของที่นี่กลับไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นต้นกระบองเพชรกว่า 1,500 ต้นที่มาจากทั่วโลก ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ เรียกได้ว่าถ้าคุณชอบต้นไม้ชนิดนี้ ที่นี่เป็นอีกแห่งที่ห้ามพลาดครับ
9. แช่ออนเซ็น
หลังจากท่องเที่ยวในอิโตะมาทั้งวันแล้ว คงไม่มีอะไรที่จะปิดท้ายวันดังกล่าวได้ดีกว่าการแช่ออนเซ็นครับ อิโตะนั้นมีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพของน้ำพุร้อนมาหลายร้อยปีแล้ว ในปัจจุบันในเมืองมีโรงอาบน้ำหลายแห่งที่เปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวขาจรครับ ซึ่งน้ำแต่ละแห่งนั้นอาจจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่สิ่งที่เหมือนกันแน่ๆ คือน้ำของที่นี่จะใสมาก ไร้กลิ่น และไร้สีครับ
10. Izu Kogen Grand Illumination
Izu Kogen Grand Illumination เป็นเทศกาลประดับประดาไฟที่จัดขึ้นที่ Izu Grandpal Amusement Park ซึ่งจะเนรมิตสวนสนุกแห่งนี้ให้เป็นเหมือนแดนสวรรค์ช่วงกลางคืนครับ ทำให้บรรยากาศสวยงามและโรแมนติกจนได้รับการอันดับว่าเป็นเทศกาลไฟอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นทีเดียวครับ
ด้านในมีหลายจุดให้ถ่ายรูป พร้อมกับเครื่องเล่นให้เล่นอีกจำนวนมาก เช่นเดียวกับการแสดงโชว์แสงสีเสียงอีกมากมาย ส่วนค่าเข้าชมเริ่มต้นที่ 1,800 เยน แต่ว่าเทศกาลนี้จะจัดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปีครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บของเทศกาลครับ
References
- JR East
- Itospa
- Travel Ito
- JNTO – Ito Onsen