มาเอะบาชิ (Maebashi, 前橋) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดกุนมะ ตัวเมืองไม่ใหญ่โตมากนัก และถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศเมืองเล็กของญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนักครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองมาเอะบาชิโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองมาเอะบาชิ (Maebashi)
มาเอะบาชิเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำโทเนะ และมีภูเขาอกางิ (Mt.Akagi) เป็นสัญลักษณ์ของเมือง และขนาบด้วยภูเขาเมียวงิและฮารุนะครับ
ตัวเมืองมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ยุคนารา โดยในสมัยนั้นเมืองมีนามว่าอุมายะบาชิ (Umayabashi) ครับ
ในช่วงศตวรรษที่ 15 ตระกูลนากาโน่ที่ปกครองตัวเมืองได้สร้างปราสาทอิชิคุระขึ้น ทำให้อุมายะบาชิได้กลายเป็นเมืองปราสาทที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคคันโต
ต่อมาภูมิภาคนี้เป็นการขับเคี่ยวกันของตระกูลใหญ่แห่งยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอุเอะสึกิ โฮโจ และทาเคดะ เพราะฉะนั้นตัวเมืองจึงสลับเปลี่ยนมือไปหลายครั้งในช่วงยุคเซ็นโกกุครับ
ต่อมาในสมัยเอโดะ ด้วยความที่อยู่ใกล้โตเกียวมาก รัฐบาลโชกุนโตกุกาวะจึงมอบเมืองแห่งนี้ให้อยู่ในการดูแลของตระกูลซากาอิ ซึ่งพวกตนไว้วางใจมากที่สุด ตระกูลซากาอิได้ปกครองที่นี่ไปอีกถึง 7 ชั่วคน และช่วงเวลานี้เองที่ตัวเมืองเปลี่ยนชื่อจากอุมายะบาชิเป็นมาเอะบาชิครับ
ในช่วงศตวรรษที่ 18 รัฐบาลโชกุนได้ให้ตระกูลมัตสึไดระมาปกครองที่นี่แทน แต่ก็ประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง ทำให้ไดเมียวตระกูลนี้ย้ายศูนย์กลางปกครองดินแดนของตนไปอยู่ที่คาวาโกเอะ แต่ที่นี่ก็ยังรุ่งเรืองอยู่ดี เพราะเป็นศูนย์กลางการค้าผ้าไหมที่มั่งคั่งครับ
ช่วงปลายยุคเอโดะนั้นเป็นช่วงที่มาเอะบาชิได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ เพราะรัฐบาลโชกุนระแวงว่าเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) อาจจะคุกคามโดยมหาอำนาจตะวันตก ดังนั้นจึงพัฒนาเมืองนี้หวังว่าจะเป็นที่พำนักต่อไปถ้าเอโดะถูกคุกคาม
อย่างไรก็ดีหลังจากที่โครงการพัฒนาเมืองดำเนินไปเกือบเสร็จสิ้น สงครามโบชินก็ได้ปะทุขึ้น และนำมาซึ่งการล่มสลายของรัฐบาลโชกุน อาคารต่างๆ ของปราสาทมาเอะบาชิที่เพิ่งสร้างเสร็จสิ้นไม่กี่ปีกลับถูกรื้อทิ้งโดยรัฐบาลใหม่จนเกือบหมดครับ
มาเอะบาชิเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดกุนมะในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นอาคารแบบดั้งเดิมจึงแทบไม่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองมาเอะบาชิทำอย่างไร?
มาเอะบาชินั้นเดินทางไปไม่ยากจากโตเกียว โดยคุณมีตัวเลือกดังต่อไปนี้ครับ
ชินคันเซน + รถไฟ – ขั้นแรกคุณจะต้องนั่ง Hokuriku Shinkansen จากโตเกียวไปลงที่สถานี Takasaki Station (นั่งขบวน Asama ได้ทุกขบวน แต่ถ้าจะนั่งขบวน Hakutaka จะจอดแค่บางขบวนเท่านั้น) หลังจากนั้นก็ต่อรถไฟ JR Ryomo Line ไปยังเมืองมาเอะบาชิครับ
วิธีนี้สามารถใช้กับเมืองที่ Hokuriku Shinkansen ผ่านเช่นกัน ดังนั้นคุณสามารถใช้วิธีไปเที่ยวมาเอะบาชิจากเมืองอย่างคารุอิซาวะได้ครับ
รถไฟ – สำหรับใครที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายลงมา คุณสามารถใช้บริการ JR Urban Rapid Service จากสถานีอุเอโนะไปยังมาเอะบาชิได้ ซึ่งจะไม่ต้องเปลี่ยนรถใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะใช้เวลามากกว่าวิธีแรกครับ
เช่ารถขับ – มาเอะบาชิเป็นเมืองที่ไม่ได้อยู่ไกลจากโตเกียวมากนัก โดยห่างออกไปแค่ 130 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ดังนั้นสามารถเช่ารถและขับไปได้ไม่ยากครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก JNTO โปรดตรวจสอบที่ต้นทางอีกครั้งก่อนที่จะออกเดินทาง เพราะระบบรถไฟในญี่ปุ่นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดครับ
1. Akagi Nanmen Senbonzakura Park
Akagi Nanmen Senbonzakura Park เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาอกางิ ที่นี่มีต้นซากุระเรียงรายไปสองข้างทางกว่า 1,000 ต้น ตามระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร
นอกจากนี้ในสวนยังมีสวนดอกนาโนฮานะซึ่งจะมาบรรจบกับแนวต้นซากุระอีกด้วย เกิดเป็นทัศนียภาพที่น่าถ่ายรูปอย่างมากเลยครับ ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่สวนแห่งนี้จะได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 100 ของจุดชมซากุระที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นครับ
เช่นเดียวกับสวนซากุระอื่นๆ นั่นคือช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟส่องสว่าง ทำให้บรรยากาศและความสวยงามต่างออกไปจากช่วงกลางวันครับ
2. ภูเขาอกางิ
ภูเขาอกางิ (Mt.Akagi) เป็นภูเขาไฟแสนสวยที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดกุนมะ บริเวณภูเขานั้นมีทะเลสาบแสนสวยอยู่หลายแห่งอย่างเช่นทะเลสาบโอนุมะ (Lake Onuma) ซึ่งใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้
ชาวญี่ปุ่นมักจะมาทำกิจกรรมกลางแจ้งกันที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่จะมีเทศกาลตกปลาจากทะเลสาบน้ำแข็ง (เหมือนกับที่คุชิโระในฮอกไกโดครับ)
ช่วงฤดูร้อนนั้นภูเขาอกางิก็มีดอกไม้สวยๆ ที่ขึ้นตามธรรมชาติให้ชม แต่ช่วงที่ฮิตจริงๆ คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้เปลี่ยนสีให้ชมครับ
3. ศาลเจ้าอกางิ
ริมทะเลสาบโอนุมะนั้นมีศาลเจ้าอกางิ (Akagi Shrine) ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งมีสะพานสีแดงส้มเป็นเอกลักษณ์ วิวบริเวณนี้จะสวยเป็นพิเศษเวลาที่ทะเลสาบโอนุมะแข็งเป็นน้ำแข็งครับ
สำหรับตัวศาลเจ้านั้น ถ้าคุณเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นอาจจะเคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง แต่ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าแม่ของศาลเจ้าชื่อเดียวกันอีก 300 แห่งในญี่ปุ่นครับ
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าหญิงคนใดที่เดินทางมาสักการะและขอพรที่นี่จะให้กำเนิดบุตรที่หน้าตางดงามในไม่ช้าครับ
4. ชมดอกไม้ที่สวนต่างๆ
อีกหนึ่งไฮไลท์ของมาเอะบาชินั้นอยู่ที่สวนดอกไม้หลายแห่งที่มีดอกไม้สวยหลากหลายชนิดให้ชมกันได้ตลอดปี อย่างเช่น
Gunma Flower Park – สวนดอกไม้ขนาด 184,000 ตารางเมตรที่มีดอกไม้หลากชนิด ตั้งแต่ทิวลิปไปจนถึง hydrangea จุดเด่นของที่นี่คือในช่วงฤดูหนาวจะมีเทศกาล Illumination Festival ที่สวยงดงามครับ (คล้ายกับที่อาชิคางะ)
Shikishima Park – สวนสไตล์ยุโรปที่มีดอกกุหลาบให้ชมหลายพันดอก และบรรยากาศโดยรอบยังสวยงามโรแมนติกอีกด้วย
5. Rinkokaku
Rinkokaku เป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 และถือว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สมบูรณ์ที่สุดของสถาปัตยกรรมช่วงนี้ ที่นี่ถูกใช้เป็นบ้านพักแขกบ้านแขกเมืองของญี่ปุ่น อย่างไรก็ดีจักรพรรดิเมจิของญี่ปุ่นเองก็เคยเสด็จมาประทับที่นี่เช่นกัน
ด้านในอาคารนั้นคล้ายกับเรียวกังโบราณที่ปูเสื่อทาทามิอย่างดี แต่ขนาดนั้นใหญ่กว่าหลายเท่า ใครที่ชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมไม่ควรพลาดที่นี่เลยครับ
References
- JNTO
- Visit Gunma