มิยางิ (Miyagi) เป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะฮอนชู ตัวจังหวัดนั้นร่ำรวยไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ รวมไปถึงธรรมชาติที่สวยงาม
นอกจากนี้ด้วยความที่เซนได (Sendai) เมืองหลวงของจังหวัดเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ทำให้จังหวัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการคมนาคม เศรษฐกิจ และการค้าของภาคไปโดยปริยายครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเที่ยวจังหวัดมิยางิทำอย่างไร?
โดยมากแล้วนักท่องเที่ยวจะเริ่มต้นจากเมืองเซนได เมืองหลวงของจังหวัด ซึ่งคุณสามารถนั่ง Tohoku Shinkansen หรือรถบัสมาถึงได้จากโตเกียวในเวลาไม่กี่ชั่วโมงครับ
หลังจากนั้นจะขึ้นว่าคุณต้องการไปที่ใด ซึ่งส่วนมากแล้วจะมีรถไฟหรือรถบัสที่ช่วยให้คุณเดินทางไปถึงได้ทั้งหมด แต่ถ้าต้องการความสะดวกสบาย การเช่ารถขับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ
ไปเที่ยวมิยางิช่วงไหนดี?
เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่น มิยางินั้นเที่ยวได้ทุกฤดู เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่ว่าคุณต้องการมาชมอะไรในจังหวัด
ถ้ามาชมซากุระก็ต้องช่วงฤดูใบไม้ผลิ ถ้าใบไม้เปลี่ยนสีก็ต้องช่วงฤดูใบไม้ร่วง ถ้าช่วงเทศกาลงานรื่นเริง (อย่างเช่นทานาบาตะ) ก็ต้องฤดูร้อน ส่วนช่วงฤดูหนาวก็จะเป็นการไปเล่นสกีที่รีสอร์ทครับ
ควรซื้อ JR Pass หรือไม่
มิยางิเป็นประตูสู่ภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่น ดังนั้นการซื้อ JR Pass จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าคุณวางแผนจะไปเที่ยวหลายแห่งที่ Tohoku Shinkansen ผ่านครับ ทว่าถ้าคุณจะนอนพักอยู่ที่แห่งใดแห่งหนึ่งนานๆ อย่างเช่นเมืองออนเซ็นเป็นต้น การซื้อ JR Pass อาจจะไม่จำเป็นครับ
อย่างไรก็ดีเนื่องจากในมิยางิและจังหวัดใกล้ๆ ก็มีสถานที่เที่ยวมากมายอยู่แล้ว ผมมองว่าการซื้อ JR Pass ที่ครอบคลุมทั้งประเทศย่อมไม่จำเป็นครับ การซื้อเพียงแค่ JR East Pass (Tohoku Area) น่าจะเพียงพอแล้วครับ
1. เซนได
เซนได (Sendai) เมืองหลวงของจังหวัดมิยางิ ซึ่งถูกปกครองโดยตระกูลดาเตะมานานหลายร้อยปีตั้งแต่ยุคเซ็นโกกุ
ปัจจุบันภายในเมืองยังเหลือสถานที่เที่ยวหลายแห่งที่ให้คุณสัมผัสช่วงเวลาดังกล่าว อย่างเช่นสุสานจุยโฮเด็น (Zuihoden Mausoleum) ที่เก็บร่างของดาเตะ มาซามุเนะผู้ยิ่งใหญ่ หรือ ศาลเจ้าโอซากิ ฮาจิมันกุ (Osaki Hachimangu Shrine) ศาลเจ้าชินโตอันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวเมืองเซนได
นอกจากนี้ยังมีวัดรินโนจิ (Rinnoji) วัดเซนที่มีสวนญี่ปุ่นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศครับ ใครที่ชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมไม่ควรพลาดสถานที่เหล่านี้เลยครับ
ส่วนใครที่ชอบความโรแมนติก คุณควรไปเดินชมบรรยากาศที่ถนนโจเซนจิ (Jozenji-Dori) ที่มีต้นเคยากิเรียงรายกันไปนับร้อยต้น ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคมจะมีการประดับประดาดวงไฟในยามค่ำคืนที่สวยสุดๆไปเลยทีเดียว
แต่ถ้าคุณไปเที่ยวเซนไดในช่วงฤดูร้อน ที่นี่จะมีการจัดเทศกาลทานาบาตะที่สืบเนื่องกันมากว่า 400 ปี และถือว่าจัดได้อลังการที่สุดในประเทศ ดังนั้นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
2. มัตสึชิมะ
มัตสึชิมะ (Matsushima) เป็นเมืองริมทะเลที่ได้รับการยกย่องว่ามีสามสุดยอดทัศนียภาพของญี่ปุ่น โดยทะเลบริเวณนี้เป็นเกาะแก่งรูปร่างแปลกตาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งคุณอาจจะไปชมตามจุดชมวิว หรือว่าล่องเรือก็ได้ครับ
นอกจากนี้มัตสึชิมะยังมีวัดสวยๆ ที่น่าไปเยือนตั้งอยู่ด้วย อย่างเช่นวัดซุยกันจิ (Zuiganji) ที่แม้ว่าจะเล็ก แต่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และมีความเป็นมาเกือบ 1,200 ปีครับ
3. ยอดเขาซาโอะ
ยอดเขาซาโอะ (Mt.Zao) ตั้งอยู่ที่พรมแดนระหว่างจังหวัดมิยางิ และยามากาตะ โดยฝั่งมิยางินั้นเป็นที่ตั้งของกากะออนเซ็น (Gaga Onsen) ส่วนฝั่งยามากาตะก็เป็นซาโอะออนเซ็นนั่นเองครับ
เหล่านักเดินทางสายลุยนิยมเดินทางมาปีนภูเขาซาโอะเพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบ โดยเฉพาะหลุมโอกามะ (Okama Crater) หลุมภูเขาไฟที่มีทะเลสาบสีเขียวตั้งอยู่ วิวตรงนี้จะสวยเป็นพิเศษช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพราะทั้งป่าทั้งหุบเขาจะเปลี่ยนสีหมดเลยครับ
นอกจากนี้ช่วงฤดูหนาว ที่นี่ยังมีปรากฏการณ์จูเฮียว (Juhyo) ที่ต้นไม้มีหิมะปกคลุมหนาแน่นจนดูเหมือนสัตว์ประหลาด และยังมีกิจกรรมฤดูหนาวมากมายให้คุณเล่นได้ที่สกีรีสอร์ทใกล้ๆ อย่างที่ Sumikawa Snow Park หรือ Eboshi Ski Resort ครับ
แต่ถ้ามีในช่วงฤดูใบไม้ผลิ อย่าได้พลาดการนั่งรถผ่าน Zao Echo Line เพราะสองข้างทางของถนนจะมีกำแพงหิมะที่ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้ที่โทยามะเลยครับ
4. นารุโกะออนเซ็น
นารุโกะออนเซ็น (Naruko Onsen) เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดมิยางิ และเป็นที่ตั้งของโตรกนารุโกะ (Naruko Gorge) ที่งดงามไม่แพ้ที่ใดในญี่ปุ่น ตัวโตรกจะงามที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ
ที่ออนเซ็นแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องตุ๊กตาโคเคชิ (Kokeshi) หรือตุ๊กตารูปเด็กสาวชาวญี่ปุ่นที่แสนจะน่ารัก และเป็นของฝากยอดนิยมครับ
5. ทะเลสาบอิซุนุมะ-อุจินุมะ
ทะเลสาบอิซุนุมะ-อุจินุมะ (Izunuma-Uchinuma Lake) เป็นทะเลสาบใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดมิยางิ ในช่วงฤดูร้อนที่นี่จะมีดอกบัวบานทั่วทั้งทะเลสาบ (หรือกว่า 75% เลยครับ) และยังมีห่านอีกนับแสนตัวและนกอื่นๆ อีกมากมายให้ได้ชมกันด้วย
ทั้งนี้คุณสามารถล่องเรือชมดอกบัวได้อย่างใกล้ชิดมาก เพราะฉะนั้นประสบการณ์ที่คุณได้จะไม่เหมือนที่อื่นแน่นอนครับ
6. สวนฮิมะวาริ โนะ โอกะ
สวนฮิมะวาริ โนะ โอกะ (Himawari no Oka, ひまわりの丘) เป็นสวนทานตะวันขนาดยักษ์ใกล้กับเมืองโอซากิ (Osaki) โดยในช่วงปลายเดือนกรกฏาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมจะมีดอกทานตะวันบานมากกว่า 400,000 ดอกด้วยกัน ดังนั้นถ้าคุณมองไปไกลๆ แล้ว คุณจะเห็นดอกไม้บานสะพรั่งไปจนถึงสุดสายตาเลยครับ
นอกจากถ่ายรูปชมวิวแล้ว ที่นี่ยังมีผลิตภัณฑ์ homemade ที่ผลิตจากดอกทานตะวันอีกด้วย อย่างเช่นไอศกรีมและน้ำมันพืชครับ
7. ชิโรอิชิ
ชิโรอิชิ (Shiroishi) เป็นเมืองขนาดเล็กในจังหวัดมิยางิซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทชิโรอิชิ (Shiroishi Castle) ปราสาทสำคัญที่กำหนดชะตาของประเทศในช่วงศตวรรษที่ 19 ครับ
นอกจากนี้ใกล้กับเมืองยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง อย่างเช่นจุดชมวิวซากุระพันต้น (Hitome Senbonzakura) ซึ่งต้นซากุระเรียงรายไปตามแม่น้ำ และมีแนวภูเขาหิมะเป็น background ให้ ทัศนียภาพตรงนี้สวยเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัดมิยางิเลยครับ
ใกล้กับเมืองชิโรอิชิยังมีหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (Zao Fox Village) ที่คุณจะได้สัมผัสสุนัขจิ้งจอกอย่างใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ ใครที่รักสัตว์ไม่ควรพลาดเช่นกัน
8. ภูเขาโทคุเซนโจ
ภูเขาโทคุเซนโจ (Mt.Tokusenjo) เป็นภูเขาสูง 711 เมตรที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งเซนริคุของจังหวัดมิยางิครับ
จุดเด่นคือภูเขาแห่งนี้คือมีต้น azalea เรียงรายกันไปถึง 5,000 ต้น เพราะฉะนั้นในช่วงกลางถึงปลายเดือนพฤษภาคมที่ดอกไม้บาน ตัวภูเขาจะแดงฉานไปทั้งหมดราวกับว่าย้อมสีเลยทีเดียวครับ
แต่กาเข้าชมนั้นยากหน่อยนึง เพราะต้องเดินขึ้นภูเขาไปเองสถานเดียวเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาไรมากนัก เนื่องจากเส้นทางเดินค่อนข้างง่ายครับ(ยกเว้นว่าคุณขี้เกียจเอง 55)
9. อะคิอุออนเซ็น
อะคิอุออนเซ็น (Akiu Onsen) เป็นออนเซ็นสวยที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเซนได นอกจากบ่อน้ำร้อนคุณภาพเยี่ยมให้คุณแช่ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าแล้วนั้น ที่นี่ยังจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิเช่น
- Rairaikyo Gorge – โตรกขนาดเล็ก (ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร) ที่มีหินสวยๆ ตั้งเรียงรายกันไป ที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ
- Akiu Otaki Falls – น้ำตกที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะน้ำตกแห่งนี้สูงถึง 55 เมตร และมีสายน้ำบริสุทธิ์ไหลลงมาตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จะสวยพิเศษเพราะรอบน้ำตกเหมือนกับมีผ้าสีเหลือง สีส้ม และสีแดงพันไว้จากการที่ผืนป่าเปลี่ยนสีครับ
- Akiu Traditional Craft Village – หมู่บ้านที่เป็นถิ่นที่อยู่ของช่างฝีมือชั้นยอดของมิยางิ ซึ่งคุณสามารถมาชมทักษะของพวกเขาได้ เช่นเดียวกับลองเข้าร่วม workshop ลงมือทำของสักชิ้นหนึ่ง (เช้นตะเกียบ) หรือว่าซื้อผลิตภัณฑ์จากไม้กลับไปใช้ที่บ้านได้ด้วยเช่นกันครับ
ที่พัก
อะคิอุออนเซ็นเป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมที่ให้คุณได้แช่ออนเซ็น และสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ถ้าสนใจผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักอะคิอุออนเซ็นเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกที่พักครับ
10. ชิมเมนูพื้นเมือง
มิยางิเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรมอาหารอันกล้าแกร่ง เมนูที่คุณควรลองได้แก่
- ลิ้นวัวย่าง (Gyutan) – สุดยอดเมนูที่มีต้นกำเนิดจากเซนได ใครที่ชอบเนื้อวัวไม่ควรพลาดทุกกรณีครับ เพราะลิ้นวัวย่างของที่นี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ
- อาหารทะเล – แม้ว่าอาจจะไม่ดังเท่ากับฮอกไกโด แต่อาหารทะเลของมิยางินั้นไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอยนางรมคุณภาพเยี่ยมครับ
- ซึนดะโมจิ (Zunda Mochi) – โมจิใส่ถั่วเอดะมาเมะบด เมนูนี้เก่าแก่โดยมีมาตั้งแต่สมัยเอโดะเลยครับ
References
- Visit Miyagi (เว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวจังหวัดมิยางิ)
- Sanbongi
- JNTO
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links หรือหมายความว่าผมจะได้ส่วนแบ่งจากการขายถ้าคุณซื้อสินค้าและบริการผ่านทางลิงค์ดังกล่าวครับ