หน้าแรกญี่ปุ่นคิวชู8 ที่เที่ยวคุมาโมโตะ (Kumamoto) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

8 ที่เที่ยวคุมาโมโตะ (Kumamoto) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

คุมาโมโตะ (Kumamoto) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะคิวชู โดยมีประชากรกว่าเจ็ดแสนคน และเป็นเมืองหลวงของจังหวัดชื่อเดียวกัน ตัวเมืองมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวเพราะมีปราสาทสวยที่งดงามเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับอาหารที่เอร็ดอร่อย วัฒนธรรมดั้งเดิมที่น่าค้นหา และน้ำแร่คุณภาพเยี่ยม

สำหรับบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองคุมาโมโตะโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ

รู้จักเมืองคุมาโมโตะ

เมืองคุมาโมโตะตั้งอยู่ตอนกลางของเกาะคิวชูค่อนไปทางทิศตะวันตก โดยห่างจากฟุกุโอกะไปทางใต้ประมาณ 107 กิโลเมตร ฝั่งตะวันตกของเมืองติดกับทะเล ส่วนด้านอื่นจะเป็นภูเขาและภูเขาไฟ โดยเฉพาะภูเขาไฟอาโซะที่ยังคุกรุ่นอยู่ครับ

พื้นที่บริเวณเมืองคุมาโมโตะนั้นมีมนุษย์อาศัยอยู่ตั้งแต่อย่างน้อย 30,000 ปีก่อน นักโบราณคดีญี่ปุ่นนั้นพบหลักฐานมากมายจากยุคหินใหม่ ซึ่งจำนวนที่ค้นพบมีมากถึง 1 ใน 3 ของที่ค้นพบทั้งหมดในญี่ปุ่น ดังนั้นในอดีตที่นี่น่าจะมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากครับ

เมืองคุมาโมโตะ
by Sean Pavone/ShutterStock

ชาวญี่ปุ่น (ยามาโตะ) แผ่อำนาจเข้ามาในพื้นที่แถบนี้ในช่วงศตวรรษที่ 5-7 หลังจากนั้นคุมาโมโตะก็เริ่มกลายเป็นเมืองขึ้น และปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นครั้งแรก หลังจากนั้นตัวเมืองได้ส่งข้าว ผ้าไหม และปลาเป็นบรรณาการให้กับราชสำนัก

ช่วงปลายสมัยเฮอัน พวกซามูไรเริ่มจะเรืองอำนาจขณะที่อำนาจของจักรพรรดิเริ่มเสื่อมลง ไดเมียวตระกูลต่างๆ จึงผลัดขึ้นมามีอำนาจในพื้นที่แถบนี้ โดยเฉพาะตระกูลคิคุจิ (Kikuchi Clan) ที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้การรุกรานของกองทัพมองโกลในเวลาต่อมาครับ

อย่างไรก็ดีเมื่อสมัยเซ็นโกกุมาถึง ตระกูลคิคุจิอ่อนกำลังลงมาก และหมดสภาพที่จะต่อต้านการรุกรานจากไดเมียวคนอื่นๆ ทำให้เมืองคุมาโมโตะถูกเปลี่ยนมือไปมา จนกระทั่งฮิเดโยชินำกองทัพใหญ่มาปราบปรามเหล่าไดเมียวทั้งหลายแห่งคิวชู หลังจากเสร็จศึกแล้ว เขาได้มอบเมืองคุมาโมโตะให้กับคาโตะ คิโยมาซะ (Kato Kiyomasa)

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)
by amusemoment/ShutterStock

คาโตะ คิโยมาซะนั้นเป็นความสามารถพิเศษเรื่องการสร้างปราสาท ส่วนสำคัญของปราสาทคุมาโมโตะก็สร้างในยุคของเขานั่นเอง เขาทำให้ปราสาทคุมาโมโตะเป็นหนึ่งในปราสาทที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินญี่ปุ่นครับ อย่างไรก็ดีตระกูลของเขาปกครองคุมาโมโตะได้เพียงสองชั่วคนก็ได้เปลี่ยนถ่ายไปสู่มือตระกูลโฮโซคาว่า ซึ่งได้ปกครองที่นี่ไปจนสิ้นสมัยเอโดะครับ

ในสมัยเมจิ คุมาโมโตะและพื้นที่โดยรอบได้มีสถานะเป็นจังหวัดในนามจังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto Prefecture) แต่ไม่กี่ปีต่อมา เมืองคุมาโมโตะก็ต้องรับศึก เพราะว่าเกิดการกบฏซัทสุมะ (Satsuma Rebellion) ทว่าปราสาทคุมาโมโตะก็ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งแม้ว่าจะสร้างมาแล้วเกิน 3 ศตวรรษ เพราะพวกกบฏไม่อาจตีปราสาทแห่งนี้ให้แตกได้ จนกระทั่งกองทัพรัฐบาลมาสนับสนุนและปราบปรามพวกกบฏได้สำเร็จครับ

เมืองคุมาโมโตะ (Kumamoto) ในปัจจุบัน
by Sean Pavone/ShutterStock

คุมาโมโตะได้กลายเป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของเกาะคิวชูในสมัยเมจิ ทำให้เป็นเป้าหมายในการทิ้งระเบิดของกองทัพสหรัฐ โดยเมื่อสงครามสงบลงนั้น ตัวเมืองเดิมเสียหายไปถึง 1 ใน 3 ครับ แต่ก็ได้มีการสร้างใหม่ขึ้นอย่างรวดเร็ว คุมาโมโตะเริ่มเจริญขึ้นในฐานะเมืองอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวที่รุ่งโรจน์ของญี่ปุ่นจนกระทั่งถึงช่วงศตวรรษที่ 21 ครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปเมืองคุมาโมโตะ (Kumamoto) ทำอย่างไร?

ถ้าคุณอยู่ที่เมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่นที่ไม่ได้อยู่บนเกาะคิวชู (โอซาก้า โตเกียว นาโกย่า ฯลฯ) วิธีการที่สะดวกสบายที่สุดคือบินไปลงที่สนามบิน Aso Kumamoto Airport โดยตรง หลังจากนั้นก็อาศัยขนส่งสาธารณะเข้าเมืองครับ

แต่ถ้าคุณอยู่บนเกาะคิวชูนั้น คุณจะมีตัวเลือกมากมายในการเดินทางไปยังคุมาโมโตะ ถ้าคุณอยู่ที่ฟุกุโอกะ ตัวเลือกที่ดีที่สุดย่อมเป็น Kyushu Shinkansen (ได้ทุกขบวน) จากสถานี Hakata Station ไปลงที่ Kumamoto Station ครับ วิธีนี้ใช้กับคาโกชิม่าและเมืองอื่นๆ ที่มีชินคันเซนสายนี้ผ่านได้เช่นกัน นอกจากนี้ถ้าคุณพร้อมที่จะขับรถเอง การเช่ารถก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันครับ

ส่วนนางาซากิ คุณจะมีสองวิธีด้วยกัน วิธีแรกคือนั่งรถบัสไปโดยตรงกับอีกวิธีหนึ่งคือนั่งรถไฟไปลงที่ Shin Tosu Station เพื่อขึ้น Kyushu Shinkansen ไปยังคุมาโมโตะครับ

สำหรับเมืองอื่นๆ อย่างยูฟุอินและเบปปุนั้น คุณสามารถนั่งรถบัสไปได้โดยตรงจากทั้งสองเมืองครับ

รายละเอียดส่วนนี้อ้างอิงจาก Kumamoto City Official Tourism Guide และ JR Kyushu โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ

การสัญจรในเมืองคุมาโมโตะทำอย่างไร?

การเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ในเมืองคุมาโมโตะจะใช้รถรางและรถบัสเป็นหลัก ทั้งนี้คุณสามารถซื้อพาส 1 วันได้ในราคา 700 เยนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายครับ

Tip

สำหรับใครที่วางแผนจะพักที่นี่ โปรดอ่านบทความนี้เพื่อที่จะได้ที่พักคุณภาพดีราคาเหมาะสมครับ

1. ปราสาทคุมาโมโตะ

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) เป็นปราสาทขนาดใหญ่ สวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ใน 3 สามสุดยอดปราสาทญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปราสาทฮิเมจิ และปราสาทมัตสึโมโตะครับ ตัวปราสาทแทบทั้งหมดนั้นเป็นผลงานของคาโตะ คิโยมาซะ ไดเมียวที่มีชื่อเสียงเรื่องการสร้างปราสาทที่แข็งแกร่ง ซึ่งก็คงทนจริงๆ เพราะไม่มีใครเคยใช้กำลังยึดปราสาทแห่งนี้ได้ครับ

ปราสาทคุมาโมโตะ ที่เที่ยวสำคัญของเมืองคุมาโมโตะ
by cowardlion/ShutterStock

อย่างไรก็ดีหลายอาคารของเดิมนั้น (รวมไปถึงตัวปราสาทหลักคือเทนชู) ได้พินาศไปพร้อมๆ กับการโจมตีโดยพวกกบฏซัทสุมะไปแล้ว ตัวปราสาท หอรบ และกำแพงต่างๆ ล้วนแต่เป็นการสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ.1960 ซึ่งต่อมาก็ได้รับความเสียหายอีกครั้งจากแผ่นดินไหวใหญ่ในปี ค.ศ.2016

ปัจจุบันปราสาทคุมาโมโตะจึงไม่ได้เปิดให้เข้าชมได้ทั้งหมด เพราะกำลังอยู่ในการบูรณะที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.2038 ทว่าโดยมากแล้วคุณยังสามารถชมจากภายนอกได้ครับ

อย่างเช่นหอรบอุโตะ (Uto Turret) ในรูปด้านบนเป็นหอรบสมัยศตวรรษที่ 17 ที่ยังตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่ และวังฮอนมารุโกเต็น (Honmaru Goten Palace) วังโบราณอายุร่วม 4 ศตวรรษที่ได้รับการตบแต่งอย่างสวยงามน่าทึ่ง

Uto Turret
by masakichi/ShutterStock

ส่วนตัวปราสาท (Tenshukaku) นั้นซ่อมแซมเสร็จแล้ว คุณสามารถเข้าชมด้านในได้ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของมีค่าที่เคยเป็นของไดเมียวตระกูลคาโตะและโฮโซคาว่า เช่นเดียวกับชมวิวมุมสูงของเมืองคุมาโมโตะจากชั้นบนสุดครับ (พร้อมด้วยเทคโนโลยี AR สำหรับชมวิวมุมสูงในสมัยเมจิ)

ปราสาทคุมาโมโตะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
by Suradech Singhanat/ShutterStock

นอกจากนี้สวนของปราสาทยังน่าสนใจเช่นกัน เพราะมีซากุระให้ได้ชมกว่า 800 ต้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ความสวยงามนี้จะมีให้ชมช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น นักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติจะเดินทางมาชมดอกไม้ที่นี่กันอย่างล้นหลามเลยครับ

ค่าเข้าชม: 800 เยน

2. สวนซุยเซ็นจิ โจจูเอ็น

สวนซุยเซ็นจิ โจจูเอ็น (Suizenji Jojuen) เป็นสวนที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทคุมาโมโตะ ตัวสวนสร้างขึ้นโดยไดเมียวแห่งตระกูลโฮโซคาว่า ร่วมกับวัดชุยเซ็นจิ และโรงน้ำชาครับ

by beauty-film/ShutterStock

ใจกลางสวนคือสระขนาดใหญ่ที่ได้น้ำอย่างดีมาจากภูเขาอาโซะ เช่นเดียวกับภูเขาจำลองที่อิงแบบมาจากภูเขาไฟฟูจิ โดยรวมแล้วที่นี่จึงเป็นสวนญี่ปุ่นอีกแห่งที่สวยงามมาก แสดงถึงความประณีตในการจัดสวนของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีครับ ทั้งนี้จุดชมวิวที่สวยที่สุดคือจาก Kokindenju no Ma อาคารอายุ 400 ปีที่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของสวนครับ

by beauty-film/ShutterStock

บริเวณฝั่งตะวันออกของสวนนั้นจะมีเส้นทางถนนที่ใช้จัดการแสดงยิงธนูบนหลังม้า ซึ่งได้จัดการแสดงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1878 บริเวณถนนบริเวณนี้จะมีดอกไม้ห้าชนิดของคุมาโมโตะปลูกไว้ให้ชมด้วย อย่างเช่นดอกเบญจมาศและไอริสครับ

ทางด้านใต้ของสวนนั้นจะมีทางเดินที่สองข้างทางมีต้นซากุระซึ่งจะนำนักเดินทางไปสู่โรงละครโน (Noh Theater) การแสดงพื้นเมืองของญี่ปุ่นครับ

นอกจากนี้ถ้าคุณมีเวลา ห่างจากสวนแห่งนี้ไม่ไกลนักจะมีทะเลสาบแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ชื่อทะเลสาบเอซุ (Lake Ezu) ชาวญี่ปุ่นนิยมมาตกปลา เดินเล่น และผ่อนคลายกันที่นี่ครับ

3. ถ้ำเรกันโด

ครั้งหนึ่งนักดาบเลื่องชื่ออย่างญี่ปุ่นอย่างมิยาโมโต้ มุซาชิ (Miyamoto Musashi) เคยพำนักอยู่ที่เมืองคุมาโมโตะ ทั้งนี้ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาได้พำนักอยู่ที่ถ้ำเรกันโด (Reigando Cave) แห่งนี้ และน่าจะเป็นสถานที่ที่เขาเขียนหนังสือโกรินโนะโช ซึ่งเป็นตำราการใช้ดาบที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นด้วยครับ

ถ้ำเรกันโด
by Karen Jennings/ShutterStock

นักเดินทางนิยมเดินทางมาที่นี่เพื่อชมบรรยากาศ “เซน” อันเงียบสงบ เช่นเดียวกับชมวิถีชีวิตช่วงสุดท้ายของนักดาบมีชื่อผู้นี้ เช่นเดียวกับไปเยี่ยมเยือนวัดอุนกันเซนจิ (Unganzenji Temple) วัดเซนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักด้วยครับ

บริเวณทางเดินไปสู่ปากถ้ำเรกันโดนั้น ถ้าสังเกตดีๆ จะมีรูปปั้นอรหันต์ 500 องค์ตั้งอยู่ตามเนินเขา แต่รูปปั้นเหล่านี้จะไม่สมประกอบ เพราะว่าเกิดการทำลายในสมัยเมจิที่รัฐบาลพยายามแยกศาสนาพุทธและชินโตออกจากกันครับ

4. เก็บผลไม้

คุมาโมโตะเป็นอีกหนึ่งเมืองของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากเรื่องผลไม้รสชาติดี โดยผลผลิตที่มีชื่อเสียงของที่นี่คือส้ม เมลอน ลูกพลับ องุ่น ลูกแพร์ญี่ปุ่น แตงโม และผลไม้อื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้สวนที่เปิดให้คุณไปเก็บได้คือ Yuhouen fruits land ซึ่งมีผลไม้ให้คุณเก็บได้แทบจะตลอดปี คุณสามารถตรวจสอบได้ที่นี่ว่าในช่วงที่คุณจะไปมีอะไรให้เก็บบ้างครับ

หลังจากที่เก็บแล้ว แน่นอนว่าคุณจะรับประทานได้ทันที โดยเวลาเก็บจะอยู่ที่ 60 นาที ส่วนค่าบริการนั้นจะอยู่ที่ 600-2,000 เยนครับ

5. ซากุระ โนะ บาบะ โจไซเอ็น

ซากุระ โนะ บาบะ โจไซเอ็น (Sakura-no-Baba Josaien) เป็นถนนคนเดินที่สร้างเลียนแบบถนนโบราณในสมัยที่คุมาโมโตะยังเป็นเมืองปราสาทที่รุ่งโรจน์ ปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นโซนร้านอาหารที่เปิดให้นักเดินทางได้ลิ้มลองเมนูพื้นเมืองที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ

ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังมีการแสดงและกิจกรรมอื่นๆ ให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่ด้วยครับ

6. ชิมอาหารพื้นเมือง

เมืองคุมาโมโตะเป็นเมืองที่มีเมนูท้องถิ่นที่พลาดไม่ได้อยู่มากมาย เมนูแรกแน่นอนว่าคือ คุมาโมโตะราเมง (Kumamoto Ramen) เมนูราเมงแบบ Tonkotsu สูตรทามานะที่ใส่กระเทียมทอดและย่างที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้ขจรขจาย

คุมาโมโตะราเมง
by sasazawa/ShutterStock

ส่วนเมนูอื่นที่น่าสนใจได้แก่ข้าวหน้าเนื้อวากิวสีแดงที่รสชาติเย้ายวนใจไม่แพ้ที่ใด และ Taipiien ซุปวุ้นเส้นที่มีที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เช่นเดียวกับซูชิเนื้อม้าหรือบาซาชิ (Basashi) ที่ถือว่าเป็นเมนูระดับ delicacy ของเมืองครับ

7. อุเอกิออนเซ็น

สำหรับใครที่อยากจะแช่ออนเซ็น การเดินทางไปยังอุเอกิออนเซ็น (Ueki Onsen) เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะน้ำแร่ของที่นี่มีชื่อเสียงว่าเหมือนกับโลชั่นข้นๆ และมีคุณสมบัติประทินผิวให้สวยงามอิ่มเอิบ ที่นี่จึงได้สมญาว่าเป็นออนเซ็นสำหรับหญิงงามครับ

ด้านในตัวเมืองจะมีโรงอาบน้ำและเรียวกังหลายแห่งที่เปิดรับนักท่องเที่ยว โดยด้านในจะมีทั้งแบบญี่ปุ่นโบราณไปจนถึงแบบที่ได้รับการปรับปรุงให้เป็นแบบ modern แล้วครับ

8. ช้อปปิ้ง

หลังจากเที่ยวสถานที่อื่นๆ เสร็จแล้ว คุณอาจจะเลือกไปละลายเงินเยนที่ย่านการค้าในร่มขนาดใหญ่ของเมืองสามแห่ง อย่างคามิโดริ (Kamitori), ชิโมโทริ (Shimotori) และชินชิไก (Shinshigai) ซึ่งทั้งสามย่านจะมีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าอื่นๆ ให้คุณได้เลือกซื้อของฝากไปจนถึงของใช้อันหลากหลายกลับไทยได้ครับ

ข้อดีของการเดินเที่ยวในย่านเหล่านี้คือ เดินเที่ยวได้ยาวๆ แบบสบายๆ ไม่ต้องกลัวฝนหรือหิมะตก เพราะว่าทั้งสองย่านเชื่อมกัน และมีหลังคาคลุมเกือบตลอดเส้นทางเลยครับ

ตัวอย่างทริปคุมาโมโตะ

ผมได้จัดทำทริปตัวอย่างที่ครอบคลุมเมืองคุมาโมโตะไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้ได้วางแผนทริปได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ดีเรื่องวิธีการเดินทางนั้นอาจจะต้องตรวจสอบด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง เพราะข้อมูลตรงนี้เปลี่ยนแปลงได้ตลอดครับ


References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!