หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น7 ไฮไลท์จุดสวยคามิโคจิ (Kamikochi) ที่คุณไม่ควรพลาด (2024)

7 ไฮไลท์จุดสวยคามิโคจิ (Kamikochi) ที่คุณไม่ควรพลาด (2024)

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

คามิโคจิ (Kamikochi) เป็นเขตอุทยานที่ได้รับความยกย่องว่ามีวิวภูเขาหิมะที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวจากทั้งในและนอกญี่ปุ่นต่างหลั่งไหลมาที่นี่เพื่อชมวิวสวยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผืนป่าทั้งอุทยานจะเปลี่ยนสีเป็นสีส้มสีแดง ซึ่งจะสวยงดงามเหมือนในภาพวาดทีเดียวครับ

ในบทความนี้ผมจึงมาชี้เป้าจุดสวยแห่งคามิโคจิที่คุณไม่ควรพลาด เราไปดูกันดีกว่าครับว่ามีที่ไหนบ้าง แต่ก่อนอื่นเราไปดูกันดีกว่าครับจะเดินทางไปคามิโคจิอย่างไร

คามิโคจิในช่วงฤดูร้อน by sadao/shutterstock

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปคามิโคจิทำอย่างไร?

วิธีการเดินทางไปคามิโคจิมีหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

นั่งรถบัส – Alpico Group มีบริการรถบัสจากเมืองใหญ่ๆ ของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโน่ ไปยังคามิโคจิโดยตรง วิธีนี้ถือว่าง่ายที่สุดแล้วครับสำหรับการเดินทางไปยังคามิโคจิ แต่ตารางรถบัสมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบที่เว็บไซต์ของ Alpico Group ให้ดีก่อนจองครับ

Tip

สำหรับใครที่เดินทางจากมัตสึโมโตะ คุณสามารถซื้อ 2-day pass หรือ 4-day pass จาก Alpico Group ได้ ซึ่งพาส 2 วันจะรวมค่าเดินทางระหว่างมัตสึโมโตะไปยังบริเวณคามิโคจิและโนริคุระ รวมไปถึงส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในมัตสึโมโตะด้วย ราคาจะอยู่ที่ 7,500 เยนครับ

ส่วนพาส 4 วันนั้นจะครอบคลุมมากกว่า นั่นคือจะรวมค่าเดินทางทั้งหมดในเขตมัตสึโมโตะ คามิโคจิ โนริคุระ รวมไปถึงทาคายาม่า และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดกิฟุ อย่างเช่น Shinhotaka Ropeway และหมู่บ้านชิราคาวาโกะด้วยครับ นอกจากนี้ยังมีส่วนลดค่าเข้าชมแทบจะทุกแลนด์มาร์กสำคัญในบริเวณที่ครอบคลุม ส่วนสนนราคาอยู่ที่ 13,000 เยน

ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว แน่นอนว่าพาส 4 วันจะคุ้มค่ากว่า ดังนั้นถ้าคุณมีเวลาเพียงพอ การซื้อพาสแบบ 4 วันจะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากทีเดียวครับ

การเช่ารถขับ – คามิโคจิสามารถเข้าถึงได้ทางถนนได้อย่างไม่ยาก ดังนั้นคุณสามารถเช่ารถและขับมายังคามิโคจิจากทั้งมัตสึโมโตะหรือทาคายาม่า แต่คุณจะไม่สามารถขับรถเข้าไปในคามิโคจิได้ คุณจะต้องจอดรถไว้ที่ที่จอดรถ Sawando หรือ Hirayu ซึ่งค่าจอดจะอยู่ที่ 600 เยนต่อวัน หลังจากนั้นก็ใช้รถของอุทยานเข้าไปในจุดต่างๆ ในคามิโคจิครับ

ไปเที่ยวคามิโคจิช่วงไหนดี

คามิโคจินั้นจะแตกต่างกับสถานที่เที่ยวทั่วไปในญี่ปุ่น นั่นคือจะเปิดให้เข้าชมได้ในช่วงครึ่งหลังของเดือนเมษายนไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น (แปลว่าในช่วงฤดูหนาว คามิโคจิจะปิดครับ) ซึ่งวันเวลาที่เปิดปิดจะต่างกันไปในแต่ละปี ก่อนที่จะจองรถต่างๆ ผมแนะนำให้ตรวจสอบกับเว็บไซต์ของคามิโคจิก่อนครับ

ความสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของคามิโคจิ
ความสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของคามิโคจิ by ArmKK/Shutterstock

สำหรับช่วงที่สวยที่สุดนั้น ผมมองว่าเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะความงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่คามิโคจินั้นได้รับการยอมรับว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของจังหวัดนากาโน่ และญี่ปุ่น ช่วงอื่นอย่างเช่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนก็สวยเช่นกัน แต่จะไม่เท่ากับช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ

สุดท้ายสิ่งหนึ่งที่คุณต้องตระหนักให้มากคือ คามิโคจิมีภูเขาไฟยาเกะดาเกะ (Mount Yakedake) ที่ยังคุกรุ่นอยู่ ซึ่งทางอุทยานจะแจ้งในส่วนของระดับการเตือนภัย (Current Volcanic Alert Level) ไว้ตลอด (ตามได้แบบ real-time จากเว็บไซต์นี้โดยหายอดที่ชื่อ Yakedake) แล้วถ้าสถานการณ์เปลี่ยนแปลง โปรดปฏิบัติตามแนะนำของอุทยานอย่างเคร่งครัดครับ

สำหรับใครที่อยากพักค้างคืนที่คามิโคจิ คุณสามารถเลือกที่พักคุณภาพดีๆ ในจากบทความนี้ครับ

1. สะพานคัปปะ

สะพานคัปปะ หรือ Kappa Bridge (Kappabashi) เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญที่สุดของคามิโคจิ ตัวสะพานเป็นสะพานไม้ที่พาดผ่านแม่น้ำอาซุสะ (Azusa River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ดูเหมือนว่าเป็นลำธารเสียมากกว่าครับ

หลายคนอาจจะสงสัยว่าสะพานนี้เกี่ยวอะไรกับกัปปะ สัตว์ในตำนานของญี่ปุ่น จริงๆ แล้วการสร้างสะพานนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่อง “คัปปะ” (Kappa) ของริวโนสึเกะ อาคุตะกาวะ ซึ่งเล่าถึงการผจญภัยของตัวละครหลักที่ได้มาเยี่ยมเยือนคามิโคจิแล้วได้หลงเข้าไปดินแดนของเหล่าคัปปะทั้งหลายครับ

สะพานคัปปะ หนึ่งในสถานที่เที่ยวสำคัญของคามิโคจิ
by scirocco340/shutterstock

นักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปคามิโคจิจะต้องถ่ายรูปที่นี่ เพราะจากตรงนี้คุณสามารถเห็นภูเขาหิมะอันงดงามในอุทยานได้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟยาเกะดาเกะ ยอดเขาเมียวจิน และหมู่ภูเขาหิมะในเทือกเขาโฮทากะครับ

ด้วยความที่เป็นที่นิยม ใกล้กับสะพานจึงมีสถานที่มากมายไว้รองรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่โรงแรมที่พักไปจนถึงร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ

2. สระเมียวจิน

สระเมียวจิน (Myojin Pond) เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมวิว ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือสะพานไม้ที่พุ่งตรงเข้าไปในน้ำในสระที่ใสสะอาด ซึ่งปลายสะพานจะมีศาลเจ้าชินโตขนาดเล็กตั้งอยู่ครับ

สระเมียวจิน อีกหนึ่งไฮไลท์ของคามิโคจิ
by itzer/shutterstock

ชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาชินโตถือว่าสระเมียวจินเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นนักบวชชินโตจะมาล่องเรือแบบพื้นเมือง และทำพิธีกรรมทางศาสนาในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ถ้าคุณไปเที่ยวคามิโคจิในช่วงนั้น คุณก็มีโอกาสที่จะได้ชมพิธีดังกล่าวเช่นกันครับ

คุณสามารถเดินตามเส้นทางเดินป่าจากสะพานคัปปะมายังสระเมียวจินได้ ซึ่งการเดินไปกลับจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับ เส้นทางนี้ถือว่าได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกัน

3. สระไทโช

สระไทโช (Taisho Pond) เป็นสถานที่ระดับไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งของคามิโคจิ โดยสระแห่งนี้เกิดขึ้นเพราะการระเบิดของภูเขาไฟยาเกะดาเกะได้กั้นน้ำบางส่วนของแม่น้ำอาซุสะเอาไว้ จนเกิดเป็นทัศนียภาพอย่างที่ปรากฏในปัจจุบัน

ความสวยงามของสระไทโชคือ น้ำในสระใสสะอาดราวกับเป็นคริสตัล ซึ่งจะสะท้อนภูเขาหิมะและผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ลงไปในน้ำด้วยราวกับว่าเป็นกระจกเลยครับ ในวันฟ้าใสนั้นสระไทโชจะสวยงามมากจริงๆ

สระไทโช
by tak-photo/shutterstock

นอกจากนี้บริเวณสระยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้และสัตว์นานาชนิด ถ้าคุณโชคดี คุณอาจจะเห็นนกหายากหรือแม้กระทั่งลิงหิมะก็เป็นไปได้ครับ

นักท่องเที่ยวนิยมลงจากรถบัสที่สระไทโช และเดินไปยังสะพานคัปปะ เพราะเส้นทางนี้เป็นหนึ่งในเส้นทางที่สวยที่สุดและยังเดินไม่ยากอีกด้วย เหมาะที่สุดกับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัดครับ

4. สระทาชิโระ

สระทาชิโระ (Tashiro Pond) เป็นสระขนาดเล็กที่ห้อมล้อมไปด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำของคามิโคจิ นอกจากน้ำในสระจะใสสะอาดแล้ว จุดเด่นของที่นี่อีกแห่งหนึ่งคือใกล้กับตัวสระจะมีดอกไม้นานาชนิดได้ให้ชมในช่วงฤดูร้อนครับ ดังนั้นจะให้ความสวยงามที่ต่างออกไปจากจุดชมวิวอื่นๆ

by pommy.anyani/shutterstock

การชมวิวที่สระนี้ไม่ยากเลย เพราะว่าตัวสระอยู่ในเส้นทางการเดินเท้าระหว่างสะพานคัปปะกับสระไทโชครับ

5. บึงดาเกะซาวะ

บึงดาเกะซาวะ (Dakesawa Marsh) เป็นบึงขนาดเล็กที่มีจุดเด่นคือมีต้นไม้นานาชนิดที่ขึ้นมาจากในน้ำ ที่นี่เป็นอีกแห่งที่คุณสามารถสัมผัสกับผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ของตัวอุทยาน และยังมีโอกาสเห็นสัตว์พื้นเมืองหลายชนิดอีกด้วย

by kazu_49M/shutterstock

ในการเดินทางไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะว่าเป็นอยู่ระหว่างเส้นทางเดินเท้าระหว่างสะพานคัปปะกับสระเมียวจินครับ

6. โตกุซาวะ

โตกุซาวะ (Tokusawa) เป็นจุดกางเต้นท์ยอดนิยมของคามิโคจิ โดยจุดนี้มีป่าต้น elm และพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่ ซึ่งมีภูเขามาเอะ-โฮทากะดาเกะเป็นฉากหลัง ทำให้วิวของที่นี่สวยงามไม่น้อยเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เหล่าต้นไม้ผลัดใบ หรือช่วงที่ดอกไม้ป่าสีขาวผลิบาน

by yasuki/shutterstock

ในช่วงฤดูร้อนนั้นจะมีเต้นท์มากมายเลยทีเดียว เพราะเป็นหนึ่งในเบสแคมป์สำหรับการเข้าไปปีนยอดเขาในเหล่าเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นครับ

7. ยอดเขาต่างๆ

สำหรับใครที่สภาพร่างกายพร้อม และรักในการผจญภัย ไฮไลท์ของการเดินทางมายังคามิโคจิคงหนีไม่พ้นการพิชิตยอดเขาต่างๆ ในอุทยานแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น

แนวภูเขาอันสวยงามในคามิโคจิ
by chayakorn.lot@gmail.com/depositphotos
  • ภูเขาไฟยาเกะดาเกะ (Mount Yakedake) – จัดว่าปีนค่อนข้างง่ายแม้ว่าจะต้องใช้เครื่องมือพอสมควร เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลิ้มรสการปีนเขาเป็นครั้งแรกครับ แต่แน่นอนว่าต้องระมัดระวังเรื่องการปะทุของภูเขาไฟด้วยเช่นกัน
  • ภูเขาไฟโชกะทาเกะ (Mount Chokatake) – ปีนไม่ยากนักและวิวสวย ตามเส้นทางมีลมพัดเย็นสบายครับ
  • ภูเขายาริ (Mount Yari) – การปีนค่อนข้างยาก เหมาะกับนักปีนเขาที่มีประสบการณ์มาบ้างแล้ว

ตัวอย่างแพลนทริปคามิโคจิ

สำหรับด้านล่างจะเป็นตัวอย่างทริปคามิโคจิที่ผมได้จัดทำขึ้น ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้ในการจัดทริปของคุณได้เลยครับ แต่แน่นอนว่าเรื่องการเดินทางจะต้องตรวจสอบด้วยตนเองอีกรอบหนึ่ง เนื่องด้วยทางผู้ให้บริการอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดครับ คอนเซปต์ของทั้งสองทริปจะเน้นสบายๆ ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งได้ตามที่ต้องการครับ


Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!