ลิวอร์โน (Livorno) หรือ Leghorn (ชื่อเก่าในภาษาอังกฤษของเมือง) เป็นเมืองริมทะเลที่อยูบริเวณชายฝั่งของภูมิภาคทัสคานีของประเทศอิตาลี ตัวเมืองเป็นหนึ่งในหลักฐานความยิ่งใหญ่ของตระกูลเมดิซีแห่งฟลอเรนซ์ที่ยังมีลมหายใจ ด้วยโบราณสถานที่สวยงามหลายแห่ง ตลอดจนชายหาดที่มีทรายขาวสะอาด ทำให้นักเดินทางจำนวนมากไปเที่ยวที่นี่ในแต่ละปีครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับลิวอร์โนอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักลิวอร์โน (Livorno)
ลิวอร์โนมีประวัติศาสตร์ที่ต่างจากเมืองอื่นๆ ของทัสคานี อย่างเช่นเซียน่า, ปิซ่า หรืออาเรสโซ นั่นคือที่นี่มีสถานะเป็นเพียงหมู๋บ้านขนาดเล็กมาเกือบทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่สมัยอีทรัสกัน โรมัน และยุคกลาง
โดยในสมัยยุคกลางนั้น ที่นี่เปลี่ยนมิือไปมาระหว่างนครรัฐลุกกา มิลาน เจนัว ฯลฯ จนสุดท้ายนครรัฐฟลอเรนซ์ได้ซื้อเมืองแห่งนี้มาครอบครองในช่วงปี ค.ศ.1421 จากหลักฐานสำมะโนครัวในช่วงนั้นแสดงให้เห็นว่าลิวอร์โนมีผู้อาศัยอยู่แค่ 423 คนจาก 118 ครอบครัวเท่านั้นเองครับ
ทว่าการเข้ามาของฟลอเรนซ์ที่ปกครองโดยตระกูลเมดิซีได้เริ่มเปลี่ยนแปลงหมู๋บ้านแห่งนี้ เพราะตระกูลเมดิซีได้ปรารถนาที่จะสร้างลิวอร์โนให้เป็นเมืองในอุดมคติ จัตุรัสและอาคารบ้านเรือนจึงถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปนิกผู้ชำนาญการ โดยมีการวางผังเมืองเป็นรูปห้าเหลี่ยมที่เป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังได้มีนโยบายแบ่งประชากรส่วนหนึ่งจากฟลอเรนซ์ไปอาศัยอยู่ที่ลิวอร์โนอีกด้วย
ลิวอร์โนรุ่งโรจน์ขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่งก็เพราะนโยบายของตระกูลเมดิซีเองก็ให้สินค้าที่เข้าออกเมืองแห่งนี้ไม่มีการเก็บภาษี (duty-free) นอกจากนี้ยังให้เสรีภาพทางศาสนา ทำให้พ่อค้าจากทุกหนทุกแห่งเดินทางมาประกอบธุรกิจที่นี่ได้อย่างอิสระ ภายในเวลาไม่นาน ลิวอร์โนก็ได้กลายเป็นเมืองท่าที่ใหญ่และมั่งคั่งที่สุดของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนครับ
อย่างไรก็ดีในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ความรุ่งโรจน์ของลิวอร์โนเริ่มเสื่อมลง จากการที่สูญเสียสถานะเมืองท่าไร้การเก็บภาษีหลังจากที่รวมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลี ตามมาด้วยการโดนทิ้งระเบิดอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้โบราณสถานหลายแห่งได้รับความเสียหายอย่างหนักครับ
ปัจจุบันลิวอร์โนได้กลายเป็นเมืองทองเที่ยว และเป็นจุดจอดเรือสำราญขนาดใหญ่ที่นำนักท่องเที่ยวหลายพันคนต่อลำมายังภูมิภาคทัสคานีครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปยังลิวอร์โน (Livorno) ทำอย่างไร?
ลิวอร์โนเชื่อมกับเมืองใหญ่อื่นๆ ของอิตาลีด้วยรถไฟและรถบัส ทว่าเมืองท่องเที่ยวที่ใกล้ที่สุดน่าจะเป็นเมืองปิซ่า (ไม่เกิน 20 นาทีโดยใช้รถไฟ) ทั้งนี้คุณสามารถใช้บริการเว็บ Omio เพื่อจอง ตรวจสอบ เปรียบเทียบ วิธีการต่างๆ ในการเดินทางไปยังเมืองลิวอร์โนได้อย่างง่ายดายครับ
1. Fortezza Vecchia
Fortezza Vecchia หรือ Old Fort เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองลิเวอร์โนที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน โดยสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 ทับป้อมปราการเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 11 และพื้นที่หมู่บ้านเดิมอีกส่วนหนึ่ง
ไฮไลท์ของป้อมปราการแห่งนี้คือหอคอยทรงกลมชื่อ Mastio di Matilde ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ และเป็นจุดชมวิวมุมสูงที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งครับ
นอกจากนี้ในบริเวณป้อมปราการยังมีจุดที่น่าสนใจอีกหลายจุด ตั้งแต่ โบสถ์ โรงทหารและคุกเป็นต้น แต่น่าเสียดายที่ส่วนเหล่านี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่สองครับ
2. Mascagni Terrace
Mascagni Terrace หรือ Terrazza Mascagni เป็นจัตุรัสริมทะเลที่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองลิวอร์โน พื้นของตัวจัตุรัสนั้นปูด้วยกระเบื้องสีขาวดำสลับกันเหมือนกับกระดานหมากรุก ซึ่งใหญ่กว่า 8,700 ตารางเมตร รวมแล้วมีกระเบื้องมากกว่า 34,000 ชิ้นด้วยกัน ในอดีตพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นสวนสนุกและพื้นที่จัดการแสดงดนตรีมาก่อน แต่พอโดนทิ้งระเบิดก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ตามแบบเดิมครับ
จากจุดนี้คุณสามารถมองออกไปชมทะเลสีสวยได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับชมความงดงามทางสถาปัตยกรรมแบบ Neo-Renaissance ของ Grand Hotel Palazzo ที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมที่งามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกครับ
ใกล้กับจัตุรัสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ Acquario di Livorno พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีปลามากมายให้ชมเช่นเดียวกับสัตว์น้ำอีกนานาชนิด ค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 16 ยูโรต่อคนครับ
3. Livorno Port
Livorno Port หรือท่าเรือเมืองลิวอร์โน เป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจุบันก็ยังรองรับเรือจำนวนมากที่เดินทางมาจากทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็ฺนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่หรือว่าเรือเฟอร์รี่ทั่วไปครับ
ใกล้กับบริเวณท่าเรือมี Monument of the Four Moors อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมือง อนุสรณ์แห่งนี้มีด้านบนที่เป็นอนุสาวรีย์ของแกรนด์ดยุคเฟอร์ดินานด์ที่ 1 ส่วนด้านล่างจะเป็นโจรสลัดชาวมัวร์ (หรือซาราเซน) ที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้อย่างแน่นหนาครับ แต่ชาวเมืองตลอดจนนักเดินทางล้วนแต่จดจำรูปปั้นชาวมัวร์มากกว่า นั่นเลยทำให้อนุสรณ์แห่งนี้ได้ชื่อดังกล่าวครับ
4. Venezia Nuova
Venezia Nuova หรือ New Venice เป็นสถานที่ซึ่งทำให้ลิวอร์โนได้สมญาว่าเวนิสน้อย (Little Venice) ย่านนี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 ที่เมืองลิวอร์โนเติบโตขึ้นมาก จนต้องขยายเมืองออกไปด้านนอกของคูเมือง (ที่เคยใช้ป้องกันเมืองแต่ก่อน)
ในการสร้างย่านนี้นั้นจะแบ่งออกเป็นสามชั้นด้วยกัน ชั้นแรกสุดจะเป็นชั้นที่ติดกับผืนน้ำ ซึ่งจะใช้สำหรับการขนถ่ายสิ่งของขึ้นลงเรือ ส่วนชั้นที่สองจะเป็นคลังสินค้า ขณะที่ชั้นบนสุดจะเป็นชั้นที่อยู่อาศัยที่เป็นของเหล่าพ่อค้าครับ
ถนนสายหลักของย่านนี้คือ Via Borra ซึ่งมีการสร้างวังที่สวยงามอยู่หลายแห่ง อย่างเช่น Palazzo delle Colonne di marmo หรือ Palazzo Huigens ที่สร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 18 เพื่อเป็นบ้านพักของคหบดีผู้ร่ำรวยจากการค้าในเมืองลิวอร์โนครับ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ Marble Bridge สะพานที่จริงๆแล้วสร้างด้วยอิฐสีแดง แต่ได้ชื่อว่าสะพานหินอ่อนเพราะมีเชิงเทินหินอ่อนตั้งอยู่ ในอดีตเหล่าคนขับเรือมักจะมาแกะรอยสลักเพื่อระลึกถึงผู้ที่จากไปแล้วครับ
ท้ายที่สุดถ้าใครอยากชมคลังสินค้าเก่าแก่ก็สามารถไปชม Bottini dell’olio ซึ่งเป็นคลังสินค้าโบราณที่เคยใช้เก็บสินค้าประเภทน้ำมันต่างๆ ครับ
5. Livorno Cathedral
Livorno Cathedral มหาวิหารเอกของเมืองลิวอร์โนที่ได้รับความเสียหายมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ภาพเขียนสีของเดิมเองก็วอดวายไปไม่น้อย แต่มหาวิหารได้รับการสร้างใหม่หลังสงครามสงบ ความยิ่งใหญ่และประณีตจึงเทียบไม่ได้กับมหาวิหารของเมืองอื่นๆ อย่างเช่นปิซ่า ทว่าด้านในยังพอมีภาพเขียนสีเฟรสโกของเดิมให้ได้ชมอยู่บ้างครับ
ตัวมหาวิหารตั้งอยู่ตรงกลางของ Piazza Grande เป็นจัตุรัสกลางขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 ครับ
6. Piazza della Repubblica
Piazza della Repubblica เป็นจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ถึง 190,000 ตารางเมตรโดยเป็นหนึ่งในจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองลิวอร์โน ตรงกลางจัตุรัสประดิษฐานอนุสาวรีย์ของแกรนด์ดยุคเฟอร์ดินานด์ที่ 3 และเลโอโปลด์ที่ 2 ซึ่งเป็นแกรนด์ดยุคสององค์สุดท้ายแห่งทัสคานีครับ
ด้วยความใหญ่โต ทำให้ที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ของเมืองครับ
7. Civic Museum Giovanni Fattori
Civic Museum Giovanni Fattori เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะท้องถิ่นที่เก็บรักษาผลงานศิลปะจากยุคสมัยศตวรรษที่ 19 เอาไว้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Giovanni Fattori ซึ่งเป็นชาวเมืองลิวอร์โนครับ
ทั้งนี้ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในอาคารชื่อ Villa Mimbeli อาคารสีเหลืองทองที่ทอแสงสวยงามมาก เรียกได้ว่าทุกส่วนของพิพิธภัณฑ์นี้ล้วนแต่เป็นผลงานศิลปะที่น่าไปชมอย่างยิ่งครับ
8. Mercato delle Vettovaglie
Mercato delle Vettovaglie เป็นตลาดเก่าแก่ที่ตั้งขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 และเป็นตลาดโบราณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ตัวอาคารนั้นดูยิ่งใหญ่อลังการ ถ้าดูเผินๆ แล้วเหมือนกับที่ทำการรัฐมากกว่าครับ
ตัวตลาดตั้งอยู่ริมคลองชื่อ Saffi Canal และยังแน่นเอี๊ยดไปด้วยร้านค้ากว่า 200 ร้าน ซึ่งขายสินค้าไปตั้งแต่ของสด ไปจนถึงอาหารต่างๆ นักเดินทางนิยมมาหาอาหารพื้นเมืองรับประทานกันที่นี่ครับ
9. Sanctuary of Montenero
Sanctuary of Montenero เป็นอารามในศาสนาคริสต์ที่อุทิศให้กับพระแม่มารี โดยตามตำนานเล่าว่าชาวบ้านคนหนึ่งได้พบกับรูปของพระแม่มารีและได้นำรูปดังกล่าวมาไว้ที่มอนเตเนโร ซึ่งในอดีตได้เป็นสถานที่หลบภัยของบรรดาโจรและอาชญากรต่างๆ
ทว่าหลังจากนั้นรูปที่ว่านี้ได้แสดงความศักดิ์สิทธิ์ ช่วยเหลือชาวบ้านไว้หลายครั้ง ทำให้ศาสนิกและผู้แสวงบุญเดินทางมากันเป็นจำนวนมาก พื้นที่บริเวณนี้จึงไม่ได้เป็นสถานที่ของพวกโจรอีกต่อไป แต่กลายเป็นโบสถ์ อาราม และวิหารขนาดใหญ่ที่ได้รับการตบแต่งอย่างสวยงาม และยังมีพิพิธภัณฑ์อย่าง gallery of ex-votos ที่เก็บรักษาผลงานล้ำค่าทางด้านศิลปะของประเทศอิตาลีครับ
เนื่องจากตัวอารามตั้งอยู่ที่ภูเขานอกเมืองลิวอร์โน ทำให้จากจุดนี้คุณจะเห็นวิวท้องทะเลอย่างสวยงามด้วยครับ
10. ชมธรรมชาติ
ใกล้กับเมืองลิวอร์โนมีธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งท้องทะเล จุดที่น่าสนใจได้แก่ชายหาดที่เมือง Rosignano ซึ่งห่างจากลิวอร์โนไปประมาณ 24 กิโลเมตร หรือ Calafuria ที่มีแลนด์มาร์กอย่าง Calafuria Tower หอคอยที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลครับ
11. ชิมอาหารพื้นเมือง
เมนูอันดัน 1 ที่คุณพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงคือ Cacciucco สตูปลาเลิศรสที่ทำมาจากเนื้อปลาหลากหลายชนิดที่คลุกเคล้ากับกระเทียม พริกไทย และเครื่องเทศอื่นๆ ครับ
ส่วนถ้าเป็นเครื่องดื่มนั้น เมนูที่ต้องลองคือ Ponce alla Livornese ที่จะเป็นการผสมกาแฟเข้ากับเหล้ารัม และ sassolino ครับ