โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen, 定山渓温泉) เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ลอบเร้นของอยู่ในอุทยานแห่งชาติชิโคตสึโทยะในเกาะฮอกไกโด แม้ว่าเรื่องขนาดและความนิยมอาจจะสู้โนโบริเบทสึไม่ได้ แต่ที่นี่ก็มีข้อดีตรงที่ใกล้กับซัปโปโรมาก ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับการมาพักช่วงสั้นๆ ในวันหยุดครับ
นอกจากนี้จุดเด่นสำคัญอีกอย่างของที่นี่คือ วิวสี่ฤดูสวยงามมาก (บางมุมดูคล้ายนารุโกะออนเซ็น) ทำให้เป็นตัวเลือกอันยอดเยี่ยมของใครที่อยากแช่น้ำท่ามกลางธรรมชาติครับ
แนะนำโจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen)
ถ้าเทียบกับออนเซ็นอื่นๆ ในญี่ปุ่นที่มีอายุ 800-1200 ปีแล้วนั้น โจซังเคออนเซ็นหรือว่าเป็นน้องใหม่ เพราะตัวน้ำพุร้อนเพิ่งถูกค้นพบในปี ค.ศ.1866 เท่านั้นเองครับ
ผู้ที่ค้นพบออนเซ็นแห่งนี้คือพระสงฆ์นามว่ามิอิซุมิ โจซัง (Miizumi Jozan) ซึ่งชื่อของสถานที่แห่งนี้ก็ได้มาจากชื่อของท่านนั่นเองครับ พระรูปนี้ได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาออนเซ็นแห่งนี้ด้วยการบุกเบิกพื้นที่โดยรอบ และนำผู้ป่วยจากพื้นที่รายรอบมารักษาที่นี่
ความนิยมของโจซังเคออนเซ็นยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อได้มีการค้นพบแร่ที่ใช้อุตสาหกรรมต่างๆ เหล่าคนงานจึงถูกส่งมาที่เหมืองแห่งนี้มากขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้ท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นสร้างรถไฟเข้าถึงพื้นที่ของหมู่บ้านครับ
หลังจากนั้นโจซังเคออนเซ็นก็กลายเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของเกาะฮอกไกโดมาจนถึงปัจจุบันครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปโจซังเคออนเซ็นทำอย่างไร?
สำหรับใครที่ต้องการจะใช้ขนส่งสาธารณะ วิธีการที่ง่ายที่สุดคือไปจากซัปโปโรครับ คุณสามารถนั่งรถบัส Kappa Liner (Direct Bus) หรือ Jotetsu Bus (Route Bus) จากสถานีซัปโปโรไปยังโจซังเคออนเซ็นได้โดยตรง ระยะเวลาที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 60-75 นาทีครับ
แต่ถ้าคุณเช่ารถไปเที่ยวเมืองอื่นที่อยู่ใกล้ๆ อย่างเช่นโอตารุ, โนโบริเบทสึ, มุโระรัง หรือแม้กระทั่งทะเลสาบโทยะ คุณสามารถขับรถไปโจซังเคออนเซ็นได้โดยตรงครับ
ข้อมูลตรงนี้อ้างอิงจาก Jozankei Tourist Association โปรดตรวจสอบที่ลิงค์ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงและยกเลิกเกิดขึ้นได้ครับ
ไปเที่ยวโจซังเคออนเซ็นช่วงไหนดี?
วิวที่โจซังเคออนเซ็นสวยทุกฤดู แต่ช่วงที่สวยมากและได้รับความนิยมสุดๆ คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ เพราะป่ารายล้อมตัวออนเซ็นจะเปลี่ยนสีอย่างงดงามมาก แถมเวลาที่คุณแช่ออนเซ็นกลางแจ้ง คุณจะได้สัมผัสกับสายลมที่แหวกผ่านตัวของคุณไปด้วยครับ
การพักที่โจซังเคออนเซ็นเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ซึ่งชาวญี่ปุ่นมากมายประทับใจ ถ้าคุณยังไม่ได้จองที่พัก ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักโจซังเคออนเซ็นดีๆ ของผมเพื่อประกอบการตัดสินใตครับ
1. สะพานแขวนฟุตามิ
สะพานแขวนฟุตามิ หรือฟุตามิสึริบาชิ (Futamitsuribashi) เป็นสะพานแขวนสีแดงอันสวยงามที่พาดผ่านสองฟากฝั่งของหุบเขา ทั้งสองฝั่งครอบคลุมด้วยป่าเมืองหนาวอย่างหนาแน่น ทำให้เป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีอันดับ 1 ของโจซังเคออนเซ็นเลยครับ
ในช่วงฤดูร้อนจะมีการเปิดไฟให้กับผืนป่าระหว่างสวนฟุตามิและสะพานแห่งนี้ในอีเวนต์ชื่อว่า Jozankei Nature Luminarie Event ถ้าคุณไปเที่ยวที่นี่ในช่วงนี้ย่อมไม่ควรพลาดชมครับ
2. สวนฟุตามิ
สวนฟุตามิ (Futami Park) เป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีชั้นยอดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และเป็นที่ตั้งของรูปปั้นคัปปะไดโอะ (Kappa Daio Statue) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโจซังเคออนเซ็นครับ
ด้านในสวนมีน้ำตกขนาดเล็กตั้งอยู่ด้วย ซึ่งน้ำจากน้ำตกใสสะอาดมาก เมื่อน้ำหลั่งไหลลงมา ชาวบ้านเปรียบว่าเหมือนกับผ้าไหมครับ
3. สระคัปปะบุจิ
แม้ว่าโจซังเคออนเซ็นจะเพิ่งค้นพบไม่นานนัก แต่ที่นี่ก็มีตำนานคัปปะเหมือนกับคามิโคจิ กล่าวคือในปี ค.ศ.1908 ได้มีเด็กหนุ่มชาวบ้านคนหนึ่งได้ถูกดูดลงไปใต้แม่น้ำ แม้ว่าชาวบ้านคนอื่นพยายามช่วยเหลือแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะจู่ๆ น้ำในแม่น้ำก็ลึกมากอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หนึ่งปีให้หลัง ระหว่างพิธีระลึกถึงเด็กหนุ่มผู้นั้น บิดาของเขาได้ฝันว่าเด็กหนุ่มมาหาและบอกให้ทราบว่าเขาได้อยู่อย่างมีความสุขกับภรรยาของคัปปะ ชาวบ้านจึงเรียกจุดที่เด็กหนุ่มถูกดูดลงไปว่าสระคัปปะบุจิ (Kappabuchi Pool) ครับ
ปัจจุบันสระแห่งนี้ยังอยู่ แต่น้ำไม่ได้น่ากลัวเท่าเดิมแล้ว เพราะว่ามีการสร้างเขื่อนโฮเฮเคียวขึ้นมา แต่แท่งหินทั้งสองที่เคยเป็นศูนย์กลางของสระน้ำวนยังคงอยู่ ซึ่งคุณชมได้จากสะพานฟุตามิ สึริบาชิครับ
แต่สำหรับใครที่ร่างกายพร้อมและหลงรักการเดินป่า คุณสามารถเดินตามเส้นทาง Futami Jozan Road ได้ครับ ซึ่งเริ่มจากสวนฟุตามิและผ่านสระคัปปะบุจิด้วย ตลอดสองข้างทางจะมีดอกไม้ป่ากว่า 800 ชนิดให้ได้ชมครับ
4. ศาลเจ้าโจซังเค
ศาลเจ้าโจซังเค (Jozankei Shrine) ตั้งอยู่ขุนเขาที่ตั้งตระหง่านเหนือตัวหมู่บ้านโจซังเคออนเซ็น ตัวศาลเจ้าสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1905 ครับ แต่ได้มีนักบวชประจำเป็นการถาวรแต่อย่างใด
ปัจจุบันที่นี่เป็นจุดชมดอกไม้เอโซะเอ็นโกซากุ (Corydalis ambigua) ซึ่งเป็นดอกไม้ในตระกูลดอกป็อปปี้ที่สวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชั้นยอดครับ
ช่วงปลายเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ที่ศาลเจ้าจะมีจัดเทศกาลสุดจะโรแมนติกชื่อเทศกาล Jozankei Onsen Yukitouro โดยจะมีตะเกียงหิมะถึง 1,000 ชิ้นเรียงรายไปตามพื้นที่ของศาลเจ้า เป็นบรรยากาศที่สวยสุดๆ ทีเดียวครับ
5. สวนโจซังเคเก็นเซน
สวนโจซังเคเก็นเซน (Jozankei Gensen Park) เป็นสวนที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 200 ปีของพระมิอิซุมิ โจซัง ผู้ค้นพบและพัฒนาออนเซ็นแห่งนี้ ซึ่งด้านในมีรูปปั้นของท่านประดิษฐานอยู่ครับ
ภายในสวนมีต้นไม้ร่มรื่นและแม่น้ำไหลผ่าน ทำให้เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ยอดเยี่ยม แถมยังมีบ่อแช่เท้าและบ่อต้มไข่ให้คุณไปใช้บริการอีกด้วยครับ
6. เขื่อนโฮเฮเคียว
เขื่อนโฮเฮเคียว (Hoheikyo Dam) เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมของพื้นที่บริเวณนี้ รวมไปถึงเก็บน้ำสำหรับการทำการเกษตร
ผืนน้ำที่กั้นไว้ได้กลายเป็นทะเลสาบสีน้ำเงินสุดสวยนามว่าทะเลสาบโจซัง ซึ่งถ้าชมพร้อมกับใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงใบไม้ร่วงแล้วนั้น ถือเป็นทัศนียภาพที่คุณจะไม่มีวันลืมเลยครับ
7. เขื่อนโจซังเค
เขื่อนโจซังเค (Jozankei Dam) เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อการผลิตไฟฟ้า แต่ที่นี่ได้กลายเป็นจุดชมวิวที่สวยงามด้วย เพราะผืนน้ำที่ถูกกั้นไว้ได้กลายเป็นทะเลสาบซัปโปโรครับ ซึ่งช่วงฤดูใบไม้ร่วงคงไม่มีใครปฏิเสธว่างดงามมากทีเดียว ชาวญี่ปุ่นนิยมมาปิกนิกกันที่นี่ครับ
สำหรับใครที่สนใจ บริเวณเขื่อนมีพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ ซึ่งตัวพิพิธภัณฑ์จะอธิบายตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างเขื่อนไปถึงกลไกการทำงานของเขื่อนครับ
8. ศาลเจ้าอิวะโตะ คันนงโดะ
ศาลเจ้าอิวะโตะ คันนงโดะ (Iwato Kannondo) เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐานรูปปั้น 33 องค์ของพระโพธิสัตว์กวนอิม (Kannon, คันนง) แต่จุดประสงค์จริงของที่นี่คือทิศให้กับแรงงานที่สละชีพในการสร้างทางหลวงเชื่อมระหว่างโอตารุกับโจซังเคครับ
ในปัจจุบันชาวญี่ปุ่นที่เดินทางผ่านมักจะแวะสักการะเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางครับ
9. เดินป่าและพายเรือ
สำหรับใครที่รักการเดินป่า บริเวณโจซังเคออนเซ็นมีหลายเส้นทางที่คุณสามารถเดินได้ อย่างเช่นเส้นทางภูเขาอาซาฮิ (Mount Asahi) หรือภูเขายุฮิ (Mount Yuhi)
ทั้งสองเส้นทางมีป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์มาก และยังมีผีเสื้อสวยๆ หลากชนิดให้ได้ชมระหว่างทางอีกด้วยครับ
ส่วนใครที่ชอบกีฬาทางน้ำ คุณสามารถเช่าเรือแคนูไปพายเล่นได้ที่แม่น้ำโทโยฮิระ (Toyohira River) ซึ่งไหลผ่านใจกลางหมู่บ้านครับ จุดสวยที่นิยมกันคือใกล้กับสะพานนิชิกิมาชิ (Nishikibashi Bridge) เพราะถูกปกคลุมด้วยผืนป่าอย่างหนาแน่น ทำให้ช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นสวยงามมากครับ
10. สวนโคกะเนะยู ซากุระ โนะ โมริ
สวนโคกะเนะยู ซากุระ โนะ โมริ (Koganeyu Sakura no Mori) เป็นสวนที่มีต้นซากุระถึง 800 ต้น ซึ่งจะบานสะพรั่งให้ได้ชมกัน
ฉากหลังของสวนนั้นเป็นภูเขาหิมะที่สวยงาม เพราะฉะนั้นไม่ควรพลาดครับ ตัวสวนห่างจากโจซังเคออนเซ็นไปประมาณ 5 กิโลเมตรครับ
11. เก็บผลไม้ที่ฟาร์มโจซังเค
ฟาร์มโจซังเค (Jozankei Farm) เป็นสวนผลไม้แบบ “Orchard” แห่งแรกของญี่ปุ่น ที่นี่เปิดให้คุณสามารถเก็บผลไม้นานาชนิดได้ในช่วงฤดูร้อน และยังลิ้มลองรสชาติของผลิตภัณฑ์ homemade คุณภาพดีได้อีกด้วย
ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้น ที่นี่เป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมของโจซังเคเช่นเดียวกันครับ
12. แช่ออนเซ็น
ท้ายที่สุดกิจกรรมที่คุณพลาดไม่ได้ก็คือการแช่ออนเซ็นนั่นเองครับ น้ำของที่นี่เป็นน้ำที่มีเกลือในปริมาณที่เหมาะสม เวลาที่คุณหย่อนร่างกายลงไป คุณจะรู้สึกว่าร่างกายค่อยๆ อุ่นขึ้นมาจากด้านในครับ
แต่ถ้าคุณไม่อยากจะแช่ทั้งตัว สามารถเลือกเป็นแช่เท้าแทนได้ครับ ซึ่งมีให้แช่ทั่วไปในเขตหมู่บ้านครับ
ตัวอย่างแพลนทริปโจซังเคออนเซ็น
สำหรับด้านล่างจะเป็นแพลนทริปโจซังเคออนเซ็นที่ผมได้จัดทำขึ้นเอาไว้แล้วคร่าวๆ คุณสามารถนำไปปรับแก้ได้อย่างอิสระ แต่เรื่องการเดินทางโปรดตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนไปได้ตลอดเลยครับ
References
- Jozankei Tourist Association