คิตส์บูเอล (Kitzbühel) เป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัด Tyrol ของประเทศออสเตรีย โดยห่างจากอินส์บรุคไปประมาณ 100 กิโลเมตร ตลอดทุกยุคทุกสมัยคิตส์บูเอลมีชื่อเสียงว่าเป็นสกีรีสอร์ทของเซเลปและไฮโซระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นสูงชาวเยอรมันเพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากมิวนิคนั่นเองครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองคิตส์บูเอลคร่าวๆ ก่อนที่จะไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักคิตส์บูเอล (Kitzbühel)
สภาพภูมิศาสตร์ของคิตส์บูเอลนั้นถูกโอบล้อมด้วย Kitzbühel Alps โดยอยู่ระหว่างเมืองท่องเที่ยวอย่างอินส์บรุค และเซล อัม ซี (Zell am See) ทำให้รายรอบเมืองนั้นมีแต่ภูเขาสูงตระหง่านเรียงรายกันไปตามลำดับครับ
พื้นที่บริเวณเมืองคิตส์บูเอลนั้นมีชนเผ่าอิลลิเรียนอยู่อาศัยมาตั้งแต่ 3,000-4,000 ปีก่อน หลังจากนั้นพื้นที่ส่วนนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน โดยอยู่ในการปกครองของจังหวัด Noricum ซึ่งเป็นชายแดนตอนเหนือครับ แต่ก็ยังไม่ได้มีสถานะเป็นเมืองหรือปรากฏในหน้าหลักฐานทางประวัติศาสตร์แต่อย่างใด
ตัวเมืองเริ่มอยู่ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 12 ซึ่งในเวลานั้นคิตส์บูเอลน่าจะไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าหมู่บ้านบนภูเขา จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 13 ที่มีผู้คนมาอาศัยมากขึ้นจนมีสถานะเป็นเมืองในการปกครองของบาวาเรีย ทั้งนี้ดยุคแห่งบาวาเรียได้มอบสถานะเมืองให้กับคิตส์บูเอลในปี ค.ศ.1271 ครับ
หลังจากนั้นคิตส์บูเอลก็ได้พัฒนาตนเองเป็นเมืองตลาดที่มั่งคั่ง และด้วยความที่อยู่ในพื้นที่สูงชัน ทำให้ชาวเมืองอาศัยอยู่อย่างสงบสุขและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากสงครามหรือเหตุการณ์ภายนอกเลย ในช่วงศตวรรษที่ 15-16 ได้มีการค้นพบแร่เงินและทองแดงขนาดใหญ่บริเวณนี้ ทำให้เศรษฐกิจของเมืองมั่งคั่งขึ้น เพราะมีเหมืองเปิดขึ้นมากมาย รายได้จากเหมืองดังกล่าวนั้นเป็นสัดส่วนสำคัญของท้องพระคลังบาวาเรียเลยครับ
ตัวเมืองได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐ Tyrol ในช่วงศตวรรษที่ 19 ก่อนที่จะเป็นมาส่วนหนึ่งของออสเตรียในเวลาต่อมา และสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันครับ ในช่วงนี้เองที่คิตส์บูเอลเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่องเที่ยว และได้พัฒนาขึ้นตามลำดับในช่วงศตวรรษที่ 20 ทำให้คิตส์บูเอลเมื่อรวมกับบริเวณโดยรอบแล้ว กลายเป็นพื้นที่สกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรียครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปคิตส์บูเอลทำอย่างไร?
วิธีการเดินทางไปคิตส์บูเอลที่ง่ายที่สุดคือการใช้บริการรถไฟของ OBB ซึ่งช่วยให้คุณเดินทางไปตัวเมืองได้อย่างง่ายดายจากเมืองใหญ่ๆ ของออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็นเวียนนา, ซาลซ์บูร์ก. กราซ หรือเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างอินส์บรุคครับ การจองตั๋วทำได้อย่างสะดวกสบายผ่านเว็บ Omio ครับ
สำหรับตัวเลือกที่พรีเมียมคือแท็กซี่หรือว่ารถรับส่งส่วนตัวจากเมืองใหญ่ นอกจากนี้คุณสามารถขับรถไปได้เช่นกัน แต่บริเวณตัวเมืองเก่าจะไม่ให้รถใดๆ เข้าไปได้ครับ แต่แน่นอนว่าคุณจะได้ความยืดหยุ่นในการเดินทาง หลังจากเที่ยวคิตส์บูเอลแล้ว คุณอาจจะขับไปเที่ยวอัลพ์บัช (Alpbach) ได้เช่นกันครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของเมือง ผมแนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนออกเดินทางครับ
ไปคิตส์บูเอลช่วงไหนดี?
เนื่องจากคิตส์บูเอลเป็นเมืองสกีรีสอร์ทช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงฤดูหนาว เพราะทุกอาณาบริเวณของเมืองและบริเวณโดยรอบจะปกคลุมด้วยหิมะจนเป็นสีขาวโพลนที่สวยงดงามมาก เหมาะต่อการเล่นสกีและกิจกรรมฤดูหนาวอย่างยิ่งเลยครับ
อย่างไรก็ดีช่วงอื่น (Green Season) นั้นก็ไปได้เช่นกัน เพราะวิวภูเขาของที่นี่สวยเลื่องลือ และมีกิจกรรมแบบ adventure ให้ทำมากมายครับ
1. Kitzski
Kitzski นั้นเป็นสกีรีสอร์ทขนาดยักษ์ที่ดึงดูดนักเล่นสกีจากทั่วทุกมุมโลก และเคยได้รับรางวัลว่าเป็น World’s Best Ski Area มาแล้ว ซึ่งพื้นที่เล่นสกีของที่นี่นั้นมีครบทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่เพิ่งเริ่มเล่นไปจนถึงมือโปรระดับเหรียญทองโอลิมปิก โดยมีสกีลิฟต์ทั้งหมด 57 ตัว รวมระยะทางที่เล่นสกีกว่า 233 กิโลเมตร และยังไม่รวมกับ Snowpark ที่ให้คุณเล่นแบบผาดโผนได้อย่างอิสระครับ
นอกจากสกีแล้ว คุณยังสามารถเล่นกิจกรรมฤดูหนาวอื่นๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสกีแบบ Cross-Country, ไอซ์สเก็ต หรือแม้กระทั่งฮ็อกกี้และอื่นๆอีกมากมายครับ หรือถ้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว ในเขตสกีรีสอร์ทก็มีกระท่อมและร้านอาหารให้ไปหาอะไรอุ่นๆ ดื่ม หรือรับประทานอาหารไปพร้อมๆ กับชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ครับ
สำหรับ Ski Pass นั้นจะเริ่มต้นที่ 60 ยูโรต่อวัน โดยถ้าคุณซื้อหลายวัน ราคาต่อวันจะถูกลงครับ ทว่าราคานี้จะไม่รวมกิจกรรมอื่นๆ อย่างเช่นเดินป่า หรือ cross-country skiing ถ้าคุณสนใจแน่นอนว่าต้องจ่ายเพิ่มครับ
ถ้าคุณมาที่นี่ในช่วงฤดูร้อน พื้นที่อันกว้างใหญ่ของสกีรีสอร์ทจะกลายเป็นสถานที่สำหรับเดินเทรคครับ ซึ่งมีให้เลือกหลายเส้นทางด้วยกัน บางเส้นจะมีดอกไม้ป่า ส่วนบางเส้นจะเรียบไปตามทะเลสาบครับ เส้นทางที่ฮิตที่สุดเห็นจะเป็น Streif Hike หรือเดินชมความลาดชันของลานสกีที่ได้ชื่อว่ายากและน่าตื่นเต้นที่สุดแห่งหนึ่งของโลกครับ
สำหรับใครที่ชอบนั่งชิวอย่างเดียว หนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจคือขึ้นเคเบิลคาร์มารับประทานอาหารในช่วงเช้า พร้อมๆ กับชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งวิวโดยรอบจะสวยงามจนลืมหายใจเลยครับ สนนราคาอยู่ที่ 47 ยูโรต่อคนครับ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
2. Kitzbühel Old Town
Kitzbühel Old Town เป็นส่วนของเมืองที่มีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 13 ย่านนี้มีสถานที่ตั้งของโบสถ์ที่ชาวเมืองใช้เป็นศูนย์รวมจิตใจมาตั้งแต่โบราณ เช่นเดียวกับอาคารบ้านเรือนสีสดใสที่กลายเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ ให้นักเดินทางได้มาซึมซับบรรยากาศเก่าๆ ครับ
ถ้าคุณอยากเรียนรู้ประวัติของที่นี่แบบลงลึกกว่านี้ คุณสามารถไป Museum Kitzbühel พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาโบราณวัตถุและให้ข้อมูลประวัติความเป็นมาของตัวเมืองอย่างละเอียด หรือถ้าอยากเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่ในสมัยโบราณ คุณไปชมได้ที่ Bauernhausmuseum พิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในบ้านโบราณของชาวบ้าน ผู้มีวิถีชีวิตเกี่ยวข้องกับภูเขาครับ
3. Schwarzsee
Schwarzsee เป็นทะเลสาบที่ชาวเมืองและนักเดินทางมักมาพักผ่อนหย่อนใจ และสัมผัสกับบรรยากาศอันน่าผ่อนคลายที่นี่ น้ำในทะเลสาบนั้นไม่ค่อยเย็นมากนัก เพราะมีพืชน้ำเตี้ยจำนวนมาก ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับการว่ายน้ำและทำกิจกรรมทางน้ำด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้วิวรอบทะเลสาบก็สวยไม่เบา เพราะถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงรอบทิศเลยครับ อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจคือการตกปลา แต่ว่าไม่ใช่ว่าคุณจะตกได้ทันที คุณจะต้องซื้อตั๋วตกปลาก่อนที่ศาลาว่าการครับ
4. Alpine Flower Garden
Alpine Flower Garden เป็นสวนดอกไม้ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา Kitzbüheler Horn โดยในช่วงฤดูร้อนนั้นที่นี่จะมีดอกไม้แบบอัลไพน์กว่า 400 ชนิดด้วยกัน ซึ่งเป็นดอกไม้เมืองหนาวที่เติบโตในพื้นที่ที่เป็นภูเขาสูงแทบทั้งสิ้น โดยมาจากในออสเตรีย หรือว่าส่วนอื่นของยุโรปครับ
ในการขึ้นไปยังสวนดอกไม้นั้น คุณสามารถปีนขึ้นไปเอง หรือว่าขึ้นไปโดยใช้เคเบิลคาร์ (Horngipfelbahn cable car) ครับ
5. Aurach Wildlife Park
Aurach Wildlife Park เป็นสวนสัตว์เปิด (ให้สัตว์อาศัยอยู่ตามธรรมชาติโดยปราศจากกรง) ที่ใหญ่ที่สุดในเขต Tyrol ของออสเตรีย โดยคุณจะได้ชมกวางสีแดงที่มีเขาที่สวยงามมาก อัลปาก้าที่แสนจะน่ารัก ไปจนถึงจิงโจ้ และเลียงผา ที่หาชมได้ยากมากครับ
นอกจากนี้คุณยังสามารถให้อาหารสัตว์ หรือจิบกาแฟที่คาเฟ่พร้อมกับชมวิวสวยๆ อีกด้วยครับ ในส่วนของค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 12 ยูโร (อ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บของสวนสัตว์ครับ)
6. ใช้บริการสปา
คิตส์บูเอลนั้นเป็นเมืองที่มีชนชั้นสูงเยอรมันนิยมมาพักผ่อนตั้งแต่ในอดีต ดังนั้นที่นี่จึงมีบริการสปามากมายตั้งแต่สระว่ายน้ำ ไปจนถึงซาวน่าและอบไอน้ำ ซึ่งคุณเข้าไปใช้บริการได้โดยไม่ต้องพักกับทางโรงแรม (Day Spa)
ค่าบริการ Day Spa จะอยู่ที่ 39-85 ยูโรแล้วแต่สถานที่ครับ หนึ่งในที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดคือ A-ROSA ครับ
References
- Kitzski Official Site
- Kitzbuehel Tourismus