อิซุโมะ (Izumo) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) ทางทิศตะวันตกของเกาะฮอนชู ตัวเมืองถือว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาชินโต เนื่องด้วยเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะที่ศาสนิกชินโตให้การยกย่องนับถือมาร่วม 2 สหัสวรรษครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองอิซุโมะคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักอิซุโมะ (Izumo)
จากสภาพภูมิศาสตร์นั้นเมืองอิซุโมะตั้งอยู่พื้นที่ราบ โดยมีฝั่งหนึ่งเป็นทะเลญี่ปุ่น ส่วนอีกฝั่งเป็นแนวภูเขาชูโกคุ นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำฮิอิไหลผ่านอีกด้วย ทำให้บริเวณตัวเมืองถือว่าอุดมสมบูรณ์ทีเดียว
ในหน้าประวัติศาสตร์ มนุษย์อาศัยอยู่ในเมืองอิซุโมะมาตั้งแต่อย่างน้อยสองพันปีก่อน โดยหนังสือโคจิกิ (Kojiki) บันทึกทางประวัติศาสตร์เล่มแรกของประเทศขนานนามเมืองอิซุโมะว่าเป็นเมืองแห่งตำนาน
สาเหตุก็คือตำนานปรัมปราของญี่ปุ่นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับอิซุโมะ อันที่จริงแล้วเนื้อหากว่า 1 ใน 3 ของหนังสือโคจิกิเองแต่เกี่ยวข้องกับอิซุโมะ ดังนั้นไม่มีคำถามในเรื่องความสำคัญของตัวเมือง ชาวญี่ปุ่นบางคนถึงกับขนานนามที่นี่ว่าเป็นดินแดนของเทพเจ้าเลยครับ
ด้วยเหตุนี้ทุกยุคทุกสมัยอิซุโมะจึงเป็นสถานที่ยอดนิยมในการแสวงบุญของชาวญี่ปุ่น ซึ่งสร้างรายได้ให้กับชาวเมืองมากมาย ในสมัยเอโดะ ตัวเมืองได้อยู่ในการปกครองของไดเมียวสามตระกูลด้วยกัน แต่ไดเมียวตระกูลมัตสึไดระได้ปกครองที่นี่ยาวนานที่สุด จวบจนการปฏิวัติเมจิเลยครับ
ปัจจุบันอิซุโมะได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของจังหวัดชิมาเนะ เช่นเดียวกับสถานที่สำคัญทางศาสนาเหมือนกับในอดีตกาลครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองอิซุโมะ (Izumo) ทำอย่างไร
ตัวเลือกที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถบัสไปจากโอซาก้า ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง โดยตั๋วรถบัสสามารถจองได้ที่นี่ครับ
อีกทางเลือกคือนั่ง San’yo Shinkansen ไปลงที่เมืองโอคายาม่า (Okayama) หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็น JR Yakumo Limited Express Train ไปยังอิซุโมะครับ
ทั้งนี้รถไฟจะช่วยประหยัดเวลาไปได้บางส่วน แต่ราคาจะสูงกว่ามาก โดยส่วนตัวผมมองว่ารถบัสเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่เว็บทางการครับ
1. ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ
ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Izumo Grand Shrine) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของญี่ปุ่น โดยอุทิศให้กับเทพเจ้าโอคุนินุชิ ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าผู้สร้างเกาะญี่ปุ่น เช่นเดียวกับเป็นเทพเจ้าแห่งความรักและการแต่งงานด้วย
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าในเดือนสิบของปฏิทินแบบจันทรคติ เทพเจ้าทุกองค์จะมารวมตัวกันที่นี่ ซึ่งทางชาวเมืองจะมีการจัดเทศกาลคามิอาริซุกิ (Kamiarizuki Festival) ที่ยาวนานถึง 7 วันครับ
ในบริบททางประวัติศาสตร์แล้วนั้น ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าตัวศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อใด แต่น่าจะก่อนศตวรรษที่ 8 และตามตำนานเล่าว่าศาลเจ้าแห่งแรกนั้นสูงมากถึง 96 เมตร แต่ไม่ได้หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน เพราะชาวญี่ปุ่นมีธรรมเนียมการรื้อถอนแล้วสร้างศาลเจ้าใหม่อยู่เนืองๆ (เหมือนกับที่อิเสะครับ)
อย่างไรก็ดีช่วงศตวรรษที่ 18 ชาวญี่ปุ่นได้ล้มเลิกประเพณีรื้อถอนศาลเจ้าเหมือนกับในอดีต และเปลี่ยนเป็นการบูรณะทุกๆ 60 ปี เพราะฉะนั้นตัวศาลเจ้าหลัก (Honden) ที่เห็นในปัจจุบันจึงสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 ครับ
นอกเหนือจากศาลเจ้าหลักแล้ว แต่หอที่จัดว่าโดดเด่นคือหอไฮเด็น (Haiden) ที่มีจุดสังเกตหลักๆ คือมีเชือกสีเหลืองชิเมะนาวะ (Shimenawa) อันเป็นสัญลักษณ์ว่ามีเทพเจ้าสถิตอยู่ที่นี่ หรือเป็นนัยว่าเป็นสถานที่ของทวยเทพครับ
ทั้งนี้ชาวเมืองอิซุโมะจะมีธรรมเนียมการทำเชือกชิเมะนาวะขนาดใหญ่ ซึ่งจะปรากฏได้ทั่วไปตามศาลเจ้าในพื้นที่แถบนี้ครับ ปัจจุบันที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการขอคู่ของชาวแดนปลาดิบ
สำหรับใครที่อยากสมหวัง ในตอนที่สักการะคุณจะต้องโค้งคำนับ 2 ครั้ง ปรบมือ 4 ครั้ง (ปรบมือสองครั้งเพื่อตนเอง และอีกสองครั้งเพื่อคู่ครอง) และโค้งคำนับอีก 1 ครั้งเป็นอันเสร็จสิ้นครับ
ใกล้ๆ ยังมีหอที่เก็บรักษาผลงานศิลปะที่คุณสามารถเข้าชมได้ รวมไปถึงถนนคนเดินบริเวณด้านหน้าที่มีร้านค้ามากมายครับ ซึ่งคุณสามารถเดินเล่นก่อนเข้าไปในศาลเจ้าได้ โดยด้านหน้าของศาลเจ้าจะมีประตูโทริอิตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ครับ
ทั้งนี้ตัวศาลเจ้าจะอยู่นอกเมือง ดังนั้นคุณจะต้องนั่งรถบัสหรือรถไฟไปจากสถานี Izumoshi Station ซึ่งจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงครับ
2. หาดอินาซะ
หาดอินาซะ (Inasa Beach) เป็นหาดทรายสีขาวที่อยู่ไม่ไกลจากศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ ตามตำนานเล่าว่าเหล่าเทพเจ้าที่เดินทางมาที่ศาลเจ้าอิซุโมะจะได้รับการต้อนรับที่นี่ จุดเด่นของที่นี่คือจะมีหิน (หรือภูเขาลูกเล็ก) ชื่อว่าเบนเทนจิมะ (Bentenjima) ตั้งอยู่ริมหาด ซึ่งบนหินจะมีการสร้างประตูโทริอิและศาลเจ้าเล็กๆ ตั้งไว้อยู่ครับ
ในวันแรกของทุกเดือน ศาสนิกชินโตจะมาทำพิธีที่นี่ด้วยการใช้ทัพพีไม้ไผ่ตักน้ำทะเลเพื่อนำไปบูชาที่ศาลเจ้าอิซุโมะครับ พิธีนี้เรียกว่าชิโอะคุมิ (Shio Kumi) สำหรับในช่วงฤดูร้อน ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองครับ
3. วัดกาคุเอ็นจิ
วัดกาคุเอ็นจิ (Gakuenji Temple) เป็นวัดที่ศาสนาพุทธที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 6 หรือช่วงแรกที่พุทธศาสนาเผยแผ่มาจากดินแดนเกาหลี ดังนั้นวัดแห่งนี้จึงมีอายุมากกว่าวัดที่เกียวโตหลายร้อยปี โดยในอดีตเคยเป็นวัดหลักของวัดทั้งมวลที่นี่ และเคยมีอารามมากมายตั้งอยู่บริเวณสันเขาครับ
อย่างไรก็ดีในปัจจุบันอาคารส่วนมากพังทลายไปหมดแล้ว เหลือแต่อาคารสำคัญๆ บางหลังที่สร้างขึ้นในยุคหลัง แต่ที่นี่ได้รับความนิยมมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน เพราะในวัดมีต้นเมเปิ้ลจำนวนมากมาย ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานที่สวยงามยิ่งครับ
4. ประภาคารฮิโนมิซากิ
ประภาคารฮิโนมิซากิ (Hinomisaki Lighthouse) เป็นประภาคารที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีสูงถึงเกือบ 44 เมตร และมีเอกลักษณ์คือสร้างจากหินสีขาวสะอาด ทั้งนี้คุณสามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ ซึ่งจะเห็นวิวแบบพาโนรามาของท้องทะเลโดยรอบครับ สำหรับในช่วงเย็นนั้น วิวพระอาทิตย์ตกดินจากที่นี่จะสวยงามมากครับ
ใกล้กับประภาคารมีศาลเจ้าฮิโนมิซากิที่อุทิศให้กับเทพีอามาเตระสุ (Amaterasu) เพื่อขอให้องค์เทพปกปักรักษาแผ่นดินญี่ปุ่นในช่วงกลางคืน ซึ่งคุณสามารถไปสักการะเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยได้
5. Shimane Museum of Ancient Izumo
Shimane Museum of Ancient Izumo เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าประวัติความเป็นมาของเมืองโบราณอิซุโมะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ รวมไปถึงจัดแสดงโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นส่วนที่เหลืออยู่ของเสาโบราณที่น่าจะทำหน้าที่ค้ำยันศาลเจ้าหลังเดิมครับ
แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือแบบจำลองศาลเจ้าอิซุโมะหลังเดิมๆ ที่อ้างอิงจากหลักฐานต่างๆ รวมไปถึงการคาดคะเนของนักประวัติศาสตร์ครับ
6. Kyu Taisha Station
Kyu Taisha Station เป็นสถานีรถไฟเดิมที่รับผู้แสวงบุญจากทุกสารทิศที่เดินทางไปสักการะศาลเจ้าอิซุโมะ ตัวศาลเจ้าสร้างขึ้นจากสถาปัตยกรรมแบบพื้นเมืองของญี่ปุ่นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 อันเป็นช่วงที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้สร้างอาคารของรัฐแทบทุกแห่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทโชครับ
ตัวสถานีใช้วัสดุก่อสร้างเป็นไม้ทั้งหลัง และยังหลงเหลือโครงสถานีแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ขายตั๋วรถไฟ หอรับรองสำหรับเชื้อพระวงศ์และบุคคลทั่วไป ฯลฯ
7. ชิมอาหารพื้นเมือง
อิซุโมะเป็นเมืองที่มีอาหารท้องถิ่นที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Izumo Soba เส้นโซบะสูตรพิเศษที่มีสีคล้ำกว่าปกติ เพราะในขั้นตอนการทำนั้นจะบดตัวเมล็ดพร้อมเปลือกนอก ในการทานนั้นมีให้เลือกทั้งแบบร้อนและเย็น ซึ่งรสชาติดีทั้งสิ้นครับ
ในส่วนของเนื้อสัตว์นั้น พระเอกของรายการย่อมเป็นเนื้อชิมาเนะ (Shimane Beef) เนื้อวากิวที่มีที่มาจากจังหวัดชิมาเนะ ในอดีตเนื้อชิมาเนะจำนวนมากถูกส่งไปยังเมืองท่าโกเบ และส่งออกในชื่อเนื้อโกเบ ดังนั้นเรื่องคุณภาพนั้นไม่มีคำถามเลยครับ นอกจากนี้ด้วยความที่ตัวเมืองติดทะเล คุณภาพของอาหารทะเลจึงไม่เป็นสองรองใครเช่นเดียวกัน
สำหรับเมนูของหวานนั้น เมนูอย่าง Izumo Zenzai ได้รับความนิยมสูงยิ่ง โดยเมนูนี้จะเป็นซุปถั่วแดงรสหวานที่ทานคู่กับดังโงะหรือโมจิครับ
References
- Visit Izumo