ลี่เจียง (Lijiang) เป็นเมืองสวยที่ตั้งอยู่ในอ้อมกอดของภูเขาหิมะมังกรหยก โดยตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน (หรืออวิ๋นหนานในภาษาจีนกลาง) ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน นอกจากทัศนียภาพที่สวยงามแล้ว ตัวเมืองมีความโดดเด่นทั้งทางด้านศิลปวัฒนธรรมเพราะเป็นเมืองเก่าของชนเผ่าน่าซีมาตั้งแต่โบราณครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมมีความผูกพันกับเมืองลี่เจียงไม่น้อย เพราะว่าเป็นสถานที่แห่งแรกที่ผมเคยเห็นหิมะเป็นครั้งแรกในวัยเด็ก ทุกวันนี้ลี่เจียงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากถ้าเปรียบกับครั้งแรกที่ผมเดินทางไป แต่ยังคงสวยงามเช่นเดิมทั้งทางด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติครับ
ในบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองลี่เจียงอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองบริการต่างๆ ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ
รู้จักลี่เจียง (Lijiang)
สภาพภูมิศาสตร์ของเมืองลี่เจียงตั้งอยู่บนที่ราบสูงอวื๋นหนาน-กุ้ยโจว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบสูงทิเบต-ชิงไห่ เพราะฉะนั้นพิ้นที่รอบเมืองลี่เจียงจึงเป็นที่สูงที่โอบล้อมด้วยแนวภูเขาเหิงต้วน (Hengduan Mountains) ที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนานครับ
ลักษณะเด่นของเมืองลี่เจียงคือ อากาศจะเย็นสบายตลอดปี โดยจะไม่มีช่วงเดือนไหนที่ร้อนจนเกินไป หรือว่าเย็นจนเกินไป ทำให้มีคำเปรียบเปรยว่าลี่เจียงเป็นเมืองที่มีเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น นี่จึงเป็นเสน่ห์ของลี่เจียงซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากครับ
พื้นที่บริเวณตัวเมืองนั้นมีมนุษย์อาศัยอยู่ตั้งแต่อย่างน้อยหนึ่งแสนปีก่อน เพราะได้มีการค้นพบภาพวาดเขียนสีในถ้ำริมแม่น้ำจินซาเจียง (ต้นสายของแม่น้ำแยงซี) จำนวนไม่น้อย ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นกิจกรรมของมนุษย์ยุคบรรพกาล นอกจากนี้ในเวลาต่อมายังค้นพบเครื่องมือที่ทำจากสำริดและเหล็ก อันแสดงถึงความเจริญก้าวหน้าของอารยธรรมอีกด้วย
ชาวพื้นเมืองของลี่เจียงนั้นคือชาวน่าซี (Naxi) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า นาคี (Nakhi) พวกเขาได้สร้างลี่เจียงเป็นเมืองที่มั่งคั่งทางด้านเศรษฐกิจและการค้าในช่วงศตวรรษที่ 7 ซึ่งได้พัฒนาเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของเส้นทางสายไหมฝั่งใต้ (เส้นทางม้าและชา หรือ Ancient Tea Horse Road) ในเวลาต่อมา
ในช่วงศตวรรษที่ 13 ลี่เจียงได้ยอมจำนนต่อกองทัพมองโกลของกุบไลข่านที่ยกมาตีอาณาจักรต้าหลี่ และได้เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์หยวนที่รวมแผ่นดินจีนได้เป็นหนึ่ง ในช่วงนี้ราชสำนักหยวนได้อนุญาตให้ชาวน่าซีปกครองตนเองได้ ทำให้ลี่เจียงสงบสุขในระดับหนึ่ง
หลังจากนั้นลี่เจียงมีลักษณะเป็นเมืองประเทศราชของราชวงศ์จีนมาโดยตลอด จนกระทั่งในปี ค.ศ.1723 หย่งเจิ้งฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิงได้โปรดให้ล้มเลิกสถานะดังกล่าว และเปลี่ยนลี่เจียงเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ชิง โดยมีขุนนางฮั่นที่ฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นผู้ปกครอง ลี่เจียงจึงมีสถานะเหลือเพียงจังหวัดหนึ่งของจีนเท่านั้นและดำเนินมาจนถึงปัจจุบันครับ
ทุกวันนี้ลี่เจียงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของมณฑลยูนนาน ประชาชนส่วนใหญ่ในลี่เจียงนั้นคงเป็นชาวน่าซีและชนเผ่าอื่นๆ (ประมาณ 56%) และอาศัยอยู่ร่วมกับชาวฮั่น (44%) อย่างสงบสุขครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปลี่เจียง (Lijiang) ทำอย่างไร?
วิธีการเดินทางไปลี่เจียงจากประเทศไทยที่ง่ายดายที่สุด คือบินไปลงที่ลี่เจียง แต่เที่ยวบินส่วนใหญ่จะไม่ใช่แบบบินตรง ทว่าจะไปแวะที่คุนหมิงหรือเซินเจิ้นก่อน วิธีนี้ผมจึงไม่แนะนำครับ เพราะราคาตั๋วไปลี่เจียงโดยเฉลี่ยแล้วจะค่อนข้างสูง แถมยังไม่ค่อยเหมาะถ้าคุณอยากจะใส่เมืองอื่นๆ เข้าไปในทริปด้วย
ผมจึงแนะนำว่าให้คุณบินตรงไปลงที่คุนหมิง (มีสายการบินให้บริการมากกว่า ซึ่งรวมไปถึงแอร์เอเชียและสายการบินไทยด้วย) หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟความเร็วสูงไปที่ลี่เจียงครับ ตั๋วรถไฟความเร็วสูงจีนนั้นสามารถจองได้อย่างสะดวกสบายผ่าน Trip.com ครับ
ไปเที่ยวลี่เจียงช่วงไหนดี?
ลี่เจียงนั้นเที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดูเลยครับ แต่ช่วงที่ได้รับความนิยมคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะอากาศไม่เย็นเกินไป ฟ้าใส แถมดอกไม้ป่าก็เริ่มเบ่งบานด้วย ส่วนอีกช่วงหนึ่งคือฤดูหนาว เนื่องจากเป็นช่วงที่ภูเขาหิมะมังกรหยกสวยที่สุด หิมะมากที่สุดครับ
อย่างไรก็ดีช่วงที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งคือ ช่วงที่เป็นวันหยุดยาวของจีน ไม่ว่าจะเป็นช่วงวันแรงงาน (1-7 พฤษภาคม) หรือช่วงวันชาติ (1-7 ตุลาคม) เพราะนักท่องเที่ยวจีนจะมหาศาลเลยครับ
อาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness)
ลี่เจียงนั้นตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,400 เมตร ซึ่งเริ่มเข้าเขตพื้นที่สูงที่ออกซิเจนจะเริ่มเบาบาง แต่สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอย่างภูเขาหิมะมังกรหยกนั้นจะตั้งอยู่สูงกว่านั้นพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณขึ้นกระเช้าไปยังจุดชมวิวครับ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมีอาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness)
จากประสบการณ์ของผมเอง ผมก็โดนอาการนี้เล่นงานไปหนักพอสมควร ทั้งปวดหัว กินอะไรไม่ลง จนหมดอารมณ์เที่ยวไปไม่น้อยเลยครับ
ผมจึงเห็นด้วยกับทาง Official Guide ว่าวันแรกที่คุณเดินทางไปถึงลี่เจียงนั้น คุณควรพักร่างกายให้ชินกับพื้นที่สูงก่อน คุณอาจจะไปเดินเที่ยวเมืองเก่า และหาอะไรอร่อยๆ รับประทาน แล้ววันที่สองค่อยไปเที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยกครับ
เนื่องด้วยสถานที่ท่องเที่ยวในลี่เจียงนั้นอยู่ห่างกัน การเดินทางไปเองนั้นอาจจะทำให้คุณเสียเวลาไปมาก ส่งผลให้ได้เที่ยวน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้นการจองทัวร์กลุ่มเล็กแบบ 1 วัน จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยครับ
1. ภูเขาหิมะมังกรหยก
ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) หรือชื่อในภาษาจีนกลางว่ายี่ว์หลงเซวียซาน (Yulong xueshan) เป็นไฮไลท์ของการท่องเที่ยวลี่เจียง ด้วยความสูงของยอดสูงสุดถึง 5,596 เมตร ภูเขาแห่งนี้จึงมีหิมะปกคลุมตลอดปี และเป็นภูเขาหิมะที่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดแห่งหนึ่งครับ
ชาวน่าซีนั้นถือว่าภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีผู้พิชิตเพียงครั้งเดียวเท่านั้น (บ้างว่ายังขึ้นไม่ถึงจุดสูงสุดด้วย) สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าเกิดหิมะถล่มบ่อยครั้ง และไม่มีจุดให้พักหลบอากาศที่ย่ำแย่เลยครับ
ปัจจุบันกระเช้าที่ขึ้นไปชมวิวภูเขาหิมะมังกรหยกนั้นมีด้วยกันสามแห่งด้วยกัน แต่ละแห่งมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันไปดังต่อไปนี้
1. Big Cable Way/Glacier Cable Way – กระเช้านี้จะพาคุณขึ้นไปจุดชมวิวที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 4,506 เมตร (จุดที่สูงที่สุดคือ 4,680 เมตร) ซึ่งสูงที่สุดในบรรดากระเช้าทั้งสาม โดยคุณจะได้เห็นธารน้ำแข็ง Baishui Glacier 1 ที่ยาวถึง 2.7 กิโลเมตร และมีอายุ 40,000 ปีด้านบนด้วย บริเวณนี้จุดชมวิวเต็มไปด้วยหิมะ และแน่นอนว่าอากาศเย็น เครื่องแต่งกายจะต้องพร้อมครับ
ด้วยวิวที่สวยอลังการแบบพาโนรามา กระเช้านี้จึงได้รับความนิยมสูงที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวครับ แต่แน่นอนว่าโอกาสที่จะเจออาการแพ้ความสูงนั้นมากที่สุดด้วย ส่วนค่าขึ้นกระเช้านั้นแพงที่สุดครับ (130 หยวน)
2. Middle Cable Way/Maoniuping Cable Way – กระเช้าระดับกลางที่พาคุณขึ้นไปยังจุดชมวิวฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของภูเขาหิมะมังกรหยก โดยความสูงจะอยู่ที่เกือบ 4,000 เมตร ไฮไลท์ของจุดนี้คือจะเห็นทุ่งหญ้าบนที่ราบสูง เช่นเดียวกับผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ และคุณจะได้เห็นยอดทั้ง 13 ของภูเขาหิมะมังกรหยกเรียงรายกันไป เช่นเดียวกับวัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองด้วยครับ
ในบรรดากระเช้าทั้งสามนั้น กระเช้าแห่งนี้อยู่ไกลจากลี่เจียงมากที่สุด (48 กิโลเมตร) ทำให้มีนักท่องเที่ยวน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าคุณชอบแบบเงียบๆ สงบๆ ที่นี่ถือว่าน่าสนใจครับ ส่วนค่าขึ้นกระเช้าอยู่ที่ 45 หยวนเท่านั้น
3. Small Cable Way/Yunshanping Cable Way – กระเช้าที่พาคุณขึ้นไปจุดชมวิวที่ไม่สูงมากนัก (3,240 เมตร) เพราะฉะนั้นโอกาสมีอาการแพ้ความสูงจะต่ำกว่า วิวภูเขาหิมะมังกรหยกที่เห็นจะไม่ได้ใกล้เหมือนกับอีกสองกระเช้า แต่ก็สวยงามครับ บริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่โบราณที่อุดมสมบูรณ์ และคุณจะได้เห็นบ้านเรือนของชาวน่าซีอยู่ไม่น้อยครับ
สถานีกระเช้าอยู่ห่างจากลี่เจียงประมาณ 37 กิโลเมตรครับ ทำให้เป็นกระเช้าที่ใกล้ลี่เจียงมากที่สุด และราคาถูกที่สุดด้วย เพราะค่าขึ้นแค่ 40 หยวนครับ
ทั้งนี้ด้วยความที่กระเช้าทั้งสามอยู่ไม่ไกลจากนักมากนัก คุณสามารถเก็บทั้งหมดในทริปเดียวได้ ส่วนการเดินทางนั้น คุณจะต้องนั่งรถบัส (จาก Hongtaiyang Square) หรือแท็กซี่ครับ
อาการแพ้ความสูงนั้นเป็นสิ่งที่อันตราย เพราะฉะนั้นก่อนขึ้นกระเช้า โปรดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นออกซิเจนกระป๋อง ยาบรรเทาอาการแพ้ความสูง ฯลฯ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนขึ้นไปใหม่ๆ นั้นโปรดเดินช้าๆ และห้ามวิ่งเด็ดขาด และรีบลงจากที่สูงให้เร็วที่สุดถ้ามีอาการหนักครับ
2. หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน
หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน (Blue Moon Valley) เป็นหุบเขารูปพระจันทร์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับกระเช้า Yunshanping Cable Way ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มักจะไปเยือนคู่กันครับ ทั้งนี้ชื่อของหุบเขาได้มาจากนวนิยายเรื่อง Lost Horizon ของนักเขียนชาวอังกฤษครับ
ตัวหุบเขามีทะเลสาบสีน้ำเงินอยู่ถึง 4 แห่งซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะจากธารน้ำแข็ง นอกจากนี้ยังมีน้ำตกน้ำใสที่ได้รับน้ำมาจากแม่น้ำขาวที่สีของน้ำขาวเหมือนกับน้ำนม แต่ที่พีคที่สุดคือภูเขาหิมะมังกรหยกที่เป็นฉากหลังอันสุดจะยิ่งใหญ่ครับ ความสวยงามของที่นี่ทำให้ได้รับสมญาว่าเป็นจิ่วจ้ายโกวแห่งลี่เจียงครับ
3. Impressions of Lijiang
Impressions of Lijiang หรือ Amazing Lijiang เป็นการแสดงโชว์กลางแจ้งที่ริเริ่มโดยจางอี้โหมว ซึ่งจะเป็นการแสดงพื้นเมืองที่ใช้นักแสดงหลายร้อยคน (เช่นเดียวกับที่หยางซั่ว แต่จะแสดงช่วงกลางวัน) โดยพื้นที่จัดแสดงนั้นถือว่าสุดอลังการ เพราะว่ามีภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลังครับ
ส่วนเนื้อเรื่องการแสดงนั้นก็จะเกี่ยวข้องกับการเล่าถึงวัฒนธรรมของชาวน่าซี ย้อนไปถึงสมัยที่เส้นทางม้าและใบชารุ่งโรจน์ เช่นเดียวกับตัวเมืองเก่าอันยิ่งใหญ่ครับ เวลาที่จะใช้ชมจะอยู่ที่ 1 ชั่วโมงครับ ส่วนค่าเข้าชมนั้นเริ่มต้นที่ 198 หยวนครับ
สถานที่จัดแสดงนั้นอยู่ใกล้กับ Glacier Cableway เพราะฉะนั้นนักเดินทางมักจะเดินทางไปหลังจากขึ้นชมตัวภูเขาหิมะเสร็จสิ้น ถ้าคุณเลือกไปกับทัวร์ ส่วนมากจะรวมรายการนี้ให้เลือกอยู่แล้วครับ
4. เมืองเก่าลี่เจียง
เมืองเก่าลี่เจียง (Old Town Lijiang) หรือชื่อที่แท้จริงว่าต้ายั่น (Dayan) เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ถึง 7.3 ตารางกิโลเมตรที่อุดมไปด้วยอาคารทรงดั้งเดิมที่ผสานวัฒนธรรมของชาวน่าซี ทิเบต ไป๋ เข้ากับสถาปัตยกรรมจีนสมัยราชวงศ์หมิงเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ประวัติศาสตร์ของตัวเมืองนั้นย้อนไปได้ถึงยุคที่เส้นทางใบชาและม้ายังรุ่งโรจน์ หรือประมาณยุคปลายราชวงศ์ซ่ง (ประมาณ 800 ปี) นอกจากตัวอาคารแล้ว เมืองเก่าแห่งนี้ยังมีระบบคูคลองที่สมบูรณ์และยังคงใช้งานได้มาจนถึงปัจจุบัน (ส่งผลให้มีสะพานมากถึง 354 แห่งด้วย) ในปี ค.ศ.1997 ที่นี่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกครับ
ทั้งนี้ไฮไลท์ที่น่าสนใจในเมืองเก่าแห่งนี้มีอยู่หลายจุด อาทิเช่น
- มู่ฝู (Mufu) – วังของตระกูลมู่ที่ทำหน้าที่เป็นประมุขของเมืองลี่เจียงมาหลายร้อยปี ตัววังนั้นมีขนาดใหญ่ประมาณสนามฟุตบอล 12 สนาม และมีอาคารถึง 100 แห่งอยู่ด้านใน ตัวบ้านสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมฮั่นที่ได้แรงบันดาลใจจากพระราชวังต้องห้ามผสานกับไป๋และน่าซีครับ อย่างไรก็ดีวังที่เห็นในปัจจุบันเป็นการสร้างใหม่ เพราะของเดิมเสียหายไปเกือบหมดในช่วงสงครามสมัยราชวงศ์ชิงครับ
- ถนนซื่อฟาง (Sifang Street) – ถนนคนเดินที่เป็นศูนย์กลางของย่านเมืองเก่า และมีร้านขายอาหารมากมาย โดยเฉพาะอาหารพื้นเมือง อาคารโดยรอบล้วนแต่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ซึ่งมีอายุหลายร้อยปีครับ
- หออู่เฟิง (Wufeng Tower) – หอคอยสามชั้นที่สูง 20 เมตร และสร้างขึ้นในครึ่งหลังของราชวงศ์หมิง บริเวณชายคาของหอนั้นมีรูปปั้นนกฟีนิกซ์แบบจีนอยู่ห้าตัว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อหอแห่งนี้ที่แปลว่านกทั้งห้าครับ
- การแสดงพื้นเมือง – ในเมืองเก่านั้นจะมีการแสดงพื้นเมืองที่ใช้ดนตรีพื้นบ้าน ซึ่งเป็นศิลปะที่สืบทอดกันมาจากดนตรีจีนสมัยยุคราชวงศ์ถังและซ่งผสานกับดนตรีท้องถิ่นครับ
5. บึงมังกรดำ
บึงมังกรดำ (Black Dragon Pool) หรือเฮยหลงถาน (Heilongtan) เป็นสถานที่เที่ยวสำคัญของลี่เจียง และผมชื่นชอบเป็นลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ บึงนี้เต็มไปด้วยตำนานมากมาย ซึ่งส่วนมากแล้วเกี่ยวพันกับความเชื่อว่ามีมังกรดำอาศัยอยู่ใต้น้ำ ทำให้บึงแห่งนี้ไม่เคยแห้งเหือดไปเลยตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษนับตั้งแต่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 ครับ
เสน่ห์ของบึงมังกรดำนั้นอยู่ตรงที่มีภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลัง ซึ่งจะสะท้อนลงผืนน้ำอย่างชัดเจนในวันฟ้าใส แถมในเฟรมเดียวกันยังมีหอและสะพานหินอ่อนแบบจีนที่สวยงามยิ่ง จุดนี้จึงเป็นสถานที่เก็บภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยวครับ
ใกล้กับบึงมังกรดำคือวัดหลงเซิน (Longshen Temple) ที่อุทิศให้กับเทพเจ้ามังกรครับ ในช่วงฤดูแล้ง ชาวบ้านในอดีตจะเดินทางมาขอน้ำขอฝนกันที่นี่ครับ
6. หอว่านกู่
หอว่านกู่ (Wangu Tower) เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นจากไม้ ตัวหอนั้นมีความสูงถึง 33 เมตร โดยตั้งอยู่บนภูเขาชือจื่อ (Shizi) หรือภูเขาสิงโต (Lion Hill) ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในตัวเมืองลี่เจียงครับ
สถานที่แห่งนี้เป็นจุดที่ perfect สำหรับการชมแลนด์มาร์กของลี่เจียงแบบพาโนรามา ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหิมะมังกรหยก เมืองเก่า หมู่บ้านของชาวน่าซี และทุ่งหญ้าอันเขียวขจี โดยรวมแล้วเป็นอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดครับ
7. เมืองโบราณชู่เหอ
เมืองโบราณชู่เหอ (Shuhe Ancient Town) เป็นเมืองโบราณอีกแห่งหนึ่งของลี่เจียง โดยว่ากันตามขนาดแล้วจะเล็กกว่าต้ายั่น แต่ว่าเงียบกว่าและมีความสวยงามไม่ต่างกัน ในอดีตเมืองนี้เป็นสถานที่ขนถ่ายสินค้า โดยเฉพาะม้าและใบชาตามเส้นทางการค้าครับ
ปัจจุบันด้านในเมืองโบราณมียังคงมีจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง อย่างเช่นถนนซื่อฟางที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งมีร้านค้าที่ขายสินค้าพื้นเมืองที่คุณสามารถซื้อเก็บไปเป็นของฝากได้ หรือสะพานชิงหลงที่มีอายุร่วม 4 ศตวรรษ ไปจนถึงสระมังกรที่มีเสียงน้ำซึ่งได้ยินได้จากระยะไกลเลยครับ
8. หมู่บ้านไป๋ชา
หมู่บ้านไป๋ชา (Baisha Village) เป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดของชาวน่าซี และเป็นสถานที่ซึ่งประมุขตระกูลมู่คนแรกของชาวน่าซีเกิด เช่นเดียวกับศูนย์กลางแห่งแรกของเมืองลี่เจียงก่อนที่จะย้ายไปยังเมืองต้ายั่น เพราะฉะนั้นที่นี่จึงหลงเหลือวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวพื้นเมืองกลุ่มนี้มากที่สุดครับ
ด้านในอาคารแบบดั้งเดิม วังเก่า และสถานที่ทางศาสนาให้ชมอย่างหลากหลาย แต่ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือภาพเขียนสีจำนวนมากที่อยู่ในวังต้าเปาจี (Dabaoji Palace) ซึ่งเป็นภาพในศาสนาพุทธ อย่างเช่นพระพุทธเจ้า ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 รวมไปถึงตำนานความเชื่อต่างๆ ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันสุดล้ำค่าเลยครับ
ตัวหมู่บ้านห่างจากลี่เจียงประมาณ 10 กิโลเมตร ทั้งนี้คุณสามารถไปได้ด้วยการนั่งรถบัสไปจาก Qixing Street แต่ถ้าง่ายกว่าก็คือนั่งแท็กซี่ไปครับ
9. โค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียง
แม่น้ำแยงซีเกียงเช่นเดียวกับแม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำโขงล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจากที่ราบสูงทิเบต ในช่วงแรกนั้นแม่น้ำทั้งสามสายไหลคู่ขนานลงใต้ในพื้นที่ของ Three Parallel Rivers of Yunnan Protected Areas
จนกระทั่งถึงจุดที่เรียกว่าโค้งแรกของแม่น้ำแยงซีเกียง (First Bend of the Yangtze River) ที่แม่น้ำแห่งนี้หมุนโค้งจากเส้นทางเดิมและไหลไปหล่อเลี้ยงแผ่นดินจีนทางตะวันออกครับ บริเวณโดยรอบนั้นมีทัศนียภาพที่สวยงาม เช่นเดียวกับสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นทางผ่านกับการไปเยือนโตรกเสือกระโจน เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวมักจะเดินทางไปในวันเดียวกันครับ โดยตัวโค้งจะอยู่ห่างจากลี่เจียงประมาณ 50 กิโลเมตรครับ
10. โตรกเสือกระโจน
โตรกเสือกระโจน (Tiger Leaping Gorge) หรือหู่เถี้ยว (Hutiao) เป็นจุดชมวิวริมโตรกที่เป็นภูเขาที่ถูกแทรกด้วยสายน้ำอันไหลเชี่ยวของแม่น้ำแยงซีเกียง โดยในจุดนี้นั้นมีตำนานเล่าว่าแคบจนเสือสามารถกระโดดข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้ (ประมาณ 30 เมตร)
เสน่ห์ของโตรกเสือกระโจนคือตั้งอยู่ภูเขาหิมะขนาดใหญ่สองลูก นั่นคือภูเขาหิมะมังกรหยก และภูเขาหิมะฮาปาที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม ไม่แพ้กันครับ ใกล้กับตัวโตรกจะมีเส้นทางที่คุณสามารถเดิน hiking ลัดเลาะไปตามโตรกและชมธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย
สำหรับการเดินทางนั้น นักเดินทางส่วนมากจะนั่งรถบัสไปจากเมืองลี่เจียง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครับ
11. ทะเลสาบลาชื่อ
ทะเลสาบลาชื่อ (Lashi Lake) เป็นทะเลสาบที่อยู่ห่างจากตัวเมืองลี่เจียงประมาณ 10 กิโลเมตร ในอดีตนั้นที่นี่จะเป็นทะเลสาบในช่วงฤดูฝน แต่จะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำในช่วงฤดูแล้ง เพราะว่าน้ำจะเหือดจนมองเห็นก้นทะเลสาบได้แทบทั้งหมดครับ แต่รัฐบาลจีนได้สร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อบริหารน้ำที่นี่ หลังจากนั้นทะเลสาบนี้จึงมีน้ำตลอดทั้งปีครับ
ความน่าสนใจของทะเลสาบนี้มีอยู่สองอย่าง นั่นคือคุณสามารถเห็นภูเขาหิมะมังกรหยกสะท้อนลงบนผืนน้ำของทะเลสาบได้ในวันฟ้าใส อย่างที่สองคือที่นี่เป็นจุดดูนกชั้นยอดในช่วงเดือนธันวาคม โดยเฉพาะนกหายากมาก 6 สายพันธุ์ที่พบได้ในพื้นที่แถบเมืองลี่เจียงเท่านั้นครับ
References
- GoYunnan (Yunnan Official Travel Site)
- DestinationLijiang (Lijiang Official Travel Site)