โคฟุ (Kofu) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) หนึ่งในจังหวัดที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิมากที่สุดแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวมักเดินทางมาที่นี่เพื่อเป็นมุ่งหน้าต่อไปสู่จุดชมภูเขาไฟฟูจิต่างๆ ในจังหวัด
ทว่าเมืองโคฟุนั้นมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่มองข้ามไปไม่ได้ เช่นเดียวกับจุดชมทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงามอีกหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งบทความนี้จะนำไปคุณไปทำความรู้จักครับ
รู้จักโคฟุ (Kofu)
เมืองโคฟุเป็นเมืองโบราณที่มีประวัติความเป็นมาอย่างต่ำตั้งแต่สมัยนารา (ศตวรรษที่ 8) โดยตั้งอยู่ตอนกลางของเกาะฮอนชู ทั้งนี้สภาพภูมิศาสตร์ของเมืองนั้นมีภูเขาล้อมรอบจากทุกด้าน ก่อให้เกิดเป็นชัยภูมิที่ดีเยี่ยมสำหรับการป้องกันข้าศึกศัตรูครับ
ในสมัยเฮอันนั้น เมืองโคฟุเป็นเมืองหลวงของจังหวัดไค (Kai Province) อยู่ในการปกครองของตระกูลมินาโมโตะสายไคเก็นจิ (คนละสายกับที่ได้ขึ้นเป็นโชกุนแห่งคามาคุระ) ได้เข้ามาปกครองเมืองแห่งนี้ และก็ได้เริ่มพัฒนากองทัพโดยให้ความสำคัญกับทหารม้าเป็นหลัก ซึ่งแนวทางการพัฒนากองทัพที่ว่านี้ได้สืบต่อโดยตระกูลทาเคดะ (Takeda Clan) ที่เป็นชนรุ่นหลังของสายไคเก็นจิครับ
ด้วยความที่เป็นตระกูลใหญ่ ตระกูลทาเคดะได้เปลี่ยนโคฟุให้เป็นเมืองปราสาทและเป็นเมืองหลวงของตน ซึ่งตระกูลทาเคดะก็ใช้ทหารม้าอันเกรียงไกรนี้สัประยุทธ์กับตระกูลอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลอุเอะสึกิ จนกลายเป็นหนึ่งในไดเมียวที่เข้มแข็งที่สุดในญี่ปุ่น อย่างไรก็ดีตระกูลทาเคดะก็เสียทีต่อโอดะ โนบุนากะและโตกุกาวะ อึเอยาสึในเวลาต่อมา
ต่อมาในสมัยเอโดะ โคฟุได้ถูกปกครองโดยตรงจากรัฐบาลโชกุนโตกุกาวะ เพราะรัฐบาลมองว่าเป็นเมืองสำคัญที่ใช้ป้องกันเอโดะจากการรุกรานของศัตรู จนกระทั่งสมัยเมจิที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนภูมิภาคเสียใหม่ โดยให้โคฟุเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดยามานาชิครับ
ช่วงศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงที่โชคชะตาไม่ค่อยปรานีกักบเมืองโคฟุเท่าไรนัก เพราะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากทั้งเหตุน้ำท่วมในปี ค.ศ.1907 ตามมาด้วยการทิ้งระเบิดของกองทัพสหรัฐในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองครับ
อย่างไรก็ดีเมืองโคฟุก็ได้รับการฟื้นฟูกลับขึ้นมาหลังสงคราม และได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของญี่ปุ่นครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองโคฟุ (Kofu) ทำอย่างไร
โคฟุสามารถเดินทางไปได้ไม่ยากจากโตเกียวด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- รถไฟ – รถไฟ Limited Express Kaiji (วิ่งบน Chuo Line) นำคุณจากสถานีรถไฟชินจูกุไปถึงโคฟุได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที โดยราคาจะเริ่มที่ 3,890 เยนครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บของ JR East
- รถบัส – คุณสามารถนั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุไปยังโคฟุได้ด้วยบริการของ Willer Express เวลาที่ใช้จะมากกว่าเล็กน้อย แต่จะประหยัดกว่ามาก (เริ่มที่ 1,800 เยน) ครับ
- เช่ารถ – คุณสามารถเช่ารถจากโตเกียวแล้วขับรถมาเที่ยวโคฟุได้ ซึ่งใช้เวลาขับไม่นานนัก (ระยะทางแค่ 160 กิโลเมตร) ครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก Visit Kofu ซึ่งเป็นเว็บทางการของการท่องเที่ยวเมืองโคฟุ โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
1. โตรกโชเซ็นเคียว
โตรกโชเซ็นเคียว (Shosenkyo Gorge) เป็นโตรกอันสวยงามที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำอาราคาวะ เกิดเป็นโตรกที่มีหินรูปทรงแปลกๆ ที่มีพื้นที่ป่าปกคลุมอย่างหนาแน่น และมีแม่น้ำไหลผ่าน ทัศนียภาพบริเวณนี้สวยมากจนโตรกนี้ได้รับการจัดอันดับว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลยครับ
ทั้งนี้ตัวโตรกอยู่ในอุทยานแห่งชาติชื่อจิจิบุ ทามะ ไค (Chichibu Tama Kai) ดังนั้นจะมีพื้นที่เชื่อมต่อกับจิจิบุและนากาโทโระ เมืองท่องเที่ยวของจังหวัดไซตามะครับ
การไปชมนั้นง่ายดายสะดวกสบาย เพราะว่ามีทางเดินอย่างดีจะนำคุณเดินท่องไปตามลำน้ำและชมทัศนียภาพ จุดที่เป็นเหมือนกับไฮไลท์คือน้ำตกเซ็นกะตากิ (Sengataki Waterfall) ที่จะงดงามเป็นพิเศษในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีครับ
บนสุดของตัวโตรกนั้นมีศาลเจ้าคานะซากุระ (Kanazakura Shrine) ตั้งอยู่ โดยสร้างขึ้นเพื่อสักการะบูชาภูเขาคินปุ (Mt.Kinpu) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่เก็บรักษาดวงแก้วคริสตัลที่เชื่อว่ามีพลังเหนือธรรมชาติครับ
ทว่านักเดินทางจำนวนมากมักมาที่นี่กันเพราะมาไหว้ต้นไม้เงินหรือคานะซากุระที่เชื่อกันว่าจะช่วยเสริมดวงชะตาเรื่องโชคลาภและการเงิน รวมไปถึงซื้อตราโกชูอินที่ทำมาจาก quartz crystal กลับไปเป็นของที่ระลึกครับ
2. กระเช้าโชเซ็นเคียว
ใกล้กับตัวโตรกแห่งนี้นั้นมีจุดชมวิวที่คุณสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของบริเวณโดยรอบ รวมไปถึงภูเขาไฟฟูจิได้ด้วยการใช้บริการของ Shosenkyo Ropeway ครับ
นอกจากนี้ตามความเชื่อของชาวบ้านแถบนี้คือ พื้นที่บริเวณนี้มีพลังงานสูงเปรียบได้ดั่งกับเป็นเส้นโลหิตมังกร ที่นี่จึงมีศาลเจ้าอุทิศให้กับเทพเจ้าวาโกะ กอนเก็น (Wago Gongen) ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งชาวญี่ปุ่นมักจะมาขอพรให้ชีวิตการแต่งงานยั่งยืน สงบสุข และเปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่งบริบูรณ์ครับ
3. สวนปราสาทมาอิซุรุ
สวนปราสาทมาอิซุรุ (Maizuru Castle Park) คือสวนที่เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทโคฟุ หนึ่งในปราสาทขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของฮิเดโยชิ ต่อมาได้ถูกใช้เป็นแนวป้องกันสำคัญเมืองเอโดะจากการรุกรานที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากภาคตะวันตก (อดีตศัตรูของตระกูลโตกุกาวะ) แต่ตัวปราสาทกลับถูกไฟไหม้เสียหายยับเยินในปี ค.ศ.1727 และอาคารอื่นก็ถูกรื้อถอนตามคำสั่งของรัฐบาลเมจิในปี ค.ศ.1873 ครับ
อย่างไรก็ดีในปี ค.ศ.1990 ได้มีการสร้างปราสาทขึ้นมาใหม่ตามรูปแบบเดิม แน่นอนว่าเพื่อใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ปัจจุบันตัวปราสาทยังไม่เสร็จสิ้นแบบ 100% แต่อาคารหลังที่เสร็จแล้วได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ครับ
ด้านบนสุดของปราสาทนั้นเป็นจุดชมวิวเมืองโคฟุที่สวยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะคุณจะได้เห็นต้นซากุระ 160 ต้นออกดอกบานสะพรั่งให้ชมด้วยครับ
ในวันที่ 11 สิงหาคมของทุกปีนั้น ที่นี่จะมีการจัดเทศกาล Little Edo Kofu Summer Festival ซึ่งจะจำลองบรรยากาศเมืองปราสาทสมัยเอโดะ และมีการจุดดอกไม้ไฟยามค่ำคืนที่สวยงามยิ่งครับ
4. โคชู ยุเมะโคจิ
โคชู ยุเมะโคจิ (Koshu Yumekoji) เป็นย่านช้อปปิ้งที่ถูกสร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นผสมกับตะวันตก บริเวณถนนแห่งนี้นั้นมีร้านอาหาร ตลอดจนคาเฟ่และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งนักเดินทางมักจะไปที่นี่เพื่อหาของอร่อยๆ และขนมพื้นเมืองรับประทานครับ
5. ศาลเจ้าทาเคดะ
ถ้าพูดถึงโคฟุแล้ว จะไม่เอ่ยถึงตระกูลทาเคดะที่เคยยิ่งใหญ่นั้นย่อมไม่ได้ ศาลเจ้าทาเคดะ (Takeda Shrine) เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้กับทาเคดะ ชินเก็น ประมุขตระกูลทาเคดะที่เคยเป็นหนึ่งในไดเมียวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทสึสึจิกาซากิ (Tsutsujigasaki Castled) ฐานที่มั่นและสถานที่พำนักของตระกูลครับ
นอกจากนี้ตามความเชื่อเก่าแก่ การมาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้จะนำมาซึ่งความโชคดีมั่งมีผาสุก ตลอดจนความมั่งคั่งร่ำรวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณได้ไปเยือนบ่อน้ำเจ้าหญิง (Princess Well) หรือต้นสนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในศาลเจ้าครับ
ด้านในศาลเจ้าเก็บรักษาโบราณวัตถุเก่าแก่ของตระกูลทาเคดะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาบที่บริจาคโดยญาติฝั่งภรรยาของทาเคดะ ชินเก็น และยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวของตระกูลด้วยครับ
6. วัดไคเซ็นโคจิ
วัดไคเซ็นโคจิ (Kai Zenko-ji) เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 โดยทาเคดะ ชินเก็นเพื่อเก็บรักษาปูชนียวัตถุอันทรงคุณค่าจากจังหวัดนากาโน่ที่เป็นสมรภูมิสู้รบมากมายในช่วงเวลานั้น ทั้งนี้ชินเก็นเกรงว่าของมีค่าเหล่านั้นจะได้รับความเสียหาย เขาจึงให้สร้างวัดแห่งนี้ที่โคฟุและนำปูชนียวัตถุมาเก็บไว้ที่นี่ครับ
ตัวอาคารนั้นได้รับการสร้างขึ้นอย่างสวยงามด้วยไม้อย่างดี ซึ่งโดยรวมแล้ววัดแห่งนี้เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของญี่ปุ่นเลยครับ
ด้านในอาคารหลักนั้นจะมีพิธีกรรมไคดัน มัตสุริ (Kaidan Matsuri) ให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมได้ กล่าวคือคุณจะเดินไปตามทางเดินใต้ดินมืดๆ เพื่อหากุญแจศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้าคุณหาเจอ คุณจะได้ไปสู่ดินแดนสุขาวดีหลังจากที่ล่วงลับไปแล้วครับ ส่วนองค์พระหลักของวัดนั้นเรียกว่าโกไคโช (Gokaicho) จะเปิดให้นักเดินทางได้ชมทุกๆ 7 ปีเท่านั้นครับ
7. วัดทั้งห้าแห่งโคฟุ
โคฟุโกซัง (Kofu Gozan) ถ้าแปลตรงตัวจะแปลว่าภูเขาทั้งห้าแห่งโคฟุ ซึ่งคำที่แปลว่าภูเขานี้ในอดีตเคยเป็นระบบที่ใช้จัดอันดับวัดพุทธในเกียวโตและคามาคุระครับ ดังนั้นถ้าแปลในบริบทปัจจุบันก็คือวัดทั้งห้านั่นเอง
วัดทั้งห้านี้ถูกเลือกโดยทาเคดะ ชินเก็นเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับภาวนาเพื่อให้ดินแดนในปกครองของตนเองปลอดภัยจากข้าศึกศัตรูครับ โดยวัดทั้งห้านี้ประกอบด้วย
- วัดโชเซ็นจิ (Chozenji Temple) – วัดที่อยู่ในระดับที่สูงที่สุดในหมู่วัดทั้งห้า ทาเคดะ ชินเก็นเคยศึกษาพระธรรมและการเมืองกับพระสงฆ์ที่นี่ ปัจจุบันตัววัดยังมีเจดีย์แบบญี่ปุุ่นที่สวยงามตั้งอยู่ครับ
- วัดโตโคจิ (Tokoji Temple) – วัดอายุกว่า 500 ปีที่มีสวนหินอันงดงามอยู่ด้านใน เช่นเดียวกับสุสานของบุตรชายสองคนของทาเคดะ ชินเก็นครับ
- วัดโนโตจิ (Notoji Temple) – สร้างขึ้นโดยทวดของทาเคดะ ชินเก็น โดยเป็นวัดนิกายเซน ในวัดเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีดอกไม้อันงดงามให้ได้ชมครับ
- วัดเอ็นโคอิน (Enkoin Temple) – วัดที่เก็บร่างของภรรยาของทาเคดะ ชินเก็น ตัววัดเป็นจุดชมวิวมุมสูงของเมืองโคฟุที่สวยงามทีเดียวครับ
- วัดโฮเซ็นจิ (Hosenji Temple) – วัดที่เกี่ยวพันถึงความรุ่งโรจน์และล่มสลายของทาเคดะ โดยสร้างขึ้นโดยทาเคดะ ชิโนบุ ผู้ที่วางรากฐานให้ตระกูลทาเคดะยิ่งใหญ่ และเป็นที่ฝังศพด้วย ทว่าทาเคดะ คัตสึโยริ ไดเมียวคนสุดท้ายที่พ่ายแพ้ต่อโนบุนากะก็ถูกฝังไว้ที่นี่เช่นกันครับ
8. ยุมุระออนเซ็น
ยุมุระออนเซ็น (Yumura Onsen) เป็นหมู๋บ้านออนเซ็นที่อยู่ใกล้กับเมืองโคฟุ ตามตำนานเล่าว่ามีอายุกว่า 1,200 ปี โดยผู้ค้นพบน้ำพุร้อนในพื้นที่บริเวณนี้คือพระคุไค ผู้ก่อตั้งนิกายชินงอนในศาสนาพุทธครับ
หลังจากนั้นที่นี่ได้เป็นสถานที่สุดโปรดของทาเคดะ ชินเก็นที่เดินทางมาพักผ่อนร่างกายในช่วงเวลาที่ว่างจากการทำศึก ปัจจุบันที่มีโรงอาบน้ำสาธารณะที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปให้ลงไปแช่ได้ โดยการแช่แต่ละครั้งจะอยู่ที่ 700-1500 เยน ทว่าถ้าคุณพักที่เรียวกังในหมู๋บ้าน คุณจะได้พาสที่ให้คุณเข้าไปแช่ได้ในราคา 500 เยนต่อที่ครับ
9. เก็บผลไม้
ใกล้กับเมืองโคฟุมีสวนผลไม้มากมายที่เปิดให้คุณได้ไปเก็บผลไม้สดๆ และรับประทานทันทีแบบ all-you-can-eat โดยผลไม้ที่มีนั้นมีตั้งแต่สตรอเบอรี่ไปจนถึงองุ่น พีช เชอร์รี่ ลูกแพร์ ฯลฯ
สำหรับสวนที่น่าสนใจได้แก่ Nakagomi Orchard ที่มีผลไม้ให้เก็บหลากหลาย (แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล) สำหรับค่าใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 2,200-5,000 เยน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าจะเก็บผลไม้อะไร และเก็บได้ในเวลาเท่าไรครับ
10. ชิมอาหารพื้นเมือง
เมนูที่น่าสนใจซึ่งคุณไม่ควรพลาดเวลาไปเยือนเมืองโคฟุได้แก่
- Koshu Wine Beef – เนื้อวากิวเลื่องชื่อของเมืองโคฟุ และจังหวัดยามานาชิ
- Kofu Tori Motsuni – เมนูเครื่องในไก่คลุกเคล้าในซอสเปรี้ยวหวาน
- Shingen Mochi – โมจิราดด้วยซอสสูตรพิเศษ
- Hoto – เมนูเส้นไซส์ยักษ์ที่ใหญ่กว่าอุด้งเสียอีก เวลาเสิร์ฟมักจะมาแบบเป็นกระทะร้อนครับ
References
- Visit Kofu