หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น6 ที่เที่ยวคุรุเมะ (Kurume) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

6 ที่เที่ยวคุรุเมะ (Kurume) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

คุรุเมะ (Kurume) เป็นเมืองขนาดกลางในจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งห่างจากเมืองฟุกุโอกะอันเป็นเมืองหลวงของจังหวัดประมาณ 30 กิโลเมตร แม้ว่าจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายนัก แต่คุรุเมะก็เป็นเมืองอันเงียบสงบที่มีวัดและศาลเจ้าหลายแห่งที่น่าไปเยี่ยมเยือน เช่นเดียวกับสวนผลไม้หลายแห่งที่ให้คุณไปเก็บและทานได้ในเวลาจำกัดครับ

บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองคุรุเมะอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เป็นลำดับต่อไปครับ

รู้จักคุรุเมะ (Kurume)

สภาพภูมิศาสตร์ของคุรุเมะเป็นพื้นที่ราบที่มีฝั่งหนึ่งเป็นแนวภูเขา ตัวเมืองมีแม่น้ำชิคุโกไหลผ่านทำให้พื้นที่โดยรอบอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่บริเวณนี้จะมีสวนผลไม้หลากหลายแห่งครับ

ต้นกำเนิดของคุรุเมะนั้นย้อนไปได้ถึงสมัยศตวรรษที่ 8 โดยมีสถานะเป็นเมืองหลวงของจังหวัดโบราณชื่อว่าชิคุโก ด้วยความที่เป็นพื้นที่ห่างไกลทำให้มีบทบาทในประวัติศาสตร์ค่อนข้างน้อย

เมืองคุรุเมะ

ในสมัยเอโดะ คุรุเมะได้กลายเป็นเมืองปราสาทที่ปกครองโดยไดเมียวตระกูลอาริมะ ซึ่งได้เปลี่ยนที่นี่เป็นเมืองที่มั่งคั่ง โดยมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลช่วยให้การชลประทานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และน้ำท่วมน้อยลงครับ

อย่างไรก็ดีในสมัยศตวรรษที่ 19 คุรุเมะเป็นหนึ่งในศูนย์กลางความวุ่นวายทางการเมือง เพราะมีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนให้คืนอำนาจกับองค์จักรพรรดิ และกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลโชกุนอย่างรุนแรง ในช่วงนี้ตัวเมืองจึงมีการจับกุมกลุ่มต่างๆ อย่างเข้มงวดครับ

คุรุเมะได้เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดฟุกุโอกะเมื่อรัฐบาลเมจิได้จัดระเบียบการปกครองส่วนท้องถิ่นใหม่ ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมฝ่ายพันธมิตร และได้จับกุมเชลยศึกเยอรมันและออสเตรีย-ฮังการีมาคุมขังไว้ที่นี่ ค่ายที่คุรุเมะจึงเป็นค่ายเชลยศึกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ณ เวลานั้น ซึ่งเชลยศึกได้รับการปฏิบัติอย่างดี และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเมืองคุรุเมะ เช่นเดียวกับให้กำเนิดบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง Bridgestone ครับ

ทว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองคุรุเมะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิด เพราะเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ผลิตยางและผลิตภัณฑ์ทางเคมี หลังจากสงคราม เมืองคุรุเมะได้ถูกสร้างขึ้น้มาใหม่ และยังคงเป็นเมืองอุตสาหกรรมมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปคุรุเมะทำอย่างไร?

วิธีการที่ง่ายที่สุดคือนั่ง Kyushu Shinkansen จากสถานี Hakata ในเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งจะพาคุณไปถึงเมืองคุรุเมะภายในเวลาไม่นานครับ

1. Daihonzan Naritasan Kurume Temple

Daihonzan Naritasan Kurume Temple เป็นวัดพระโพธิสัตว์กวนอิม (ญี่ปุ่นเรียกว่าคันนง) ที่มีองค์พระสีขาวสูงถึง 62 เมตร โดยเป็นปางอุ้มเด็กทารก และแสดงถึงความเมตตาที่มีต่อมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งปวง ทั้งนี้องค์พระได้สร้างขึ้นด้วยทุนทรัพย์กว่าสองพันล้านเยนเลยครับ

ทั้งนี้คุณสามารถขึ้นไปบนองค์พระได้ด้วย ซึ่งคุณจะเห็นเมืองคุรุเมะและส่วนต่างๆ ในจังหวัดฟุกุโอกะได้อย่างชัดเจนเลยครับ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์นรกสวรรค์ที่เนรมิตดินแดนสุคติภูมิและอบายภูมิตามความเชื่อของชาวพุทธญี่ปุ่นครับ

อีกหนึ่งจุดที่ตั้งอยู่ใกล้กันคือหอคอยสูง 38 เมตรที่สร้างขึ้นแบบเดียวกับเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบเอเชียใต้ครับ ซึ่งในแบบญี่ปุ่นจะมีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นครับ

2. ซากปราสาทคุรุเมะ

ปราสาทคุรุเมะ (Kurume Castle Ruins) เป็นสวนสาธารณะอันเคยเป็นที่ตั้งของปราสาทคุรุเมะอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่พำนักของไดเมียวตระกูลอาริมะที่ปกครองที่นี่มายาวนานสองร้อยกว่าปี น่าเสียดายที่ปราสาทหลังเดิมถูกรื้อถอนไปในสมัยเมจิตามคำสั่งของรัฐบาลญี่ปุ่น เหลือแต่เพียงตัวฐานและอาคารบางหลังเท่านั้นครับ

อย่างไรก็ดีที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและชมซากุระอันดับต้นๆ ของเมืองครับ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุด้วยเช่นกัน

ห่างจากตัวปราสาทออกไปไม่ไกลนักจะมีวัดชื่อไบรินจิ (Bairinji Temple) ตั้งอยู่ วัดนี้เป็นจุดชมดอกพลัม (หรือบ๊วย) อันดับต้นๆ ของเมืองครับ

3. ศาลเจ้าโคระไทฉะ

ศาลเจ้าโคระไทฉะ (Kora Taisha Shrine) เป็นศาลเจ้าหลักของจังหวัดชิคุโก จังหวัดโบราณอันเป็นที่ตั้งของเมืองคุรุเมะ ตัวศาลเจ้าตั้งอยู่บนภูเขาสูง 312 เมตร โดยสร้างขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ.400 และเป็นที่สักการะสูงสุดของชาวเมืองมาทุกยุคทุกสมัย การจะเดินขึ้นไปต้องเดินขึ้นบันไดไป 131 ขั้นครับ

จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้คือจะมีโคมไฟสีขาวเรียงรายกันไปตามทางเข้า ซึ่งในช่วงเดือนสิงหาคมจะมีการเปิดไฟตั้งแต่ 1 ทุ่มจนถึง 4 ทุ่ม ทำให้บรรยากาศโดยรอบสวยมาก ควรค่าต่อการไปเยือนและถ่ายรูปครับ

4. เก็บผลไม้

ใกล้กับเมืองคุรุเมะนั้นมีสวนผลไม้จำนวนไม่น้อย และมีให้ไปเก็บและทานได้หลากหลายชนิด ตั้งแต่ลูกแพร์ องุ่น ลูกฟิก มะม่วง ลูกพลับ ส้ม หรือแม้กระทั่งบลูเบอรี่และสตรอเบอรี่ ทั้งนี้คุณสามารถตรวจสอบได้ที่นี่ครับว่าช่วงไหนมีผลอะไรให้เก็บบ้าง

ตอนช่วงเดือนธันวาคม ผมเองก็ได้ไปเก็บสตรอเบอรี่ที่ฟาร์ม Uluu Farm ซึ่งเป็นสตรอเบอรี่ที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ แถมค่าเก็บก็แค่ 1,900 เยนต่อ 40 นาทีเท่านั้นเองครับ เท่าที่จำได้น่าจะเก็บทานไป 40+ ลูกเลยครับ

5. ชมดอก Azalea

ดอก Azalea เป็นดอกไม้ประจำเมืองคุรุเมะ โดยตัวดอกจะบานสะพรั่งในช่วงต้นเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งในช่วงนี้เหล่าชาวเมืองก็จะไปชมดอกไม้ตามสวนสาธารณะต่างๆ อาทิเช่น Kurume Forest Azalea Park ครับ

อย่างที่สวน Kurume Forest Azalea Park นั้นจะมีต้น Azalea มากกว่า 61,000 ต้นจาก 100 สายพันธุ์ ซึ่งจะมีให้ชมอย่างงดงามยิ่งครับ

6. ทานอาหารพื้นเมือง

คุรุเมะเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมอาหารที่แข็งแกร่งไม่แพ้เมืองใดในญี่ปุ่น เริ่มต้นด้วย Kurume Ramen ราเมงซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ Tonkotsu Ramen แสนอร่อยแห่งคิวชู ถ้าคุณหลงรักราเมงชนิดนี้ คุณห้ามพลาดลองชิมทุกประการครับ แต่ถ้าคุณชอบอุด้ง เมนูอย่าง Chikugo Udon จะตอบโจทย์คุณมากกว่าครับ

ถ้าเป็นเมนูเนื้อสัตว์ ซี่โครงหมูย่างซอสทาเระของร้าน Hidashida นั้นเลื่องลือในระดับตำนาน เช่นเดียวกับ Kurume Gyoza ที่รับรองได้ว่าไม่แพ้ร้านที่อุสึโนะมิยะ หรือว่า Kurume Yakitori ที่ทำให้ที่นี่ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน 7 เมืองที่มีไก่ย่างยากิโทริที่ดีที่สุดในประเทศครับ

ส่วนเมนูราคาแพงนั้นคงไม่มีเมนูใดน่าลองไปกว่าปลาไหลน้ำจืด (อุนางิ) ย่าง เพราะแม่น้ำชิคุโกนั้นให้ปลาไหลคุณภาพเลิศมากมาย บางร้านที่นี่เปิดมายาวนานกว่า 200 ปีแล้วครับ

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!