หน้าแรกUncategorized7 ที่เที่ยวมัตสึเอะ (Matsue) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

7 ที่เที่ยวมัตสึเอะ (Matsue) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

มัตสึเอะ (Matsue) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดชิมาเนะที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะฮอนชู ตัวเมืองได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งน้ำเพราะว่าฝั่งหนึ่งเป็นทะเลญี่ปุ่น ส่วนบริเวณเมืองยังมีทะเลสาบสองแห่งที่มาบรรจบกันอีกด้วยครับ

บทความนี้จึงจะนำคุณไปรู้จักกับเมืองมัตสึเอะโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะไปแนะนำที่เที่ยวที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ

รู้จักมัตสึเอะ (Matsue)

มัตสึเอะตั้งอยู่ในพื้นที่ราบซึ่งทะเลสาบชินจิ (Lake Shinji) และทะเลสาบนากาอุมิ (Lake Nakaumi) มาบรรจบกันโดยมีแม่น้ำโอฮาชิทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมแหล่งน้ำทั้งสองครับ

ตัวเมืองปรากฏในตำนานปรัมปราของญี่ปุ่นมาตั้งแต่โบราณ เพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากอิซุโมะ ซึ่งเป็นจุดที่เหล่าเทพเจ้าในตำนานของญี่ปุ่นมารวมตัวกัน สำหรับในหน้าประวัติศาสตร์นั้น ที่นี่มีสุสานโบราณแบบโคฟุนจำนวนไม่น้อย ทำให้เชื่อได้ว่าที่นี่มีผู้คนอาศัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานแล้วครับ

ในยุคเซ็นโกกุ ที่นี่อยู่ในการปกครองของตระกูลอามาโกะ (Amago) แต่ตัวเมืองในปัจจุบันได้สร้างขึ้นโดยตระกูลโฮริโอะ (Horio) ครับ ทว่าตระกูลนี้ปกครองมัตสึเอะได้ไม่กี่ทศวรรษก็ขาดช่วงไป เพราะขาดผู้สืบต่อ รัฐบาลเอโดะจึงมอบเมืองนี้ให้กับตระกูลมัตสึไดระ ซึ่งได้ปกครองที่นี่จนสิ้นสุดสมัยเอโดะครับ

ปัจจุบันมัตสึเอะได้เป็นเมืองใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคชูโกคุ โดยมีประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองถึง 600,000 คน และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปมัตสึเอะทำอย่างไร?

วิธีการเดินทางไปมัตสึเอะที่ง่ายที่สุดคือเดินทางไปจากโอซาก้า ขั้นแรกคุณจะต้องขึ้นรถไฟ San’yo Shinkansen ไปลงที่เมืองโอคายาม่า หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ Limited Express Super Yakumo เข้าเมืองมัตสึเอะครับ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือนั่งรถบัสจากโอซาก้าไปโดยตรง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4.5 ชั่วโมงครับ

ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Visit Matsue เว็บไซต์ของการท่องเที่ยวมัตสึเอะ โปรดตรวจสอบที่ต้นทางอีกทีหนึ่ง เพราะข้อมูลอาจจะเปลี่ยนได้ครับ

1. ปราสาทมัตสึเอะ

ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle) เป็นปราสาทแบบญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นโดยไดเมียวตระกูลโฮริโอะในช่วงศตวรรษที่ 17 ตัวปราสาทนั้นมีสีดำเป็นเอกลักษณ์ครับ ปัจจุบันปราสาทมัตสึเอะเป็นปราสาทเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่รักษาตัวปราสาทหลักของเดิมเอาไว้ได้ (เหมือนกับปราสาทฮิเมจิและปราสาทมัตสึโมโตะ) และไม่ถูกรื้อถอนโดยรัฐบาลเมจิหรือไฟสงครามครับ

ปัจจุบันด้านในปราสาทได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนด้านบนสุดของปราสาทก็กลายเป็นจุดชมวิวที่เห็นวิวพาโนรามาของตัวเมืองครับ

หนึ่งกิจกรรมที่เหล่านักท่องเที่ยวชอบมากคือนั่งเรือไปตามคูของตัวปราสาท ซึ่งจะให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มีรากฐานจากตัวปราสาทแห่งนี้อย่างใกล้ชิดครับ

บริเวณทางเข้าปราสาทด้านตะวันออกจะมีอาคารที่สร้างเหมือนกับบ้านซามูไรตั้งอยู่ อาคารดังกล่าวคือ Matsue History Museum พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เล่าความเป็นมาของเมืองมัตสึเอะครับ ใครที่สนใจแน่นอนว่าไปเยี่ยมชมได้

2. ถนนชิโอมินาวาเตะ และย่านซามูไร

บริเวณคูของปราสาทมัตสึเอะนั้นมีถนนชื่อว่าชิโอมินาวาเตะ (Shiomi Nawate Street) ตั้งอยู่ โดยตลอดระยะทางครึ่งกิโลเมตรของถนนเส้นนี้จะมีบ้านแบบญี่ปุ่นเรียงรายกันไป ซึ่งเจ้าของบ้านเหล่านี้คือเหล่าซามูไรที่เป็นบริวารของไดเมียวตระกูลมัตสึไดระที่ปกครองที่นี่ครับ

ปัจจุบันมีบ้านบางหลังที่เปิดให้นักท่องเที่ยวให้เข้าไปชมได้ หนึ่งในนั้นคือบ้านของ Lafcadio Hearn นักเดินทางชาวกรีก-ไอริชที่ได้เดินทางมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 และได้แต่งงานกับบุตรสาวของซามูไรชาวญี่ปุ่น ต่อมาเขาได้เขียนหนังสือที่เจาะลึกเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่นอย่างละเอียดให้ชาวตะวันตกได้รู้จักมากขึ้นครับ

3. ทะเลสาบชินจิ

ทะเลสาบชินจิ (Lake Shinji) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของญี่ปุ่น โดยตัวเมืองมัตสึเอะนั้นตั้งอยู่ริมทะเลสาบแห่งนี้เลยครับ ทั้งนี้ทะเลสาบชินจิเป็นทะเลสาบน้ำกร่อย ซึ่งไม่อาจจะดื่มกินได้ แต่ก็เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของปลาและหอยจำนวนมากครับ

ตัวทะเลสาบมีชื่อเสียงจากวิวตะวันตกดินที่สวยงามยิ่ง ซึ่งส่วนมากแล้วนักท่องเที่ยวจะไปชมกันที่สวนชิราคาตะ (Shirakata Park) หรือว่าพิพิธภัณฑ์ศิลปะชิมาเนะ (Shimane Art Museum) เช่นเดียวกับจุดชมวิวที่อยู่ทางใต้ของพิพิธภัณฑ์ครับ อีกทางเลือกหนึ่งคือนั่งเรือล่องทะเลสาบ โดยค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่คนละ 1,800 เยนครับ

ภายในทะเลสาบมีเกาะชื่อว่าโยเมะกะชิมะ (Yomegashima) ตั้งอยู่ เกาะนี้ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ เนื่องด้วยอุทิศให้กับเทพีเบนเทน (Benten) เกาะนี้จึงไม่เปิดให้เข้าชมครับ

4. ทะเลสาบนากาอุมิ

ทะเลสาบนากาอุมิ (Lake Nakaumi) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของญี่ปุ่น และเชื่อมกับทะเลญี่ปุ่น ทำให้มีลักษณะเป็นทะเลสาบน้ำกร่อยเช่นเดียวกับทะเลสาบชินจิครับ

ตรงกลางของทะเลสาบมีเกาะตั้งอยู่ชื่อเกาะไดคงชิมะ (Daikonshima) ตัวเกาะนั้นมีสวนญี่ปุ่นที่สวยงามมากชื่อว่าสวนยูชิเอ็น (Yuushien) ที่มีดอกไม้นานาชนิด แต่ที่โด่งดังที่สุดคือดอกโบตั๋น (Peony) ที่บานสะพรั่งทั้งในสวนและในโดม เพราะฉะนั้นจะมีให้ชมตลอดทั้งปีครับ

ที่นี่ปลูกดอกโบตั๋นได้มากเป็นอันดับ 1 ในประเทศ (มากถึง 1.8 ล้านดอก) เช่นเดียวกับโสมคุณภาพเยี่ยมที่รับรองได้ว่าไม่แพ้เกาหลี ทั้งนี้คุณสามารถลองชิมผลิตภัณฑ์อย่างเช่นไอศกรีมและชาที่มีส่วนผสมของโสมด้วยครับ

5. พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ (Adachi Museum of Art) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก็บรักษาผลงานศิลปะของศิลปินสมัยศตวรรษที่ 20 เอาไว้ถึง 1,300 ชิ้นด้วยกันครับ

อย่างไรก็ดีไฮไลท์ของที่นี่คือสวนที่ได้รับการจัดอันดับว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 20 ปีด้วยกัน ทั้งนี้คุณจะไม่สามารถลงไปที่ตัวสวนได้ แต่จะชมได้จากจุดชมวิวในพิพิธภัณฑ์ครับ

การเดินทางไปสวนแห่งนี้ซับซ้อนพอสมควร เพราะว่าอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 27 กิโลเมตร โดยคุณจะต้องนั่งรถไฟไปสถานี Yasugi Station และต่อรถบัสไปยังตัวสวนครับ

6. แช่ออนเซ็น

ใกล้กับเมืองมัตสึเอะมีเมืองออนเซ็นที่คุณสามารถไปแช่ตัวผ่อนคลายได้หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น

  • Tamatsukuri Onsen – เมืองออนเซ็นที่ได้รับสมญาว่าเป็นสระน้ำแห่งทวยเทพ เพราะเหล่าเทพเจ้าล้วนแต่โปรดปรานการแช่น้ำที่นี่ ความเก่าแก่ของที่นี่นั้นอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ เพราะปรากฏในหลักฐานโบราณจากปี ค.ศ.733 ครับ นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่ยังมีจุดชมวิวซากุระริมแม่น้ำที่มีชื่อเสียงอีกด้วย (Tamayugawa no Sakura)
  • Shinjiko Onsen – ตั้งอยู่ทางเหนือของทะเลสาบชินจิ บริเวณนี้จะมีเรียวกังจำนวนมาก เช่นเดียวกับบ่อแช่เท้าครับ

7. ชิมอาหารพื้นเมืองรสเด็ด

เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น มัตสึเอะก็มีเมนูเด็ดที่คุณไม่ควรพลาดเช่นเดียวกัน เมนูแรกที่น่าสนใจคือซุปหอยชิจิมิ (Shijimi Soup) ซึ่งชาวประมงจะจับหอยสดๆ จากทะเลสาบชินจิทุกๆ วันครับ

ส่วนเมนูที่สองที่พลาดไม่ได้คืออิซุโมะโซบะ (Izumo Soba) เส้นโซบะสูตรพิเศษที่มีกลิ่นหอมและแน่นหนึบกว่าทั่วไป โดยมากแล้วมักจะเสิร์ฟในสไตล์วาริโกะ หรือเสิร์ฟคู่กับต้นหอม สาหร่าย และราดด้วยซอสข้นๆ ครับ แต่แบบอื่นก็มีเช่นกัน

ในส่วนเมนูของหวานนั้นไม่ควรพลาดซุปถั่วแดงที่เสิร์ฟคู่กับโมจิ หรือขนมหวานพื้นเมืองอย่างวากาชิที่ทานคู่กับมัจฉะครับ

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!