คิริชิมะ (Kirishima) เป็นเมืองในจังหวัดคาโกชิม่าที่ตั้งอยู่ติดกับจังหวัดมิยาซากิ คิริชิมะมีชื่อเสียงเลื่องลือเพราะเป็นที่ตั้งของแนวภูเขาคิริชิมะ ซึ่งเป็นอุทยานที่มีทั้งภูเขาไฟ น้ำพุร้อน บ่อร้อน ที่ราบสูง และบ่อร้อน ทำให้มีความใกล้เคียงกับอาโซะไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ความโด่งดังอาจจะสู้ไม่ได้เท่านั้นเอง
บทความนี้จึงจะนำคุณไปรู้จักกับคิริชิมะพร้อมกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ จะมีที่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความเลยครับ
รู้จักเมืองคิริชิมะ (Kirishima)
เมืองคิริชิมะในปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหม่มาก เพราะเกิดการการรวมขนาดเล็กหลายแห่งในบริเวณเข้าด้วยกันในปี ค.ศ.2005 ทว่าพื้นที่บริเวณโดยรอบนี้เก่าแก่มาก และเกี่ยวพันกับตำนานปรัมปราของญี่ปุ่นอีกด้วย
ตามตำนานเล่าว่าภูเขาบริเวณนี้เป็นจุดที่เทพเจ้านินิกิ โนะ มิโคโตะ (Ninigi-no-Mikoto) เสด็จลงจากสรวงสวรรค์มาสู่โลกมนุษย์ และเป็นต้นวงศ์ของทวดจักรพรรดิญี่ปุ่นพระองค์แรกอย่างจักรพรรดิจินมุ และแน่นอนว่าเป็นบรรพบุรุษของจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ปัจจุบันที่ประทับอยู่ในพระราชวังอิมพีเรียลครับ
ในเชิงภูมิศาสตร์นั้น คิริชิมะเต็มไปด้วยภูเขาไฟและทะเลสาบประเภท crater lake จำนวนมากมาย เช่นเดียวกับผืนป่าโบราณอันอุดมสมบูรณ์ เมื่อรวมกับเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอย่างคิริชิมะออนเซ็น (Kirishima Onsen) แล้วนั้น ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดคาโกชิม่ามาจนถึงปัจจุบันครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปคิริชิมะ (Kirishima) ทำอย่างไร?
วิธีการที่ง่ายที่สุดคือเดินทางไปจากเมืองคาโกชิม่า โดยคุณสามารถนั่งรถไฟของ JR Kyushu จาก Kagoshima Chuo Station ไปยัง Kirishima Jingu Station หลังจากนั้นก็ต่อรถบัสเข้าสู่เขตอุทยานครับ สำหรับรายละเอียดเรื่องรถไฟ ผมแนะนำให้อ่านเพิ่มเติมจาก JR Kyushu ครับ
อย่างไรก็ดีวิธีการที่ง่ายที่สุดคือการเช่ารถและขับไปเอง เนื่องมาจากสถานที่ต่างๆ ในคิริชิมะนั้นไม่ค่อยจะมีรถบัสรับส่งเท่าไรนัก (ถึงมีก็ห่างกันมากจนต้องใช้เวลารอนาน) ทำให้เหลือทางเลือกอยู่เพียงวิธีเดียวครับ
ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก JNTO และ Kirishima Kankou โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
1. Kirishima Ridge Trail
Kirishima Ridge Trail เป็นเส้นทางเดินเทรคความยาว 12 กิโลเมตร โดยจะใช้เวลาเดินประมาณ 6 ชั่วโมง แต่แทบจะเห็นไฮไลท์ของอุทยานคิริชิมะแทบทั้งหมด ทำให้เป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในหมู่นักท่องเที่ยวครับ
เส้นทางนี้เริ่มต้นที่ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Kogen) หลังจากนั้นจะพุ่งสูงสู่ภูเขาคาราคุนิดาเกะ (Mt.Karakunidake) ภูเขาที่สูงที่สุดในคิริชิมะซึ่งว่ากันว่าในวันฟ้าใส คุณสามารถเห็นประเทศเกาหลีใต้ได้จากภูเขาแห่งนี้ ตามมาด้วย ภูเขาชินโมเอะดาเกะ (Mt.Shinmoedake) และนากาดาเกะ ปิดท้ายด้วยภูเขาทาคาจิโฮะ โนะ มิเนะ (Takachiho-no-Mine) เป็นลำดับสุดท้ายครับ
ในบรรดาภูเขาทั้งปวงนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าภูเขาทาคาจิโฮะ โนะ มิเนะ สำคัญที่สุด เพราะเป็นภูเขาที่ปรากฏในตำนานว่าเป็นจุดที่เทพเจ้าลงมาจากสรวงสวรรค์ นอกจากนี้หอกของพระองค์ที่ใช้สร้างประเทศญี่ปุ่นก็ยังปักอยู่บนภูเขาแห่งนี้ครับ
ไฮไลท์ตามเส้นทางที่น่าสนใจที่สุดคือทะเลสาบโอนามิ (Lake Onami) ซึ่งเป็นทะเลสาบแบบ crater lake ที่ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุดในญี่ปุ่นครับ นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบเล็กๆอีกหลายแห่งให้ได้ชมระหว่างทางด้วยครับ
ทั้งนี้ตลอดเส้นทางจะสวยงามทั้งสี่ฤดู โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีจะงดงามมาก ใกล้กับบริเวณนี้จะมีกวางอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาศัยอยู่ตามธรรมชาติครับ
สำหรับแผนที่การเทรคนั้น คุณสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บทางการครับ
2. ศาลเจ้าคิริชิมะ
ศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Shrine) เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้กับเทพเจ้านินิกิ โน มิโคโตะ โดยตัวศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการสร้างอยู่หลายครั้ง เพราะศาลเจ้ามักถูกทำลายเสียหายด้วยการระเบิดของภูเขาไฟ ทั้งนี้ศาลเจ้าที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1715 ครับ
ด้านในศาลเจ้านั้นมีอาคารสีส้มแดงที่สวยงามอยู่หลายหลัง เช่นเดียวกับเสามังกร (Ryubashira) ที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาะคิวชูตอนใต้ เช่นเดียวกับต้นสนขนาดใหญ่อายุกว่า 800 ปีที่ว่ากันว่าเป็นบรรพบุรุษของต้นสนในภูมิภาคนี้ทั้งหมดเลยครับ ความยิ่งใหญ่ของศาลเจ้านี้ทำให้ได้รับสมญาว่าเป็นนิกโก้แห่งภาคตะวันตก
ทั้งนี้ชาวญี่ปุ่นมักจะมาสวดมนต์อวยพรกันที่นี่ เพราะว่าที่นี่จัดว่าเป็น “ศูนย์รวมพลัง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความเจริญก้าวหน้าในการงาน ไปจนถึงความร่มเย็นเป็นสุขของครอบครัวครับ
บริเวณศาลเจ้านั้นมีการปลูกต้นซากุระไว้กว่า 200 ต้น ซึ่งจะบานสะพรั่งให้ชมในช่วงปลายเดือนมีนาคมของทุกปีครับ
3. ศาลเจ้าคาโกชิม่า
ศาลเจ้าคาโกชิม่า (Kagoshima Shrine) เป็นศาลเจ้าอันดับหนึ่งแห่งจังหวัดโอสุมิ ซึ่งเป็นจังหวัดโบราณที่ปกครองพื้นที่แถบนี้ ตัวศาลเจ้านั้นสร้างขึ้นโดยไดเมียวตระกูลชิมาสุ ผู้ยิ่งใหญ่ ปัจจุบันที่นี่ติดอันดับ 1 ใน 5 สิ่งก่อสร้างจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นครับ
ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่เป็นสถานที่จัดเทศกาลฮัตสึอุมะ (Hatsu-Uma Festival) ซึ่งม้ากว่า 20 ตัวจะถูกนำมาประดับประดาด้วยระฆัง และของตบแต่งอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการเต้นรำที่มีนักเต้นกว่า 2,000 คนเลยครับ
4. น้ำตกเซนริกาตากิ
น้ำตกเซนริกาตากิ (Senrigataki Falls) เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในแนวภูเขาคิริชิมะ โดยสายน้ำจะหลั่งไหลสู่ห้วงน้ำเบื้องล่างจากที่สูงกว่า 75 เมตร บริเวณโดยรอบถูกปกคลุมด้วยผืนป่าอันงามยิ่ง น้ำตกแห่งนี้จะงามที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะว่าผืนป่ารอบๆ จะเปลี่ยนสีนั่นเองครับ
5. สวนจูซันซุกะ
สวนจูซันซุกะ (Jusanzuka Historical Park) เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ปลูกดอกไม้นานาชนิด แต่ที่เป็นไฮไลท์ก็คือดอกทานตะวันจำนวนมากมายครับ โดยช่วงที่ชมได้ดีที่สุดคือช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมครับ
นอกจากดอกทานตะวันแล้ว ในสวนยังมีไร่ชาอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถลิ้มลองผลิตภัณฑ์จากชาเขียวเลิศรสครับ
6. คิริชิมะออนเซ็น
คิริชิมะออนเซ็น (Kirishima Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นที่ประกอบด้วยเมืองย่อยอีกหลายแห่ง ซึ่งคุณภาพของน้ำที่นี่นั้นมีชื่อเสียงไปทั่วหล้าว่าไม่ย่อหย่อนกว่าที่ใดในดินแดนอาทิตย์อุทัย ทั้งนี้ตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในเขตภูเขาคิริชิมะ-ยามะครับ
ในเมืองนั้นเต็มไปด้วยเรียวกังและโรงอาบน้ำที่เปิดขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว แน่นอนว่าคุณเข้าไปแช่ออนเซ็นผ่อนคลายร่างกายได้ แต่ใครที่รักการแช่ออนเซ็นจริงๆ แล้วอยากแช่มากกว่าหนึ่งแห่ง คุณควรจะซื้อตั๋ว Nyuto Kirifuda ซึ่งให้คุณเข้าโรงอาบน้ำที่เข้าร่วมได้ 3 แห่งครับ
นอกเหนือจากคิริชิมะออนเซ็นแล้ว คุณอาจจะไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านออนเซ็นได้อย่างเช่นเมียวเค็น (Myoken Onsen) ที่มีแม่น้ำใสสะอาดไหลผ่านครับ
7. สระมารุอิเกะ
สระมารุอิเกะ (Maruike Spring Water Pond) เป็นสระน้ำพุจากใต้ดินที่ส่งน้ำบริสุทธิ์จากใต้พื้นโลกถึง 60,000 ตันในแต่ละวัน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักของชาวเมืองที่อาศัยอยู่แถบนี้
ปัจจุบันตัวสระกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยมีทางเดินให้เดินชมอย่างดี สระนี้จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะใกล้กับตัวสระมีการปลูกต้นซากุระให้ได้ชมด้วยครับ
8. ชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ
ใกล้กับคิริชิมะมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น
Kirishima Open Air Museum – พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่เปิดเป็นแบบ open-air โดยมีผลงานสิลปะหลากหลายให้ได้ชมครับ ค่าเข้าชม 320 เยน
Kagoshima Prefectural Archaeological Center – คิริชิมะนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคโจมง ซึ่งเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ด้านในมีหมู่บ้านโจมงซึ่งสร้างขึ้นเลียนแบบของโบราณที่มีอายุกว่า 9,500 ปี และนำเสนอโบราณวัตถุอายุหลายพันปีที่แสดงถึงวัฒนธรรมโบราณในพื้นที่แถบนี้ครับ
Tsubobatake – พิพิธภัณฑ์น้ำส้มสายชูดำ (Black Vinegar) หรือคุโรสุ เปิดโดยผู้ผลิตอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น คุณสามารถเข้าชมกระบวนการผลิต ตลอดจนซื้อกลับไปได้ครับ
9. ชิมเมนูพื้นเมือง
คิริชิมะนั้นมีเมนูพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงซึ่งคุณไม่ควรพลาดอยู่หลายประเภท อย่างเช่น
- หมูคุโรบุตะ – เนื้อหมูชั้นเลิศที่ได้มาจากการเลี้ยงสุกรอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะนำไปทำอะไรก็อร่อย แต่ที่ดังที่สุดเห็นจะเป็น Kurobuta Shinwa Bokke Hotpot หรือเมนูชาบูชาบู หรือ คิริชิมันนะ (Kirishimanna) ซึ่งเป็นข้าวหน้าหมูครับ
- เทบาคิง (Tebaking) – เมนูปีกไก่ยัดไส้ทอด
- Aira Ago Nikuyaki – เนื้อหัวหมูย่าง
- ชาเขียวคิริชิมะ
References
- Kagoshima Kankou
- Kirishima Kankou
- JNTO – Kirishima Article