หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวยุโรป8 ที่เที่ยวมอนเตปุลชาโน่ (Montepulciano) และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด

8 ที่เที่ยวมอนเตปุลชาโน่ (Montepulciano) และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

มอนเตปุลชาโน่ (Montepulciano) เป็นเมืองขนาดเล็กในเขตทัสคานี โดยตัวเมืองอยู่ห่างไม่ไกลจากเซียน่าเท่าไรนัก ที่นี่มีชื่อเสียงมากเพราะตัวเมืองเก่าอยู่ในสภา่พสมบูรณ์ ทุกย่างก้าวที่นี่คุณจะได้รู้สึกเหมือนกับว่าได้ย้อนเวลาไปช่วงปลายยุคกลาง หรือต้นยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) เพราะฉะนั้นใครที่ชอบประวัติศาสตร์หรือศิลปวัฒนธรรมตะวันตก ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักมอนเตปุลชาโน่คร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ

รู้จักมอนเตปุลชาโน่ (Montepulciano)

มอนเตปุลชาโน่เป็นเมืองขนาดเล็กห่างจากเซียน่าไปประมาณ 65 กิโลเมตร ความเป็นมาของเมืองนี้ย้อนไปได้ถึงยุคที่ชาวอีทรัสกัน (Etruscans) ปกครองตอนเหนือของอิตาลี หรือประมาณช่วง 300 ปีก่อนคริสตกาล แต่ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนกับเมืองอย่างอาเรสโซ เมืองในภูมิภาคเดียวกันที่เป็นเมืองหลวงของชาวอีทรัสกันครับ

หลังจากที่ชาวโรมันเข้าปกครองที่นี่ มอนเตปุลชาโน่ได้กลายเป็นเมืองทหารที่คอยคุ้มครองนักเดินทางตามทางหลวงสายหลัก ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความเจริญขึ้นเท่าไรนัก

มอนเตปุลชาโน่
by Umomos/ShutterStock

มอนเตปุลชาโน่เริ่มเจริญขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 8 ในฐานะศูนย์กลางทางศาสนาของชาว Lombards ที่เข้ามาปกครองทางตอนเหนือของอิตาลี หลังจากนั้นตัวเมืองก็เป็นที่แย่งชิงของนครรัฐฟลอเรนซ์และเซียน่า เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ใครได้ครอบครองก็จะมีอำนาจเหนือพื้นที่บริเวณหุบเขาโดยรอบทั้งหมด

ทว่าในปี ค.ศ.1390 มอนเตปุลชาโน่ได้เป็นพันธมิตรของฟลอเรนซ์ และได้ค่อยๆ เสียอำนาจการปกครองตนเองตามลำดับ ก่อนที่จะอยู่ในการปกครองของตระกูลเมดิซีอย่างสมบูรณ์ในเวลาต่อมา ช่วงเวลานี้เองเป็นช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของเมือง เพราะมีการสร้างอาคารอันสวยงามขึ้นมากมาย ซึ่งได้ตกทอดมาจนถึงปัจจุบันครับ

Montepulciano, Italy
by Jarek Pawlak/ShutterStock

หลังจากศตวรรษที่ 19 มอนเตปุลชาโน่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลี และได้กลายเป็นศูนย์กลางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งไร่องุ่นจำนวนมากที่ใช้ผลิตไวน์ แต่อาจจะทำให้หลายคนงงได้ เพราะไม่ได้ผลิตมาจากองุ่นสายพันธุ์มอนเตปุลชาโน่แต่อย่างใด นอกจากนีั้องุ่นสายพันธ์ุมอนเตปุลชาโน่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเมืองมอนเตปุลชาโน่ นอกจากชื่อเหมือนกัน (อ้างอิงจากหลักฐานที่พบในปัจจุบัน) ครับ

มอนเตปุลชาโน่ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นของคนทั่วโลก เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Twilight: New Moon โดยพื้นที่ถ่ายทำส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณ Piazza Grande ครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปมอนเตปุลชาโน่ทำอย่างไร?

มอนเคปุลชาโน่เชื่อมกับเมืองใหญ่อย่างเซียน่าด้วยรถไฟ (Trenitalia) ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาทีครับ สำหรับตั๋วสามารถจองได้ผ่าน Omio ครับ

1. Piazza Grande

Piazza Grande หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Piazza Vittorio Emanuele เป็นจัตุรัสเก่าแก่ที่สร้างขึ้นศตวรรษที่ 15 และยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สวยงามมาก ในบริเวณจัตุรัสนั้นมีพระราชวังเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอยู่หลายหลัง อย่างเช่น

Piazza Grande
by Gabriele Maltinti/ShutterStock
  • Palazzo Comunale – พระราชวังที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ในสไตล์โกธิค ก่อนที่จะได้รับการบูรณะในสมัยศตวรรษที่ 15 โดย Michelozzo สถาปนิกชื่อดังของตระกูลเมดิซี แห่งฟลอเรนซ์ ทำให้หน้าตาเหมือนกับ Palazzo della Signoria อยู่บ้าง ปัจจุบันที่นี่ยังคงใช้เป็นสถานที่ว่าการเมือง แต่ว่ามีหอคอยที่คุณสามารถขึ้นไปชมวิวได้ครับ
Palazzo Comunale
by StevanZZ/ShutterStock

Palazzo Contucci – ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับ Palazzo Comunale ตัววังสร้างโดย Antonio da Sangallo the Older เพื่อเป็นบ้านพักของตระกูล Contucci ที่มั่งคั่งและร่ำรวยในช่วงศตวรรษที่ 16 ด้านในได้รับการตบแต่งอย่างสวยงาม ทำให้จัดว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของยุค Renaissance

Palazzo Contucci
by STEFANO FEI/ShutterStock

ปัจจุบันตระกูลนี้ยังคงครอบครองวังแห่งนี้อยู่ แต่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเช่าเพื่อจัดงานต่างๆ ได้ครับ

Palazzo Tarugi – สร้างในสมัยศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นบ้านพักของชนชั้นสูงอย่างตระกูล Tarugi ตัววังไม่ได้เปิดให้เข้าชม แต่ระเบียงชั้นล่างอาจจะเปิดให้เข้าไปได้ในบางช่วงเวลาครับ

by Dragoncello/ShutterStock

2. Montepulciano Cathedral

Montepulciano Cathedral หรือมหาวิหารหลักของเมืองมอนเตปุลชาโน่ ตัวมหาวิหารตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเมือง เพราะฉะนั้นถ้าได้เดินทางมาที่นี่ คุณจะเห็นตัวเมืองจากมุมสูงอย่างงดงามมากครับ

Montepulciano Cathedral
by RossHelen/ShutterStock

มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16 แต่ตัวมหาวิหารไม่ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์อย่างที่ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นหอคอยหรือด้านหน้า (Facade) จะเห็นว่าดูราบเรียบต่างจากมหาวิหารหลักที่เมืองอื่นๆ ทว่าด้านในก็มีผลงานศิลปะหลายชิ้นที่สวยงาม อย่างเช่น Madonna of the Pillar ที่เป็นผลงานของ Sano di Pietro ครับ

3. Sant’Agostino

Sant’Agostino เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมอนเตปุลชาโน่ที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน โดยสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 13 ก่อนที่จะได้รับการบูรณะใหญ่ในช่วงศตวรรษที่ 15

Sant'Agostino
by StefanoM88/ShutterStock

ตัวโบสถ์มีด้านหน้า (Facade) ที่งดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปั้นมาดอนน่า นักบุญ John the Baptist และ Augustine ซึ่งเป็นผลงานของ Michelozzo di Bartolommeo ครับ

4. ชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ

มอนเตปุลชาโน่มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่น่าสนใจ อย่างเช่น

Museo Civico – ตั้งอยู่ใน Palazzo Neri Orselli ด้านในจัดแสดงโบราณวัตถุเช่นเดียวกับงานศิลปะจากยุคกลางและยุค Renaissance นอกจากนี้ตัวปราสาทที่พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ก็เป็นวังสมัยศตวรรษที่ 14 ซึ่งสร้างขึ้นด้วยแนวศิลปะของเมืองเซียน่าครับ

Museo della Tortura – ตั้งอยู่ใน Palazzo Bellarmino ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์เครื่องทรมานครับ โดยจะจัดแสดงเครื่องทรมานตั้งแต่ยุคกลางไปจนถึงช่วงศตวรรษที่ 18 โดยเครื่องที่น่าสนใจเห็นจะเป็นเตียงตะปู และกิโยตินครับ

5. Temple of San Biagio

Temple of San Biagio เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่นอกเมืองมอนเตปุลชาโน่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 โดย Antonio da Sangallo the Older ตัวโบสถ์สร้างทับโบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ที่นี่มาก่อนหน้าครับ ใกล้กับโบสถ์มีหอระฆังตั้งอยู่ถึงสองแห่ง แต่มีแห่งเดียวที่เสร็จสมบูรณ์

Temple of San Biagio
by Digital signal/ShutterStock

ด้านในโบสถ์อาจจะไม่ได้อลังการสวยงามเหมือนกับโบสถ์อื่นๆ แต่ก็มีภาพเขียนสีเฟรสโกอย่าง Madonna of San Biagio ให้ได้ทัศนาครับ

6. ชมไร่องุ่น

Vino Nobile di Montepulciano เป็นไร่องุ่นเลื่องชื่อของมอนเตปุลชาโน่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วยุโรปและโลก ซึ่งถ้าคุณได้เดินทางมาที่นี่แล้วก็ไม่ควรพลาดโอกาสไปเยี่ยมชมที่นี่สักครั้งครับ

by Stacy Funderburke/ShutterStock

7. รับประทานเมนูพื้นเมือง

อาหารพื้นเมืองเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด ถ้าคุณได้มาเยี่ยมเยือนที่นี่ เมนูอันดันท็อปย่อมเป็นไส้กรอกหรือแฮมที่ทำมาจาก Cinta Senese หมูสายพันธุ์พื้นเมืองของพื้นที่แถบนี้

แต่ถ้าเป็นอาหารจานหลักคงไม่มีอะไรดีไปกว่า pici all’aglione พาสต้าซอสกระเทียม หรือว่าสเต๊กเนื้อวัว Chianina ครับ

8. Bravio Delle Botti

Bravio Delle Botti เป็นเทศกาลที่จัดขี้นในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม โดยเขตเก่าแก่ทั้ง 8 ของเมืองมอนเตปุลชาโน่จะส่งผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 300 คนที่จะกลิ้งถังที่หนักกว่า 80 กิโลเมตรขึ้นภูเขา

เทศกาลนี้มีที่มาย้อนไปได้กว่า 600 ปี ดังนั้นถ้าคุณมีโอกาสไปเที่ยวที่นี่ในช่วงนั้น คุณไม่ควรพลาดชมครับ

References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

Most Popular

error: Content is protected !!