หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น7 ไฮไลท์หุบเขาอิยะ (Iya Valley) ที่ไม่ควรพลาด

7 ไฮไลท์หุบเขาอิยะ (Iya Valley) ที่ไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

หุบเขาอิยะ (Iya Valley) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าจะเรียกได้ว่าเข้าถึงยากเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น ไม่แพ้อุทยานชิเรโตโกะบนเกาะฮอกไกโด แต่ด้วยความเข้าถึงยากนี้ ทำให้ธรรมชาติโดยรอบอุดมสมบูรณ์มาก เพราะฉะนั้นถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่พักกายพักใจในญี่ปุ่นแบบเงียบๆ แล้ว ที่นี่ควรจะอยู่ในลิสต์ของคุณครับ

บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักหุบเขาอิยะอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำจุดที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ

รู้จักหุบเขาอิยะ (Iya Valley)

หุบเขาอิยะเป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima) บนเกาะชิโกกุ หนึ่งในสี่เกาะใหญ่ของญี่ปุ่น แต่เป็นเกาะที่มีนักท่องเที่ยวน้อยที่สุด ภายในหุบเขานั้นมีโตรกขนาดใหญ๋ที่มีแม่น้ำใสสะอาดไหลผ่าน เช่นเดียวกับผืนป่าอันสวยงามที่ปกคลุมภูเขาสูงชันลูกแล้วลูกเล่า

หุบเขาอิยะ (Iya Valley)

จุดเด่นของหุบเขาแห่งนี้คือสะพานที่สร้างขึ้นจากเถาวัลย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นสืบเนื่องกันมาตั้งแต่โบราณเพื่อช่วยเหลือในเรื่องการเดินทางระหว่างส่วนต่างๆ ของหุบเขาครับ

ตัวหุบเขาอิยะ (หรือเมืองมิโยชิ ซึ่งเป็นชื่อแบบเป็นทางการ) แบ่งได้เป็นสองส่วนได้แก่นิชิอิยะ (Nishi-Iya) ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เจริญกว่า ซึ่งคุณสามารถนั่งรถไฟหรือรถบัสมาได้จากเมืองใหญ่ของเกาะชิโกกุหรือแม้กระทั่งโอคายาม่าและโอซาก้า ขณะที่อีกส่วนหนึ่งคือโอคุอิยะ (Oku-Iya) ที่เข้าถึงได้ลำบาก โดยคุณจะมีอยู่แค่ทางเลือกเดียว นั่นคือการเช่ารถขับครับ

Iya Valley

ในแง่ประวัติศาสตร์นั้น ด้วยความที่อยู่ห่างไกลความเจร็ญและมีผืนป่าที่หนาแน่น ทำให้หุบเขาอิยะเป็นสถานที่ซึ่งเหล่าซามูไรและนักรบใช้หลบหนีการตามล่าของทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามเกนเปย (Genpei War) ตระกูลไทระจำนวนไม่น้อย และเหล่าซามูไรได้พ่ายแพ้ในการรบ ดังนั้นพวกเขาจึงหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ครับ

ปัจจุบันหุบเขาแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงให้เข้าถึงง่ายขึ้น แต่ก็ยังไม่ง่ายนักถ้าเทียบกับสถานที่อื่นๆ ด้วยเหตุนี้นักท่องเที่ยวจึงมีจำนวนจำกัด (แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลังก็ตาม)

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปหุบเขาอิยะ (Iya Valley) ทำอย่างไร?

วิธีการที่ง่ายที่สุดคือบินในประเทศจากเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นไปลงที่เมืองทาคามัตสึ (Takamatsu) หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสหรือรถไฟจากสนามบินไปยังหุบเขาอิยะ (Awa-Ikeda Station) โดยตรงครับ

อีกทางเลือกหนึ่งคือนั่งรถบัสจากโอซาก้า (สถานี Shin-Osaka หรือ Hankyu Umeda) ไปยังสถานี Awa-Ikeda อันเป็นปากทางสู่หุบเขาอิยะครับ สำหรับตั๋วรถบัสสามารถจองได้ที่นี่

อย่างไรก็ดีวิธีการที่ดีที่สุดในการเที่ยวหุบเขาอิยะคือเช่ารถขับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณต้องการเข้าถึงโอคุอิยะครับ นอกจากนี้คุณยังจะได้ชมวิวสวยๆ ตามเส้นทาง Iya Highway ได้อีกด้วย

ไปเที่ยวหุบเขาอิยะช่วงไหนดี?

หุบเขาอิยะเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ช่วงฤดูหนาว (1 ธันวาคม – 31 มีนาคม) นั้นหลายส่วนของโอคุอิยะจะปิดไม่ให้เข้าไป และการขับรถเช่าจะยากขึ้น เพราะต้องระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ (ต้องใส่โซ่หรือ Snow Tires) ทำให้ช่วงฤดูหนาวน่าจะไม่ใช่ช่วงที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวโอคุอิยะครับ

1. ชมสะพานเถาวัลย์

สะพานเถาวัลย์ (Kazurabashi) เป็นสะพานที่สร้างขึ้นจากเถาวัลย์ภูเขา และทำหน้าที่เชื่อมส่วนต่างๆ ของหุบเขาอิยะเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญยิ่งของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนี้มาตั้งแต่โบราณครับ ทั้งนี้ตัวสะพานจะมีการสร้างใหม่ทุกๆ สามปีจากวัสดุแบบเดิม (แต่ในปัจจุบันได้รับการเสริมด้วยเคเบิลเหล็กกล้าเพื่อเพิ่มความแข็งแรง)

Kazurabashi

ต้นกำเนิดของสะพานเหล่านี้มีหลายกระแส บ้างว่าเป็นการสร้างของทหารตระกูลไทระที่หลบหนีการตามล่าของกองทัพฝ่ายมินาโมโตะที่กำลังได้ชัย หรือบ้างก็ว่าเป็นผลงานของพระคุไค (Kukai) ภิกษุที่ชาวญี่ปุ่นเคารพนับถือเป็นอันดับต้นๆ ครับ

ปัจจุบันสะพานเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของหุบเขาอิยะ โดยในปัจจุบันสะพานเหล่านี้หลงเหลืออยู่แค่ 3 แห่งด้วยกันในหุบเขาอิยะ โดยแห่งที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งนักเดินทางนิยมไปเยือนกันคืออิยะ คาซุระบาชิ (Iya Kazurabashi) ที่ตั้งอยู่ในนิชิอิยะ และโอคุอิยะ คาซุระบาชิ (Oku-iya Kazurabashi) ที่ตั้งอยู่ในโอคุอิยะครับ

สะพานเถาวัลย์

ทั้งนี้สะพานเถาวัลย์ที่โอคุอิยะนั้นจะมีจุดเด่นตรงที่เป็นสะพานเถาวัลย์คู่แบบสองชั้น และมีกระเช้าลิง (Monkey Cart) กระเช้าไม้ให้คุณได้สัมผัสกับการสัญจรข้ามแม่น้ำแบบโบราณด้วยครับ แต่จะเข้าถึงยากกว่าสะพานที่อยู่ในนิชิอิยะอย่างมาก (ฤดูหนาวปิดไม่ให้เข้าชม) และรอบๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากป่าครับ

จากตัวสะพานทั้งสองนั้นคุณจะเห็นธรรมชาติอันสวยงามตระการตาของหุบเขาอิยะ สองฝั่งของแม่น้ำอิยะจะมีผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ปกคลุม ซึ่งจะเปลี่ยนสีอย่างสวยงามมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ

2. โตรกอิยะเคย์

โตรกอิยะเคย์ (Iyakei Gorge) เป็นโตรกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในตอนล่างของหุบเขาอิยะ โดยมีความยาวประมาณ 15 กิโลเมตร ซึ่งที่นี่เป็นจุดชมธรรมชาติที่สวยงามที่สุดของหุบเขาอิยะอย่างปราศจากข้อสงสัยครับ

จุดแรกที่น่าสนใจคือโค้งฮิเนจิ (Hi-no-Ji Bend) ที่คุณจะได้เห็นแม่น้ำอิยะหมุนตัวรอบแนวภูเขาและเปลี่ยนเส้นทางการไหลของน้ำเป็นอีกด้านหนึ่ง (คล้ายกับโค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียงใกล้กับลี่เจียง) เกิดเป็นวิวสุด iconic ที่ควรค่าต่อการไปเยือนทุกประการครับ

Hi-no-Ji Bend

อีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือจุดชื่อ Peeing Boy Statue หรือจุดที่มีรูปปั้นเด็กยืนฉี่อยู่ (สร้างขึ้นเพราะในอดีตเด็กใจกล้ามักจะยืนฉี่กันตรงนี้) ทั้งนี้จุดดังกล่าวจะตั้งอยู่ริมผาสูงถึง 200 เมตร เพราะฉะนั้นจะเห็นวิวของหุบเขาได้แบบพาโนรามาครับ

ทั้งนี้ทั้งสองจุดจะอยู่ในเส้นทางชื่อ Iya Highway เส้นทางชมวิวที่ลัดเลาะไปตามโตรกอิยะเคย์ครับ แต่ถ้าจะขับรถเอง คุณจะต้องระมัดระวังกว่าปกติ เพราะถนนอยู่บนเขาสูง และแคบมากครับ

3. ภูเขาสึรุกิ

ภูเขาสึรุกิ (Mt. Tsurugi) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในหุบเขาอิยะ และตั้งอยู่ในจุดที่ลึกที่สุดด้วย ด้านบนของภูเขานั้นคุณจะเห็นวิวหุบเขาอิยะได้แบบพาโนรามา เช่นเดียวกับทะเลเมฆหมอก (ถ้าเวลาและอากาศเป็นใจ) นอกจากนี้ยังมีวัดพุทธและศาลเจ้าชินโตตั้งอยู่อีกหลายแห่งด้วย

Mt.Tsurugi

ในการขึ้นไปชมวิวนั้น คุณสามารถนั่ง chairlift ขึ้นไปได้ถึงประมาณครึ่งหนึ่งของเส้นทาง ซึ่งจะมีเส้นทางเดินขึ้นสู่จุดสูงสุดของภูเขาที่ไม่ได้เดินยากเกินไป ทั้งนี้วิวจากภูเขาแห่งนี้จะสวยเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ

4. หมู่บ้านโอจิไอ

หมู่บ้านโอจิไอ (Ochiai Village) เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในโอคุอิยะ ตัวหมู่บ้านนั้นตั้งอยู่ที่สันเขา และมีบ้านที่มีหลังคามุงจาก ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมดั้งเดิมอยู่หลายแห่ง ดูจากหน้าตาแล้วจะคล้ายกับที่ชิราคาวาโกะอยู่ไม่น้อย แต่ว่าบ้านของที่นี่อาจจะอายุเฉลี่ยมากกว่าเสียอีก เพราะส่วนมากมีอายุ 200 ปีขึ้นไปครับ

หมู่บ้านโอจิไอ

บ้านหลังที่ใหญ่และมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดคือบ้าน Nagaoka-ke ที่ให้คุณเข้าไปชมได้ฟรี ส่วนบ้านหลังอื่นจะยังมีชาวบ้านพำนักอาศัยอยู่ ซึ่งคุณไม่อาจจะเข้าไปชมหรือถ่ายรูปได้ แต่บางหลังนั้นเปิดเป็นที่พักค้างคืนให้กับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษครับ

ระหว่างหมู่บ้านโอจิไอกับภูเขาสึรุกินั้นมีหมู่บ้านสุดแปลกอย่าง Nagoro Scarecrow Village กล่าวคือในอดีตที่นี่เป็นหมู่บ้านที่คับคั่ง แต่มีประชากรลดลงอย่างน่าตกใจ ศิลปินญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เกิดที่นี่จึงสร้างหุ่นตัวเท่าคนจริงจำนวนมากมาตั้งอยู่ในตัวหมู่บ้าน โดยบางส่วนจำลองมาจากสมาชิกหมู่บ้านในอดีตที่เธอเคยรู้จัก (แต่อพยพออกไปแล้ว) ทั้งนี้คุณสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ

5. โตรกโอโบเค

โตรกโอโบเค (Oboke Gorge) เป็นโตรกขนาดใหญ่ความยาว 8 กิโลเมตรที่มีแม่น้ำโยชิโนะ หนึ่งในแม่น้ำสายหลักของเกาะชิโกกุไหลผ่ากลาง ตัวแม่น้ำนั้นไหลเชี่ยว ทำให้เป็นจุดล่องแก่งยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นที่รักการผจญภัย (และได้รับการจัดอันดับว่ายอดเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆ ด้วย)

Oboke Gorge

แต่สำหรับใครที่อยากชมวิวสวยๆ คุณสามารถนั่งเรือท่องเที่ยวได้ ซึ่งจะพาคุณไปชมส่วนที่สวยงามที่สุดของโตรกแห่งนี้ โดยการล่องเรือจะใช้เวลาแค่ประมาณ 30 นาทีเท่านั้นครับ

ใกล้กับโตรกแห่งนี้จะมีพิพิธภัณฑ์ Yokai Museum ตั้งอยู่ ซึ่งเหล่า Yokai นั้นเป็นปีศาจในตำนานปรัมปราของญี่ปุน หลายคนอาจจะคุ้นเคยอยู่บ้าง ถ้าเคยเล่นเกมสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Nioh 1/2 เป็นต้นครับ

6. แช่ออนเซ็น

ภายในพื้นที่ของหุบเขาอิยะนั้นอุดมไปด้วยบ่อน้ำแร่คุณภาพเยี่ยม ที่นี่จึงเป็นสถานที่อัน perfect สำหรับใครที่หลงรักการแช่ออนเซ็นครับ อย่างไรก็ดีหุบเขาอิยะไม่ค่อยจะมีโรงอาบน้ำสาธารณะเหมือนกับออนเซ็นทั่วไป โดยเกือบทั้งหมดแทบจะอยู่ในพื้นที่ของโรงแรมครับ

อย่างไรก็ดีคุณไม่มีความจำเป็นต้องพักในโรงแรม เพราะทุกแห่งเปิดให้นักเดินทางทั่วไปเข้าไปใช้ได้ แต่แน่นอนว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายครับ

7. ชิมอาหารพื้นเมือง

ท้ายที่สุดสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดทุกประการคือรับประทานอาหารพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นปลาน้ำจืดย่าง (ปลาที่ใช้จะเป็นปลาอายุหรือปลาอะเมโกะ) ไปจนถึงอิยะโซบะ (Iya Soba) อันมีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพของเส้นที่ไม่แพ้ที่ใด

ปลาน้ำจืดย่างเสียบไม้

หรือถ้าคุณต้องการเมนูแบบ unique จริงๆ คุณอาจจะลองฮิราระยากิ (Hirara-Yaki) เมนู BBQ บนหินร้อนที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด หรือจะเป็นเมนูเต้าหู้อย่าง Iya Tofu ที่เป็นเต้าหู้แบบ ultra firm

สำหรับเครื่องดื่มนั้น หุบเขาอิยะมีทั้งชาและสาเกคุณภาพเยี่ยมที่ช่วยชูรสชาติของอาหารพื้นเมืองให้โดดเด่นขึ้นไปอีกครับ

References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!