ด้วยประชากรไม่ถึงสองหมื่นคน มินาคามิ (Minakami) เป็นเมืองขนาดกะทัดรัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดกุนมะ แต่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวไม่ได้จำกัดเหมือนกับชื่อ ตัวเมืองมีหลายกิจกรรมที่ช่วยให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของญี่ปุ่น รวมไปถึงให้ร่างกายของคุณปลดปล่อยอะดรีนาลินเพื่อลดความเครียดด้วยครับ
แต่ก่อนหน้านั้น เราไปรู้จักกับเมืองมินาคามิกันก่อนครับ
รู้จักเมืองมินาคามิ (Minakami)
มินาคามิเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตชนบทของญี่ปุ่น โดยเป็นเมืองริมทางของทางหลวงมิคุนิ ไคโดะ (Mikuni Kaido) ที่เชื่อมทางหลวงหลักอย่างนากาเซนโดะในกุนมะ และโฮคุริคุโดะในนีงาตะไว้ด้วยกัน
ในช่วงยุคเฮอันเหล่าไดเมียวและบริวาร ตลอดจนเหล่าพ่อค้าและนักเดินทางต่างๆ มักเดินทางผ่านทางหลวงเส้นนี้จากนีงาตะไปยังเมืองทาคาซากิที่อยู่ในทางหลวงหลักนากาเซนโดะ หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังเกียวโตครับ
มินาคามิจึงรุ่งโรจน์ขึ้นมาในฐานะเมืองที่พักนักเดินทาง (แบบเดียวกับเมืองในหุบเขาคิโซะของจังหวัดนากาโน่) และถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้วย ช่วงยุคเซ็นโกกุ เหล่าไดเมียวตระกูลทาเคดะ, อุเอสึกิ และตระกูลซานาดะจึงสัประยุทธ์แย่งชิงพื้นที่ตรงนี้ครับ
อย่างไรก็ดีหลังจากรัฐบาลโชกุนโตกุกาวะได้ก่อตั้งขึ้น โชกุนได้แบ่งพื้นที่ของเมืองเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้ปกครองโดยตรงจากรัฐบาลโชกุน อีกส่วนมอบให้ตระกูลซานาดะไปปกครอง
หลังจากการปฏิวัติเมจิ มินาคามิได้สถานะเป็นหมู่บ้านตามระบอบแบบใหม่ในปี ค.ศ.1889 และได้เป็นเมืองในปี ค.ศ.1947 หลังจากนั้นมินาคามิก็ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของจังหวัดกุนมะครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองมินาคามิทำอย่างไร?
มินาคามินั้นเดินทางไปง่ายมากจากโตเกียว โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
- ชินคันเซน + รถบัส – วิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางไปยังมินาคามิ ขั้นแรกนั้นคุณจะต้องขึ้น Joetsu Shinkansen จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) หรือสถานีอุเอโนะ (Ueno Station) ไปยัง Jomo Kogen Station ในการนั่งจะนั่งขบวน Tanigawa ได้ทุกขบวน ส่วนขบวน Toki ได้แค่บางขบวนเท่านั้น หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสเข้าเมืองมินาคามิครับ
- ชินคันเซน + รถไฟ – อีกหนึ่งวิธีคือนั่ง Hokuriku Shinkansen หรือ Joetsu Shinkansen ไปยังสถานี Takasaki Station หลังจากนั้นก็ต่อรถไฟ local สาย jR Joetsu Line เข้าเมืองมินาคามิครับ
ทั้งสองวิธีสามารถใช้กับเมืองอื่นๆ ที่ชินคันเซนทั้งสองผ่านอย่างเช่น ยูซาวะ (สำหรับ Joetsu Shinkansen) และโทยามะ, คานาซาว่า และคารุอิซาวะ (สำหรับ Hokuriku Shinkansen) ครับ
นอกจากนี้คุณยังสามารถเช่ารถจากในโตเกียว หรือแม้กระทั่งสนามบินนาริตะหรือฮาเนดะแล้วขับไปยังมินาคามิได้เช่นกัน ทั้งนี้มินาคามิห่างจากโตเกียวแค่ประมาณ 140 กิโลเมตร ทำให้ใช้เวลาขับไม่นานครับ
ข้อมูลตรงนี้ผมอ้างอิงจากเว็บ Enjoy Minakami (เว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวมินาคามิ) และ Visit Gunma (เว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวกุนมะ) โปรดตรวจสอบที่ต้นทางอีกครั้งก่อนจอง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ครับ
การสัญจรในเขตเมืองมินาคามิทำอย่างไร?
ในการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเขตเมืองมินาคามินั้น คุณจะต้องพึ่งรถบัสเป็นหลัก ซึ่งคุณสามารถประหยัดได้ด้วยการซื้อ 3-day Pass ในราคา 2,100 เยนที่ Minakami Tourist Association ที่สถานี Jomo Kogen
พาสใบนี้จะครอบคลุมรถบัสที่ให้บริการในเขตมินาคามิทั้งหมดเป็นเวลาสามวันครับ การท่องเที่ยวมินาคามิแนะนำว่าถึงมาเที่ยวแค่วันสองวันก็ควรซื้อ เพราะช่วยให้คุณประหยัดไปมากเลยครับ
ไปเที่ยวมินาคามิช่วงไหนดี?
มินาคามิเป็นเมืองที่เที่ยวได้ทุกฤดู ช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นเป็นช่วงที่เปิดให้คุณเล่นสกีและพายเรือล่องแม่น้ำ รวมไปถึงชมซากุระ ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงที่ตัวเมืองเขียวขอุ่มที่สุดและอากาศดีเหมาะกับการเล่นกิจกรรม adventure ต่างๆ
ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นก็เป็นช่วงเวลาของใบไม้เปลี่ยนสีและเก็บแอปเปิ้ล ส่วนช่วงฤดูหนาวก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเล่นสกี และแช่ออนเซ็นคลายหนาวครับ
ที่พัก
ถ้าคุณยังไม่ได้หาที่พัก ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักมินาคามิดีๆ ของผมเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
1. ยอดเขาทานิกาวะ
ยอดเขาทานิกาวะ (Mt.Tanigawa) เป็นยอดเขาสูง 1,977 เมตรซึ่งตั้งอยู่ที่พรมแดนระหว่างจังหวัดกุนมะและนีงาตะ นักท่องเที่ยวนิยมมาปีนเขากันที่นี่ เพราะทัศนียภาพจากจุดสูงสุดของภูเขานั้นสวยงามมากแทบจะในทุกฤดูครับ แต่ช่วงที่พีคเห็นจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ยอดเขามีหิมะปกคลุม และช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ทั้งหุบเขากลายเป็นสีเหลืองส้มแดงไปทั้งหมดครับ
แต่สำหรับใครที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวย คุณสามารถใช้บริการของกระเช้า Tanigawadake Ropeway ได้ ซึ่งจะนำคุณขึ้นไปยังจุดชมวิว Tenjindaira ภายในเวลา 15 นาทีเท่านั้นเอง จากจุดนี้คุณจะเห็นวิวได้แบบพาโนรามาไม่ต่างอะไรกับการปีนเขาเลยครับ
ค่าบริการและเข้าชม: 3,500 เยน (อ้างอิงจากเว็บทางการของกระเช้า)
2. Tanigawadake Tenjindaira Ski Resort
Tanigawadake Tenjindaira Ski Resort หรือเรียกสั้นๆ ว่าเท็นจิน (Tenjin) เป็นสกีรีสอร์ทอันดับต้นๆ ของจังหวัดกุนมะ โดยตั้งอยู่ที่จุดชมวิว Tenjindaira ของยอดเขาทานิกาวะ และเปิดในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคม
สำหรับลานสกีของที่นี่นั้นจะไม่ได้ยากเหมือนกับชิงะโคเก็นในนากาโน่ที่ใช้จัดโอลิมปิกฤดูหนาวมาแล้ว แต่จะเหมาะสำหรับมือใหม่หรือนักสกีระดับกลางที่มีประสบการณ์มาบ้างเท่านั้นมากกว่าครับ
อย่างไรก็ดีสิ่งที่สกีรีสอร์ทแห่งนี้มีชื่อเสียงคือ backcountry ski ครับ ด้วยธรรมชาติที่สวยงามและสภาพภูมิศาสตร์ที่น่าท้าทาย ทำให้ที่นี่เป็นจุดเล่นสกีแบบ backcountry ในระดับโลก ซึ่งคุณสามารถเล่นได้เช่นกัน แต่ควรจ้างไกด์เพื่อดูแลคุณตลอดทางด้วย เพราะเป็นกิจกรรมที่เกิดอุบัติเหตุได้ครับ
ค่าบริการ: 3,500 เยนต่อวัน (สำหรับค่าเล่นที่ลานสกี) อ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บของสกีรีสอร์ทครับ
นอกจากที่เท็นจินแล้วมินาคามิยังมีสกีรีสอร์ทอีกหลายแห่ง อย่างเช่น Minakami Ski Resort, Hodaigi Ski Resort และ Okutone Snow Park ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้บริการได้ถ้าอยากเล่นในจุดที่แตกต่างออกไปครับ แต่บางจุดนั้นจะเน้นรับผู้เล่นแบบ local ทำให้ไม่ได้มี facilities ที่พร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติครับ
3. ชมทะเลสาบต่างๆ
บริเวณเมืองมินาคามินั้นมีการสร้างเขื่อนหลายแห่งเพื่อเก็บน้ำเอาไว้ใช้ รวมไปถึงป้องกันปัญหาน้ำท่วม ก่อให้เกิดเป็นทะเลสาบสวยๆ หลายแห่ง ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงามครับ ทะเลสาบที่น่าสนใจได้แก่
- ทะเลสาบอะคายะ (Lake Akaya) – ทะเลสาบสุดสวยที่เป็นจุดชมวิวซากุระที่ยอดเยี่ยมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สุดยอดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จากทะเลสาบคุณยังสามารถมองเห็นยอดเขาทานิกาวะได้อีกด้วย
- ทะเลสาบนาระมาตะ (Lake Naramata) – ทะเลสาบที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาพายเรือ รวมไปถึงมาตั้งแคมป์กันในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง
- ทะเลสาบฟูจิวาระ (Lake Fujiwara) – ทะเลสาบที่เกิดขึ้นเพราะการสร้างเขื่อนฟูจิวาระ ที่นี่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชอบพายเรือแคนู และชมใบไม้เปลี่ยนสีครับ
- ทะเลสาบโดเก็น (Lake Dogen) – ทะเลสาบสวยที่ถูกโอบล้อมด้วยป่าบีช ได้รับความนิยมในหมู่คนรักเรือแคนูครับ
4. ล่องแก่งที่แม่น้ำโทเนะ
แม่น้ำโทเนะ (Tone River) เป็นแม่น้ำไหลเชี่ยวที่ผ่านเมืองมินาคามิ เหล่านักท่องเที่ยวจึงมักจะมาทดสอบพลังกายพลังใจของตนเองด้วยการมาล่องแก่งกันที่นี่ ใครที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็สามารถเล่นได้เช่นกัน เพราะว่ามีผู้เชี่ยวชาญคอยกำกับดูแลอยู่บนเรืออยู่แล้วครับ
การล่องแก่งนั้นมีตั้งแต่ 12 กิโลเมตรไปจนถึง 25 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาเล่นครึ่งวันหรือเต็มวัน ค่าบริการจะเริ่มต้นที่ 5,000 เยนสำหรับครึ่งวัน ส่วนเต็มวันอยู่ที่ 16,000 เยนครับ ค่าบริการตรงนี้จะเป็นค่าบริการโดยประมาณ เพราะว่ามีผู้ให้บริการหลายเจ้าครับ
5. โตรกสุวะเคียว
โตรกสุวะเคียว (Suwakyo Gorge) เป็นโตรกที่เกิดจากการกัดเซาะบริเวณภูเขาของแม่น้ำโทเนะ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเดินชมวิวลัดเลาะไปตามโตรกแห่งนี้ เพราะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ยอดเยี่ยม และยังมองเห็นยอดเขาทานิกาวะได้อีกด้วยครับ
6. หมู่บ้านหิ่งห้อยสึคิโยโนะ
หมู่บ้านหิ่งห้อยสิคิโยโนะ (Tsukiyono Firefly Village) เป็นสถานที่ที่มีหิ่งห้อยมากที่สุดในภูมิภาคคันโตในปัจจุบัน โดยจะปรากฏโฉมในคุณชมได้ในช่วงค่ำของช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมเท่านั้นครับ
คุณจะได้เดินไปตามเส้นทางที่ผู้เชี่ยวชาญกำหนดไว้แล้ว และได้ชมแมลงที่มีแสงในตัวเองบินอยู่รอบตัวคุณครับ
7. แช่ออนเซ็น
ท้ายที่สุดหลังจากที่เที่ยวและทำกิจกรรมกลางแจ้งมาเหนื่อยๆ สิ่งที่คุณห้ามพลาดเมื่อมาเยือนที่นี่คือการแช่ออนเซ็นครับ แม้ว่าจะไม่โด่งดังเท่ากับคุซัทสึออนเซ็น หรือ อิคาโฮะออนเซ็น แต่มินาคามิก็มีออนเซ็นรีสอร์ทที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน อย่างเช่น
- Sarugakyo Onsen – ตั้งอยู่ริมทะเลสาบอะคายะ ที่นี่เป็นสถานที่แวะพักยอดนิยมของนักเดินทางมาตั้งแต่อดีต และมีชื่อเสียงมากในเรื่องออนเซ็นกลางแจ้งครับ
- Takaragawa Onsen Osenkaku – ออนเซ็นบรรยากาศสุดยอด ซึ่งคุณจะได้แช่น้ำโดยที่ฟังเสียงของป่าไม้และสายน้ำ ที่จะสวยขึ้นไปอีกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว นอกจากนี้ที่นี่ยังมีออนเซ็นบ่อรวมหญิงชาย แต่ไม่ต้องกังวลเพราะว่าสามารถใส่ชุดอาบน้ำลงได้ครับ
- Tanigawa Onsen – เมืองออนเซ็นในหุบเขามินาคามิที่เงียบสงบ สิ่งที่โดดเด่นไม่เหมือนที่ใดคือที่นี่ถูกโอบกอดด้วยยอดเขาทานิกาวะอันสูงตระหง่านครับ
References
- Enjoy Minakami
- Visit Gunma
- Tanigawadake Offiicial Site