หน้าแรกญี่ปุ่นคิวชู7 ที่เที่ยวคิตะคิวชู (Kitakyushu) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

7 ที่เที่ยวคิตะคิวชู (Kitakyushu) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

คิตะคิวชู (Kitakyushu) เป็นเมืองที่อยู่ตอนเหนือสุดของเกาะคิวชู สอดคล้องกับชื่อของเมืองที่แปลว่า “คิวชูเหนือ” โดยหันหน้าให้กับช่องแคบคังมง (Kanmon Strait) ซึ่งเชื่อมกับเมืองชิโมโนเซกิของฝั่งเกาะฮอนชูครับ

ตัวเมืองนั้นเป็นเมืองอุตสาหกรรมลำดับต้นๆ ของเกาะคิวชู แต่ในช่วงหลังได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ซึ่งบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักเมืองแห่งนี้ก่อนที่จะไปว่ากันถึงสถานที่ท่องเที่ยวครับ

รู้จักเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu)

คิตะคิวชูเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เพราะก่อตั้งในปี ค.ศ.1963 โดยเกิดจากการเมืองทั้งห้าที่อยู่แถบนั้นมาเป็นเมืองเดียว ทว่าศูนย์กลางของเมืองหรืออดีตเมืองโคคุระ (Kokura) นั้นมีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้สมัยเอโดะ โดยในช่วงเวลานั้นเมืองนี้ถูกปกครองโดยไดเมียวสองตระกูลได้แก่ โอกาซาวาระ (Ogasawara) และโฮโซกาวะ (Hosokawa) ครับ

ต่อมาในสมัยเมจิ โคคุระได้ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดฟุกุโอกะ และได้เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ เห็นได้จากการที่เเป็นเป้าระเบิดนิวเคลียร์มาแล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

เมืองคิตะคิวชูในปัจจุบัน
by taka1022/ShutterStock

ทว่าในวันนั้นเป็นโชคดีของเมืองโคคุระ และเป็นวันชะตาขาดของเมืองนากาซากิ เพราะในเช้าวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945 เหนือเมืองโคคุระมีหมอกปกคลุมอย่างหนาแน่น ทำให้นักบินอเมริกันต้องนำระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่สองไปทิ้งใส่เมืองนากาซากิซึ่งเป็นเป้าหมายที่สองแทน

หลังจากสงคราม โคคุระได้ถูกรวมเข้ากับเมืองอื่นๆ กลายเป็นเมืองคิตะคิวชูในปัจจุบัน และได้กลายเป็นหนึ่งในฮับทางด้านอุตสาหกรรมของเกาะคิวชูและประเทศญี่ปุ่นครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ทำอย่างไร?

การเดินทางไปคิตะคิวชู (Kitakyushu) ค่อนข้างสะดวกสบาย เพราะมีสถานีชินคันเซน (Kokura Station) ทำให้คุณเดินทางไปได้จากเมืองใหญ่ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นอย่างเช่นโอซาก้า ฟุกุโอกะ ฮิโรชิม่า หรือว่าโกเบด้วยการใช้บริการ Sanyo Shinkansen ครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บของ JR West

อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือการนั่งรถบัส โดยมีบริการจากโอซาก้า ฟุกุโอกะ หรือแม้กระทั่งเกียวโต เรื่องเวลานั้นแน่นอนว่าจะใช้มากกว่าชินคันเซน แต่ราคาก็จะถูกกว่า และถ้าคุณจองรถบัสข้ามคืน คุณจะประหยัดค่าที่พักไปอีกคืนหนึ่งครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Willer Express

สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ คุณสามารถนั่งเรือไปคิตะคิวชูจากโตเกียวหรือโอซาก้าได้ แต่เวลาที่ใช้จะมากกว่าวิธีอื่นๆ ครับ

การสัญจรในเมืองคิตะคิวชูทำอย่างไร

ในตัวเมืองนั้น คุณเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวได้ไม่ยากด้วยการเดินเท้าหรือว่าแท็กซี่จากสถานีรถไฟ แต่ถ้าออกไปไกลแน่นอนว่าคุณสามารถใช้บริการของ local train ของ JR หรือว่า Kitakyushu monorail ได้ครับ

1. ปราสาทโคคุระ

ปราสาทโคคุระ (Kokura Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 17 โดยไดเมียวตระกูลโฮโซกาวะ แต่น่าเสียดายที่ของเดิมนั้นถูกไฟไหม้เสียหายไปตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1837 ตัวปราสาทที่เห็นในปัจจุบันจึงเป็นการสร้างใหม่ในช่วงหลังของศตวรรษที่ 20

ปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ และชั้นบนสุดของปราสาทก็เป็นจุดชมวิวมุมสูงของเมืองที่สวยงามครับ หรือว่าอยากจะสัมผัสการชงชาแบบญี่ปุ่น ด้านในปราสาทก็มีให้ได้เข้าร่วมเช่นกัน

ปราสาทโคคุระ
by Dpongvit/ShutterStock

ใกล้กับปราสาทโคคุระคือสวนคัตสึยามะ (Katsuyama Park) สวนญี่ปุ่นที่ต้นซากุระมากมาย ทำให้เป็นจุดชมซากุระที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของที่นี่ (เช่นเดียวกับใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง) และสวยทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน (เพราะมีเปิดไฟครับ)

สวนคัตสึยามะ
by Richie Chan/ShutterStock

ค่าเข้าชม: 350 เยน (อ้างอิงจากเว็บทางการของปราสาทโคคุระ)

2. ภูเขาซาระกุระ

คิคะคิวชูนั้นมีวิวช่วงกลางคืนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ถึงขนาดได้รับการจัดอันดับเป็นระดับชั้นนำของญี่ปุ่นมาแล้ว หรืออาจจะเรียกได้ว่าสวยไม่แพ้ฮาโกดาเตะเลยก็ว่าได้ จุดที่นิยมไปวิวกลางคืนของเมืองได้แก่ ภูเขาซาระกุระ (Mt.Sarakura) ซึ่งคุณจะต้องขึ้นกระเช้าไปชมเหมือนกับจุดชมวิวอื่นๆ ครับ (ค่าขึ้นไปกลับอยู่ที่ 1,230 เยน)

วิวของที่นี่จะเป็นแบบพาโนรามา และเห็นทุกส่วนของเมืองอย่างชัดเจน ทำให้มีผู้ขนานนามว่าเป็นวิวสวยระดับหมื่นล้านดอลลาร์ (10-billion-dollar nightscape)

วิวมุมสูงของคิคะคิวชูจากภูเขาซาระกุระ
by taka1022/ShutterStock

ด้านบนภูเขาซาระกุระจะมีร้านอาหารด้วย เพราะฉะนั้นคุณสามารถขึ้นไปรับประทานอาหารพร้อมกับชมวิวสวยๆ ไปได้พร้อมกันครับ เช่นเดียวกับ Tenku Dome ที่เปิดไฟสวยๆ ตอนกลางคืน ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับหนุ่มสาวญี่ปุ่นมานัดเดตกันครับ

นอกจากที่นี่แล้วคุณอาจจะไปชมวิวกลางคืนที่อื่นๆ ได้เช่นกัน อย่างเช่น

  • สวนภูเขาทาคาโตะ (Mt.Takato Park)
  • สวนอาดาจิ (Adachi Park)
  • Mojiko Retro Observation Deck

3. สวนคาวาจิ

สวนคาวาจิ หรือ Kawachi Wisteria Garden เป็นสวนดอก Wisteria ที่เปิดให้ชมอยู่แค่สองช่วงเท่านั้น ได้แก่ช่วงครึ่งหลังของเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ดอกไม้ชนิดนี้เบ่งบานอย่างงามงด ส่วนอีกช่วงหนึ่งคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าชมใบไม้เปลี่ยนสีครับ

สวนคาวาจิ
by TETSU Snowdrop/ShutterStock

โดยที่นี่มีดอก Wisteria ถึง 700 ต้นจาก 22 สายพันธุ์ที่มีสีต่างๆ กัน ตั้งแต่สีม่วงเข้มไปจนถึงสีขาวครับ ซึ่งคุณจะได้ชมผ่านซุ้มที่เรียงรายกันไปให้บรรยากาศที่โรแมนติกมากเลยทีเดียว

ค่าเข้าชม: 1500 เยน (อ้างอิงจากเว็บของสวนครับ)

4. ย่านโมจิโกะ

ย่านโมจิโกะ (Mojiko Retro District) เป็นย่านท่าเรือของอดีตเมืองโมจิที่ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของคิตะคิวชูในปัจจุบัน ซึ่งเมืองท่าแห่งนี้เปิดให้มีการค้าขายกับชาวต่างชาติในสมัยเมจิและเป็นเมืองท่าที่รุ่งโรจน์มั่งคั่ง ปัจจุบันกิจกรรมของท่าเรือนั้นถูกย้ายไปที่ท่าเรือแห่งใหม่แล้ว ที่นี่ก็เลยเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแทนครับ

ย่านโมจิโกะ
by Richie Chan/ShutterStock

บริเวณย่านนี้จะมีอาคารเก่าที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมตะวันตกอยู่หลายแห่ง อย่างเช่นสถานีโมจิโกะ (Mojiko Station) สถานีรถไฟริมน้ำที่ไม่น่าเชื่อว่าจะตั้งอยู่ในญี่ปุ่น หรือว่า Moji Mitsui Club ซึ่งครั้งหนึ่งอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เคยพักที่นี่ระหว่างที่มาเยือนญี่ปุ่นครับ

สถานีโมจิโกะ
by Richie Chan/ShutterStock

พื้นที่ส่วนใหญ่ของที่นี่ได้กลายเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ ซึ่งให้บรรยากาศที่ดีเพราะตั้งอยู่ริมน้ำ หนึ่งในเมนูยอดฮิตของที่นี่คือเมนูกล้วยทั้งหลาย ซึ่งกล้วยเหล่านี้ ญี่ปุ่นได้นำเข้ามาและแปลงให้กลายเป็นเมนูแบบญี่ปุ่นๆ เช่นแกงกะหรี่กล้วยเป็นต้น นอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้างสรรพสินค้าอย่าง Kaikyo Plaza ให้คุณจับจ่ายซื้อของฝากในราคาไม่แรงเกินไปนัก

ไม่เพียงเท่านั้นย่านนี้ยังมีจุดชมวิวมุมสูงที่ไม่แพ้ที่ภูเขาซาระกุระด้วย นั่นคือ Mojiko Retro Observation Deck ซึ่งคุณจะได้ชมวิวช่วงค่ำของท่าเรือสมัยศตวรรษที่ 19 แห่งนี้ได้อย่างงามยิ่ง

5. เทศกาลโทบาตะ-กิอง

เทศกาลโทบาตะ-กิอง (Tobata Gion Festival) เป็นหนึ่งในเทศกาลใหญ่ของจังหวัดฟุกุโอกะ โดยชาวเมืองจะเดินแห่โคมไฟทรงพีระมิดขนาดใหญ่เรียงรายไปท้องถนนในเวลากลางคืน ตัวโคมไฟนั้นสวยงามและสว่างเรืองรอง แสดงให้เห็นวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เทศกาลนี้จึงเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโกครับ

ช่วงเวลาที่จัดงานจะอยู่ที่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมครับของทุกปีครับ

6. ตลาดทังกะ

ตลาดทังกะ (Tanga Market) เป็นตลาดเก่าแก่ที่เปิดตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และได้สมญาว่าเป็นครัวของคิตะคิวชู เพราะมีว่ามีร้านค้ามากกว่า 100 ร้านที่เสิร์ฟวัตถุดิบจากทะเลสดๆ ให้กับผู้มาจับจ่ายซื้อของครับ

ตลาดทังกะ
by KO-TORI/ShutterStock

แต่สำหรับนักท่องเที่ยวนั้น แน่นอนว่าที่นี่มีร้านอาหารไม่ต่างอะไรกับตลาดซึกิจิที่โตเกียว หรือว่าตลาดนิโจที่ซัปโปโรที่ให้คุณได้ลิ้มลองซูชิ ซาชิมิ หรือไคเซนด้งในราคาที่ไม่แรงจนเกินไปหนักครับ

7. พิพิธภัณฑ์และสถานที่เที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นอกเหนือจากสถานที่เหล่านี้แล้ว คิคะคิวชูยังมีที่เที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่างเช่น

  • TOTO Museum – พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องสุขภัณฑ์ของเครือ TOTO ที่คุณจะได้เห็นพัฒนาของโถส้วม ตั้งแต่ระบบส้วมหลุมที่ใช้กันสมัยรุ่นปู่ย่าตาทวด มาจนถึงชักโครกแบบปัจจุบัน
  • Yawata Steel Works  – โรงตีเหล็กกล้าแห่งแรกๆ ของญี่ปุ่น และในยุคหนึ่ง ผลผลิตของที่นี่ถือเป็น 90% ของทั้งหมดที่ญี่ปุ่นผลิตได้เลยครับ ปัจจุบันคุณเข้าชมกระบวนการทำงานของโรงตีเหล็กแห่งนี้ได้
  • Wakato Bridge – สะพานแขวนยาวกว่า 627 เมตรที่เชื่อมย่านวากามัตสึและโทบาตะเข้าด้วยกัน ใกล้กับสะพานฝั่งหนึ่งเป็นที่ตั้งของ Wakamatsu Bund ที่มีอาคารสถาปัตยกรรมตะวันตกที่ปัจจุบันกลายสภาพเป็นถนนคนเดินครับ

References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!