มิโตะ (Mito) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดอิบารากิ จังหวัดเล็กๆที่อยู่ใกล้กับกรุงโตเกียว ซึ่งเมืองมิโตะเองก็เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่นัก โดยมีประชากรประมาณสองแสนกว่าคนเท่านั้น แต่ที่นี่ก็เป็นเมืองที่เงียบสงบ และมีสวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียง ทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนได้ไม่น้อยเลยครับ
บทความนี้จึงจะมาแนะนำเมืองมิโตะให้คุณรู้จักคร่าวๆ ก่อนที่จะไปว่ากันถึงสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองมิโตะ (Mito City)
สำหรับสภาพทางภูมิศาสตร์นั้น เมืองมิโตะตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัดอิบารากิ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำนากะและทะเลสาบเซนบะ ทำให้ตัวเมืองมีแหล่งน้ำมากมาย และมีความอุดมสมบูรณ์ระดับหนึ่ง ส่วนมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร ตัวเมืองจึงไม่ได้ติดทะเล ส่งผลให้ไม่ได้มีสถานะเป็นเมืองท่าตามไปด้วยครับ
ความเป็นมาของมิโตะย้อนไปได้ถึงสมัยเฮอันที่ญี่ปุ่นมีเกียวโตเป็นเมืองหลวง ไดเมียวสายตระกูลไทระคนหนึ่งได้มาสร้างปราสาทขึ้้นที่นี่ในนามปราสาทมิโตะ และตัวเมืองเองก็ได้ขยายโดยมีปราสาทแห่งนี้เป็นศูนย์กลางครับ
หลังจากนั้นมิโตะก็ได้เปลี่ยนมือไปมาอยู่หลายครั้งจนในสมัยเซ็นโกกุก็ได้อยู่ในการปกครองของตระกูลซาเตเกะ (Satake Clan) ตระกูลเล็กที่ไม่ได้เข้มแข็งอะไรนัก
ทว่าตระกูลซากาเอะได้สนับสนุนศัตรูของโตกุกาวะ อิเอยาสึในมหายุทธการแห่งเซกิกาฮาระ ทำให้ตระกูลนี้ถูกทำโทษด้วยการเนรเทศไปปกครองจังหวัดเดวะ (ปัจจุบันคืออาคิตะ) อันเป็นชนบทที่ห่างไกล ส่วนเมืองมิโตะก็ให้โตกุกาวะ โยริฟุซะ หนึ่งในบุตรชายของอิเอยาสึเป็นผู้ปกครองแทน (ส่วนหนึ่งเพราะใกล้กับโตเกียวมากนั่นเองครับ)
ในสมัยเอโดะ มิโตะได้กลายเป็นเมืองปัญญาชน เพราะว่าเป็นที่ตั้งของโคโดะคัง (Kodokan) สถาบันการศึกษาที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ และเป็นที่ตั้งของสถาบันมิโตะ (Mito School) ที่สนับสนุนการศึกษาความรู้และวิทยาการจากชาติตะวันตกครับ
ต่อมาในสมัยเมจิ มิโตะได้กลายเป็นเมืองแห่งแรกๆ ที่ใช้การปกครองรูปแบบใหม่ และได้เป็นเมืองหลวงของจังหวัดอิบารากิ ตัวเมืองเป็นแห่งแรกๆ ที่มีไฟฟ้าและโทรศัพท์ใช้ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้นได้รับความเสียหายยับเยิน เพราะหนึ่งในสี่ของตัวเมืองถูกทิ้งระเบิดจนราบเป็นหน้ากลองครับ
ปัจจุบันมิโตะเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของจังหวัดอิบารากิ เช่นเดียวกับเป็นเมืองที่เงียบสงบที่มีผู้สูงอายุมากมาย โดยสัดส่วนของประชากรในเมืองที่มีอายุมากกว่า 65 ปีนั้นมีถึงเกือบ 30% เลยครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองมิโตะทำอย่างไร?
วิธีการเดินทางไปมิโตะที่ง่ายที่สุดคือเดินทางไปจากโตเกียว ทั้งนี้คุณสามารถนั่งรถไฟแบบ Limited Express หรือรถไฟธรรมดาของ JR Joban Line ก็ได้จากสถานีโตเกียวหรืออุเอโนะไปยังเมืองมิโตะครับ
ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือนั่งรถบัสจากสถานีโตเกียว (Yaesu Exit) ไปยังมิโตะโดยตรง เวลาที่ใช้ย่อมมากกว่ารถไฟ แต่ว่าค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าครับ
ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Visit Ibaraki เว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวจังหวัด อย่างไรก็ดีโปรดตรวจสอบอีกครั้งก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลจะเปลี่ยนได้ตลอดครับ
1. สวนฮิตาชิไคฮินโคเอ็น
สวนฮิตาชิไคฮินโคเอ็น (Hitachi Kaihin Koen) หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Hitachi Seaside Park เป็นสวนดอกไม้ที่ตั้งอยู่บนสันทรายริมทะเล ตัวสวนนั้นปลูกดอกไม้ไว้หลากหลายชนิดที่ให้คุณได้ชมแทบจะตลอดทั้งปีครับ
แต่ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือทุ่งดอก Nemophila สีฟ้าในจุดที่เรียกว่า Miharashi no Oka Hill โดยในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่จะกลายเป็นทุ่งสีฟ้าสุดโรแมนติก ซึ่งมีฝั่งหนึ่งเป็นวิวพาโนรามาของมหาสมุทรแปซิฟิก โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือปลายเมษายนไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมครับ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจในช่วงฤดูใบไม้ผลิคือ Narcissus Garden ที่มีดอก daffodils (ดอกดารารัตน์) สีเหลืองจำนวน 1 ล้านดอกที่ตั้งอยู่ห้อมล้อมต้นไพน์ เกิดไปบรรยากาศที่สวยงามโรแมนติกน่าไปเยือนอย่างยิ่งครับ
นอกจากนี้หรือว่าถ้าคุณอยากได้บรรยากาศแบบยุโรป คุณสามารถไปเยือนสวนทิวลิป Tamago no Mori Flower Garden ที่ทางสวนได้แรงบันดาลใจจากประเทศเนเธอร์แลนด์ครับ
ส่วนในช่วงฤดูร้อนนั้น ที่นี่จะมีสวนดอกไม้อื่นๆ ให้ได้ชมไม่ว่าจะเป็นสวนดอกกุหลาบ สวนดอก Hydrangea สวนดอกป็อปปี้ หรือแม้กระทั่งสวนดอกลาเวนเดอร์ (เหมือนกับที่ฟุราโนะ)
ท้ายที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่ Miharashi Hill จะเปลี่ยนเป็นทุ่ง Kochia สีแดงฉานที่รับกับบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีเป็นที่สุดทั้งนี้คุณสามารถตรวจสอบได้ที่นี่ว่าดอกอะไรกำลังบานให้ชมอยู่ครับ
ด้วยความที่ตัวสวนมีขนาดใหญ่มาก นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยจึงเลือกที่จะเช่าจักรยานเพื่อที่จะได้ชมทุกสวนแบบจุใจโดยที่ไม่ต้องเดินครับ แต่ถ้าคุณไม่อยากขี่ คุณสามารถนั่งรถไฟ Seaside Train (600 เยน) ที่จะจอดตามจุดสำคัญๆ ได้ครับ
ค่าเข้าชม: 450 เยนสำหรับช่วงทั่วไป 800 เยนสำหรับช่วงเดือนเมษายน พฤษภาคม และตุลาคม
สำหรับการเดินทางนั้น คุณสามารถนั่งรถบัสของ Ibaraki Kotsu ไปจากสถานีโตเกียวได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านเมืองมิโตะก่อนครับ
2. สวนไคราคุเอ็น
สวนไคราคุเอ็น (Kairakuen) เป็นหนึ่งในสวนญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศ โดยได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามไม่แพ้สวนเค็นโรคุเอ็นที่เมืองคานาซาว่า ตัวสวนสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยเป็นผลงานของไดเมียวตระกูลโตกุกาวะที่ปกครองที่นี่ หลังจากนั้นที่นี่ก็ได้เป็นสวนสาธารณะหลักของเมืองครับ
ไฮไลท์ของที่นี่คือเทศกาลชมดอกพลัม (ดอกเหมยหรือดอกบ๊วยในภาษาจีน) โดยต้นพลัมที่มีมากกว่า 3,000 ต้นในอุทยานจะออกดอกให้ชมบานสะพรั่งในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมครับ
นอกจากนี้ในตัวสวนยังหลงเหลืออาคารสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่งด้วย อาทิเช่นประตูทางเข้าแบบดั้งเดิมที่รอดพ้นการทิ้งระเบิดช่วงสงครามมาได้ ไปจนถึง Koubun-Tei อาคารไม้สามชั้นที่เป็นวิลล่าที่พักของไดเมียว ซึ่งไดเมียวโตกุกาวะ นาริอากิได้ออกแบบขึ้นด้วยตนเอง (แต่ไม่รอดพ้นการทิ้งระเบิด ที่เห็นในปัจจุบันจึงเป็นการสร้างใหม่ครับ)
ท้ายที่สุดในสวนไคราคุเอ็นยังมีป่าไผ่ที่สวยงามไม่แพ้ที่เกียวโต ซึ่งให้ความสงบร่มเย็นตลอดจนความรู้สึกที่ผ่อนคลาย อันเป็นสิ่งที่ไดเมียวผู้สร้างปรารถนาจะให้เกิดขึ้นครับ
ค่าเข้าชม: 300 เยน
3. โคโดะคัง
โคโดะคัง (Kodokan) เป็นสถานศึกษาขนาดใหญ่ในที่ใช้อบรมนักเรียนนักศึกษาของเหล่าซามูไรและชนชั้นสูงในสมัยปลายสมัยเอโดะ โดยครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงเรียนสอนซามูไรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติเมจิที่ให้ล้มเลิกการสอนแบบเดิมทั้งหมดครับ
หลังจากในเวลานั้น ที่นี่ก็ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมอาคารได้ นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะที่มีดอกพลัมมากมายให้ชมในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิด้วยครับ
4. ชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ
เมืองมิโตะนั้นมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่ง ซึ่งควรค่าต่อการไปเยือนมากถ้าคุณชื่นชอบในประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นครับ ยกตัวอย่างเช่น
- Tokugawa Museum – พิพิธภัณฑ์ที่เล่าประวัติและจัดแสดงโบราณวัตถุที่เกี่ยวเนื่องกับไดเมียวตระกูลโตกุกาวะที่ปกครองที่นี่อย่างยาวนานหลายศตวรรษครับ
- Art Tower Mito – หอคอยสูง 100 เมตรสไตล์ร่วมสมัยที่เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยครับ
- Ibaraki Prefectural Museum of History – พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์หลักของเมืองที่จัดแสดงโบราณวัตถุมากมายที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองมิโตะ
- Museum of Modern Art, Ibaraki – พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมผลงานแนวโมเดิร์นมากมายของจิตรกรทั้งในและนอกญี่ปุ่น ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเซนบะครับ
5. ชิมเนื้อฮิตาชิ
เนื้อฮิตาชิ (Hitachi Beef) เป็นเนื้อวากิวชั้นยอดของจังหวัดอิบารากิที่ได้รับการยกย่องในเรื่องความอร่อย ทั้งนี้คุณสามารถหาร้านทานได้หลายร้านใกล้กับสถานีรถไฟมิโตะ
ด้วยคุณภาพของเนื้อนั้น ไม่ว่าจะทานเป็นสุกี้ยากี้ หรือว่ายากินิคุก็ล้วนแต่อร่อยทั้งสิ้นครับ
References
- Visit Ibaraki
- Hitachi Kaihin Official Site
- Kairakuen Official Site