คุนหมิง (Kunming) เป็นเมืองเอกของมณฑลยูนนาน (หรืออวิ๋นหนานในภาษาจีนกลาง) และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการปกครองของมณฑลและพื้นที่โดยรอบ เช่นเดียวกับเป็นเมืองที่เริ่มต้นเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งในมณฑลแห่งนี้ ไม่ว่าจะคุณจะขึ้นเหนือไปต้าหลี่หรือลี่เจียง หรือแม้กระทั่งแชงกรีลา เช่นเดียวกับลงใต้ไปยังสิบสองปันนาครับ
สำหรับผมแล้ว คุนหมิงเป็นเมืองแห่งแรกที่ผมได้เหยียบแผ่นดินจีน ซึ่งผมมีความทรงจำดีๆ (และไม่ดี) กับเมืองแห่งนี้ครับ ซึ่งบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักเมืองคุนหมิงโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำที่เที่ยวอื่นๆ เป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองคุนหมิง (Kunming)
จากสภาพภูมิศาสตร์แล้วนั้น คุนหมิงตั้งอยู่บนที่ราบสูงอวิ๋นหนาน-กุ้ยโจว นั่นทำให้คุนหมิงสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,900 เมตร บริเวณตัวเมืองนั้นอุดมสมบูรณ์เหมาะต่อการเพาะปลูกเพราะมีแหล่งน้ำอย่างทะเลสาบหลายแห่ง ส่วนเรื่องตำแหน่งที่ตั้งนั้นจะอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของมณฑล ค่อนไปทางทิศตะวันออกเล็กน้อยครับ
ด้านสภาพภูมิอากาศนั้น คุนหมิงมีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี (บางช่วงร้อนไม่ต่างจากไทย) ทำให้ได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิ (Spring City) ของประเทศจีนได้เลยครับ
สำหรับในด้านประวัติศาสตร์นั้น พื้นที่บริเวณตัวเมืองมีมนุษย์อาศัยมาอย่างยาวนานแล้ว แต่ส่วนมากจะเป็นชาวเตียน (Tian) ที่เป็นชาวพื้นเมือง ซึ่งได้สถาปนาอาณาจักรของตนเอง และมั่งคั่งจากการค้าขายผ่านเส้นทางสายไหมฝั่งใต้
ทว่าในสมัยราชวงศ์ฮั่น ราชสำนักจีนได้ส่งกำลังมาปราบปรามพื้นที่แถบนี้เพื่อต้องการควบคุมเส้นทางการค้าขายฝั่งตะวันออกทั้งเส้น ด้วยเหตุนี้พื้นที่ตรงนี้ได้ตกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิจีน แต่จีนก็มิได้ปกครองโดยตรง แต่ให้ชาวเตียนปกครองกันเองสืบต่อมา
ตัวเมืองคุนหมิงได้มีการก่อตั้งจริงๆ ในช่วงศตวรรษที่ 8 โดยเป็นหนึ่งในเมืองของอาณาจักรน่านเจ้า และได้รุ่งโรจน์ขึ้นมาในฐานะศูนย์กลางการค้าขายของภูมิภาค ซึ่งยังคงมั่งคั่งสืบต่อมาจนถึงสมัยอาณาจักรต้าหลี่ และช่วงที่อยู่ในการปกครองของมองโกลครับ
ในช่วงศตวรรษที่ 14 ราชวงศ์หมิงได้ปราบปราบชาวมองโกลในอวิ๋นหนานแตกพ่าย และได้มีการย้ายศูนย์กลางการปกครองพื้นที่แถบนี้จากต้าหลี่ไปยังคุนหมิง ทำให้คุนหมิงรุ่งโรจน์มั่งคั่ง และมีสถานะเป็นเมืองเอกของภูมิภาคตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษต่อมา
อย่างไรก็ดีในสมัยราชวงศ์ชิง คุนหมิงได้ข้องเกี่ยวกับการกบฏหลายครั้ง โดยเฉพาะครั้งอู๋ซานกุ้ยและตู้เหวินซิ่ว ทำให้ตัวเมืองเสียหายไปอย่างมาก โดยเฉพาะปูชนียสถานและวัดวาอารามต่างๆ ครับ
ตัวเมืองคุนหมิงฟื้นฟูกลับมาในช่วงศตวรรษที่ 19-20 เนื่องด้วยการสร้างทางรถไฟเชื่อมกับเวียดนามของฝรั่งเศส เช่นเดียวกับการอพยพหนีภัยสงครามของชาวจีนที่อาศัยอยู่ในฝั่งตะวันออก (เซี่ยงไฮ้ นานกิง ซูโจว ฯลฯ) ส่งผลให้คุนหมิงเป็นเมืองที่ทันสมัย และมีโรงงานมากมาย และเป็นกำลังสำคัญในความพยายามในการต่อสู้ในสงครามของจีน
นอกจากนี้ในเมืองยังเป็นเมืองปลายทางของเส้นทางสายพม่า (Burma Road) ที่จีนรับความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามด้วย ทำให้ความสำคัญของคุนหมิงในช่วงเวลาแปดปีของสงครามนั้นถือว่าอยู่ในลำดับต้นๆ เลยครับ
หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับการสถาปนาขึ้น คุนหมิงเป็นเมืองอุตสาหกรรมหนัก แต่หลังจากที่จีนเปิดประเทศ คุนหมิงเริ่มมีสถานะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ซึ่งได้สืบต่อมาจนถึงปัจจุบันครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองคุนหมิงทำอย่างไร?
ปัจจุบันมีสายการบินมากมายทั้ง Full Service และ Low Cost ที่เดินทางไปยังเมืองคุนหมิงจากกรุงเทพ (หรือแม้กระทั่งเมืองรองอย่างเชียงใหม่) ซึ่งจะใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงเศษก็ถึงแล้วครับ
ไปเที่ยวเมืองคุนหมิงช่วงไหนดี?
คุนหมิงเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ผมแนะนำให้ไปช่วงฤดูหนาวเพื่อที่อากาศจะได้เย็นสบาย และหลีกเลี่ยงฤดูฝนช่วงกลางปี (พฤษภาคมถึงตุลาคม) เพราะว่ามีฝนตก และร้อนอบอ้าวไม่ต่างอะไรกับประเทศไทย อีกช่วงที่ไม่ควรไปเด็ดขาดคือช่วงวันหยุดยาวของจีน ไม่ว่าจะเป็นช่วงตรุษจีน ช่วงวันแรงงาน (ต้นเดือนพฤษภาคม) และวันชาติ (ต้นเดือนตุลาคม) ครับ
1. ป่าหิน
ป่าหิน (Stone Forest) หรือสือหลินเป็นสวนหินที่มีขนาดใหญ่ถึง 400 ตารางกิโลเมตร และรับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกอีกด้วย ทั้งนี้หินในสวนหินนั้นล้วนแต่เป็นหินปูนที่มีรูปทรงแปลกประหลาดเหมือนกับพืช สัตว์ หรือแม้กระทั่งผู้คนทั่วไป
แม้ว่าจะดูเผินๆ แล้วจะเหมือนกับสร้างขึ้นโดยมนุษย์ แต่จริงๆ แล้วหินทุกก้อนในป่าหินล้วนแต่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง โดยจากการศึกษาพบว่าในอดีตพื้นที่บริเวณนี้น่าจะเป็นทะเลในช่วง 270 ล้านปีก่อน แต่หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ทำให้น้ำค่อยๆ ลดลง และได้กัดเซาะหินก้อนต่างๆ ให้มีรูปทรงอย่างที่ปรากฏในปัจจุบัน
จริงอยู่ว่าป่าหินจะมีพื้นที่ใหญ่มาก แต่จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวกันจะมีแค่ส่วนเดียวเท่านั้น นั่นคือส่วนที่เรียกว่าต้าเสี่ยวชือหลิน (Daxiaoshilin) ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ และรูปสวยๆ ส่วนมากก็จะมาจากที่นี่ครับ
ทว่าถ้าคุณมีเวลา คุณสามารถไปชมส่วนอื่นอย่างเช่นไหน่กูซือหลิน (Naigushilin) หรือทะเลสาบฉางหู (Changhu) ที่เงียบกว่า และมีหินแท่งใหญ่รูปทรงแปลกตาให้ชมได้ไม่ต่างกันครับ
ระหว่างที่ท่องเที่ยวในป่าหินนั้น คุณจะเห็นชนเผ่าพื้นเมืองอาศัยอยู่ด้วย และแต่งกายในชุดพื้นเมืองที่สวยงาม พวกเขาคือชนเผ่าซาหนี สายหนึ่งของชาวอี๋ ซึ่งดำรงชีวิตอยู่ในพื้นที่แถบนี้มาตั้งแต่โบราณครับ
ป่าหินนั้นตั้งอยู่นอกเมืองคุนหมิง และอยู่ห่างไปถึง 80 กิโลเมตร ทั้งนี้คุณสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงจากสถานี Kunming South ไปลงที่สถานี Shilin West เพื่อต่อรถบัสเข้าป่าหินครับ เวลาเดินทางที่ใช้ทั้งหมดโดยประมาณจะอยู่ที่ 1 ชั่วโมง
อีกทางเลือกหนึ่งที่ช้ากว่าคือนั่งรถบัสไปจากสถานีรถบัส Kunming East โดยตรง ซึ่งจะช้ากว่า แต่ราคาถูกกว่าการใช้รถไฟความเร็วสูง และไม่ต้องเปลี่ยนพาหนะครับ คุณสามารถนอนยาวไปป่าหินได้เลย
ค่าเข้าชม: 130 หยวน
ในตอนที่ผมเดินทางไปเที่ยวป่าหินนั้น นักท่องเที่ยวมีจำนวนมหาศาล (เยอะแบบพี่จีน น่าจะเข้าใจว่ามากเพียงใด 55) เพราะฉะนั้นผมแนะนำให้เดินทางไปชมให้เช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ
2. วัดหยวนทง
วัดหยวนทง (Yuantong Temple) เป็นวัดพุทธที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในคุนหมิง โดยวัดนี้มีอายุกว่า 1,200 ปี และสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยน่านเจ้า แม้ว่าอาคารของเดิมจะหลงเหลือไม่ถึงปัจจุบัน เพราะเผชิญกับการทำลายหลายต่อหลายครั้ง แต่ตัววัดที่สร้างใหม่ (เงินทุนส่วนหนึ่งได้จากการบริจาคจากประเทศไทย) ก็สวยงาม และสมบูรณ์ ควรค่าต่อการเข้าชมครับ
จุดเด่นของที่นี่คือหอพระที่มีน้ำล้อมรอบ ซึ่งพบเห็นได้ไม่บ่อยนักในประเทศจีน บรรยากาศในวัดจึงดูผ่อนคลายสบายๆ ครับ นอกจากนี้ในวัดยังมีหออื่นๆ ที่สวยงาม อาทิเช่นหอแปดเปลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งคุณสามารถสักการะองค์พระพุทธรูปได้ครับ
สำหรับการเดินทางนั้น คุณสามารถนั่งรถบัสหมายเลข 4 และ 59 ไปถึงตัววัดได้โดยตรง แต่ถ้าต้องการความสะดวก แท็กซี่ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ
3. ภูเขาซีซาน
ภูเขาซีซาน (Xishan) หรือแปลตรงตัวว่าภูเขาตะวันตกเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเตียนฉือ ชาวพื้นเมืองว่าภูเขาแห่งนี้รูปร่างเหมือนกับหญิงสาวที่กำลังนอนหลับอยู่ริมทะเลสาบครับ
ด้านในภูเขามีวัดพุทธเก่าแก่อยู่หลายแห่ง แต่ที่เป็นไฮไลท์คือวัดหัวถิง (Huating Temple) วัดเก่าแก่ที่เป็นหนึ่งในวัดที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน ตัววัดมีองค์พระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่สามองค์ตามคติมหายาน และรูปปั้นพระอรหันต์เรียงรายกันไปครับ
อีกหนึ่งไฮไลท์คือประตูมังกรหรือหลงเหมิน (Dragon Gate) ประตูนี้เป็นประตูแบบจีนโบราณที่ตั้งอยู่ริมผา และสามารถมองลงมาเห็นทะเลสาบเตียนฉือและเมืองคุนหมิงอยู่เบื้องล่าง มีตำนานเก่าแก่ว่าถ้าคุณได้เดินลอดประตูแห่งนี้ คุณจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานครับ
ประตูมังกรนั้นมีชื่อเสียงมากถึงขนาดที่มีคำกล่าวว่า ถ้าไม่ได้ไปภูเขาซีซานก็เหมือนกับว่าไปไม่ถึงเมืองคุนหมิง และถ้าไม่ได้ไปประตูมังกรก็ไปไม่ถึงภูเขาซีซานครับ
คุณสามารถนั่ง metro ไปเขาซีซานจากตัวเมืองคุนหมิงได้ (ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร) แต่คุณจะต้องเดินไปยังภูเขาอีกประมาณกิโลเศษๆ ครับ
4. หมู่บ้านเชื้อชาติอวิ๋นหนาน
หมู่บ้านเชื้อชาติอวิ๋นหนาน (Yunnan Ethnic Village) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาซีซาน โดยคุณสามารถนั่งกระเช้าลงจากภูเขา และเดินไปอีกประมาณเกือบ 1 กิโลเมตรก็จะถึงหมู่บ้านครับ
ที่นี่จะเป็นหมู่บ้านของชนเผ่าในอวิ๋นหนานถึง 26 ชนเผ่าด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถเดินชมแต่ละแห่ง และศึกษาวิถีชีวิตของพวกเขาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมหรือวัฒนธรรม ด้านบนมีรูปปั้นและสิ่งก่อสร้างที่สวยงามให้ชม อย่างหมู่บ้านชาวไป๋จะมีเจดีย์แบบเดียวกับที่ต้าหลี่ แต่ลดขนาดลงมา 1 ใน 4 เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านั้นคุณยังสามารถชิมอาหารและเครื่องดื่มท้องถิ่นที่หาชิมได้ยาก เช่นเดียวกับชมการแสดงพื้นเมือง หรือเทศกาลพื้นบ้าน ยกตัวอย่างเช่นหมู่บ้านชาวไตจะมีการจัดงานสงกรานต์ในช่วงเดียวกับคนไทยด้วยครับ
ค่าเข้าชม: 90 หยวนในช่วงกลางวัน 50 หยวนในช่วงค่ำ
5. สวนชุ่ยหู
สวนชุ่ยหู (Cuihu) เป็นสวนสวยที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคุนหมิง และได้รับสมญาว่าเป็นแผ่นหยกของเมือง ตัวสวนสวยงามตลอดทั้งปี แต่ไฮไลท์อยู่ที่ในช่วงฤดูหนาว เหล่านกนางนวลนับหมื่นจะอพยพมาจากตอนเหนือของจีนและไซบีเรียเพื่อหนีความหนาว ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ดูนกที่ดีที่สุดในเมืองครับ
ด้านในมีศาลาแบบจีนที่สร้างขึ้นเพื่อชมทะเลสาบอยู่ด้วย ซึ่งคุณสามารถไปนั่งเล่นหรือให้อาหารปลาได้ครับ
6. สวนคุนหมิงผู้ปู้
สวนคุนหมิงผู้ปู้ (Kunming Waterfall Park) เป็นสวนสาธารณะที่มีน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ด้านใน โดยมีขนาดกว้างถึง 400 เมตร และสูงถึง 13 เมตร ทำให้จัดว่าเป็นน้ำตกในสวนที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของทวีปเอเชีย เลยครับ
น้ำตกนี้เกิดขึ้นโดยผลงานของมนุษย์ เพราะจากการเปลี่ยนเส้นทางของแม่น้ำหนิวหลานให้ไปลงสู่ทะเลสาบเตียนฉือ ปัจจุบันที่นี่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยว และชาวเมืองคุนหมิงเองครับ
7. สักการะวัดวาอาราม
คุนหมิงเป็นเมืองที่มีวัดจำนวนมาก โดยวัดของที่นี่จะมีทั้งวัดพุทธและเต๋า แห่งที่ควรค่าต่อการไปเยือนได้แก่
วัดจินเตี้ยน (Golden Temple) – วัดนี้เป็นวัดที่สร้างขึ้นด้วยทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในจีน ซึ่งแทบทุกส่วนของวัดจะเป็นโลหะชนิดนี้แทบทั้งหมด ยกเว้นแค่ขั้นและราวบันไดเท่านั้นที่ทำจากหินอ่อน แต่ที่ได้ชื่อว่าวัดทองคำเพราะเวลาแสงตกกระทบที่ทองแดงแล้วดูมีประกายเหมือนกับทองคำครับ ตัววัดนี้เป็นของศาสนาเต๋าครับ
วัดต้นไผ่ (Qiongzhu Temple) – วัดที่สร้างขึ้นอยู่ใกล้่กับผืนป่าไผ่ ด้านในมีหุ่นรูปคนขนาดเท่าคนจริงที่ทำมาจากดินจำนวนมาก ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่าเป็นขุมทรัพย์ของการสร้างรูปปั้นของโลกตะวันออกครับ
8. เดินเล่นตามย่านต่างๆ
- ถนนหนานผิง (Nanping Street) – ย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองคุนหมิงมีทั้งร้านอาหารและร้านค้า ตลอดจนห้างหลักมากมาย ซึ่งไม่ต่างกับย่านแบบเดียวกันในเมืองใหญ่อื่นๆ ครับ
- คุนหมิงเหล่าเจีย (Kunming Old Street) – ย่านเก่าแก่ที่มีบ้านโบราณอายุหลายศตวรรษ โดยส่วนมากมีที่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงหรือสาธารณรัฐจีน แต่บางหลังนั้นมีอายุมากถึง 900 ปีเลยทีเดียว ใกล้กับย่านนี้มีตลาดหนานเฉียง (Nanqiang) ตลาดกลางคืนที่ขายอาหารพื้นเมืองที่น่าลิ้มลองครับ เช่นเดียวกับร้านขายสินค้าพื้นเมืองที่คุณสามารถซื้อติดมือไปเป็นของฝากได้อีกด้วย
- จัตุรัสจินหม่าปี้จี (Jinma Biji Square) – ย่านที่อุดมไปด้วยร้านอาหารพื้นเมืองมากมาย เช่นเดียวกับขายสินค้าพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับหรือเครื่องแต่งกายครับ ห่างออกไปไม่ไกลนักยังมีตลาดขายดอกไม้และตลาดขายนกอีกด้วย
9. ชิมอาหารพื้นเมือง
คุนหมิงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่คุณจะได้ลองชิมอาหารพื้นเมืองของมณฑลยูนนาน แม้ว่าจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับอาหารเสฉวนหรือกวางตุ้ง แต่ก็มีรสชาติยอดเยี่ยมควรค่าต่อการลองอย่างยื่งครับ
เมนูอันดับ 1 ของคุนหมิงนั้นคงจะหลีกหนีไม่พ้นบะหมี่เต้าหู้หรือโต้วฮวาหมี่เซี่ยน โดยบะหมี่จะนำไปลวกจนสุกแล้วนำมากินกับเครื่องเคียงอาทิเช่นซอสเนื้อ ผักดอง แต่ที่ไฮไลท์คือจะมีการใส่เต้าหู้ที่มีรสหวานอ่อนๆ ไปกินคู่กันด้วยครับ
ส่วนอีกเมนูที่ได้รับความนิยมคือมันบดคุณย่าหรือ เหลาไหน่หยางยี่ว์ เพราะทานง่ายมากถึงขนาดที่ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการเคี้ยวและกลืนยังทานและสัมผัสรสชาติความอร่อยได้อย่างสบาย แต่ถ้าอยากได้โปรตีน แน่นอนว่าเมนูชื่อดังคือไก่อบในหม้อหรือ ชี่กัวจีครับ
References
- China Kunming Official Travel Site