มงเทรอซ์ (Montreux) เป็นเมืองขนาดเล็กที่อยู่ริมทะเลสาบเจนีวา (เช่นเดียวกับโลซานน์) โดยเป็นเมืองตากอากาศที่สำคัญของสวิสเซอร์แลนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักท่องเที่ยวมานานเกือบสองร้อยปีแล้วครับ
จากที่ผมเคยได้ไปเยี่ยมเยือนเมืองนี้มาแล้ว ผมมองว่าเสน่ห์ของที่นี่อยู่ที่ตัวเมืองเก่าที่สวยงดงามตามแบบดั้งเดิม และเมื่อได้ชมควบคู่กับท้องน้ำของทะเลสาบเจนีวา และแนวภูเขาที่ตระการตา คุณจะเห็นภาพได้ในบัดดลว่าความสุขจากการท่องเที่ยวนั้นเป็นอย่างไรครับ
บทความนี้จึงจะนำคุณไปรู้จักกับเมืองมงเทรอซ์คร่าวๆ ก่อนที่จะไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองบริการต่างๆ ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ
รู้จักมงเทรอซ์ (Montreux)
มงเทรอซ์เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตปกครอง Vaud ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศใกล้กับพรมแดนประเทศฝรั่งเศส ตัวเมืองมีลักษณะเป็นเมืองที่ห้อมล้อมด้วยภูเขาฝั่งหนึ่ง ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นทะเลสาบ
นอกจากนี้ตัวเมืองยังได้รับอานิสงส์จากการที่มีอุณหภูมิอบอุ่นกว่าที่อื่น และมีกลิ่นอายเมดิเตอร์เรเนียนอยู่ไม่น้อย ทำให้มงเทรอซ์เป็นศูนย์กลางของย่านที่เรียกว่า Swiss Riviera หรืออีกชื่อว่า Montreux Riviera เลยทีเดียวครับ
ในแง่ของประวัติศาสตร์แล้วนั้น มงเทรอซ์น่าจะมีมนุษย์อาศัยอยู่ตั้งแต่ช่วงยุคสำริดตอนปลาย และได้กลายเป็นเมืองในสมัยโรมัน เพราะว่าตั้งอยู่ใกล้กับทางหลวงสำคัญของจักรวรรดิหลายแห่ง นักโบราณคดีเองก็ได้ค้นพบซากของคฤหาสน์ (วิลล่า) ของชนชั้นสูงโรมันอยู่หลายแห่งด้วยกันครับ
ช่วงศตวรรษที่ 12-13 ได้มีการปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ในเมืองมงเทรอซ์ และในเวลาไม่ช้าก็ได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจของเมือง ส่วนเรื่องการปกครองนั้น มงเทรอซ์อยู่ในการปกครองร่วมของเจ้าชายจากหลายแคว้น โดยมีเจ้าชายแห่งซาวอย (Savoy) แห่งตูรินที่มีอิทธิพลมากที่สุดครับ
ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 16 รัฐเบิร์น (Bern) ได้ฉวยโอกาสที่ซาวอยอ่อนแอเข้ามายึดมงเทรอซ์ไปเป็นเมืองในปกครองของตน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มีความขัดแย้งทางศาสนาอย่างรุนแรงในยุโรป ทำให้ตัวเมืองรับผู้อพยพชาวโปรแตสแตนท์มากมายที่หนีการปราบปรามมาจากอิตาลีครับ
ในช่วงศตวรรษที่ 19 ตัวเมืองได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่ตั้งขึ้นใหม่ และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำอย่างรวดเร็ว โดยดึงดูดชนชั้นสูงจากทั้งยุโรปให้เดินทางไปพักตากอากาศที่นี่ และหลายคนได้เลือกที่จะอยู่ที่นี่เป็นการถาวร หนึ่งในนั้นคือนักแสดงตลกระดับมหาตำนานอย่างชาร์ลี แชปลิน ที่อยู่ในเขตเมืองมงเทรอซ์เป็นเวลานานถึง 25 ปีด้วยกันครับ
ทุกวันนี้มงเทรอซ์ยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ผมเองก็เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่ได้ไปเยี่ยมเยือนเมืองนี้ และรู้สึกประทับใจมากครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปมงเทรอซ์ (Montreux) ทำอย่างไร?
ด้วยระบบรถไฟที่เรียกได้ว่าค่อนข้างจะสมบูรณ์แบบของสวิสเซอร์แลนด์ ทำให้การเดินทางไปมงเทรอซ์จัดว่าง่ายดายและสะดวกสบายจากเมืองใหญ่ของประเทศ แต่เมืองใหญ่ที่ใกล้กับมงเทรอซ์ที่สุดคือโลซานน์ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 25 นาทีเท่านั้นครับ การจองตั๋วและตรวจสอบรอบสามารถทำได้ผ่าน Omio ครับ
ไปเที่ยวมงเทรอซ์ช่วงไหนดี?
มงเทรอซ์เที่ยวได้ทุกฤดูไม่ต่างอะไรกับเมืองอื่นๆ ของสวิสเซอร์แลนด์ ในช่วงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวนิยมไปชมไร่องุ่นคุณภาพสูงที่ใช้ผลิตไวน์คุณภาพดี เช่นเดียวกับชมความสวยงามของทะเลสาบเจนีวา และเดิน hiking ตามเส้นทางต่างๆ ส่วนในช่วงฤดูหนาว ที่นี่มีตลาดคริสตมาสที่ได้รับความนิยม และมีจุดให้เล่นสกีและทำกิจกรรมฤดูหนาวด้วยครับ
1. Chillon Castle
Chillon Castle หรือ Château de Chillon ในภาษาฝรั่งเศสเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และครองตำแหน่งอาคารทางประวัติศาสตร์ที่มีผู้ไปเยี่ยมเยือนมากที่สุดในประเทศอีกด้วย
ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเกาะในทะเลสาบเจนีวา และสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 (เป็นอย่างน้อย เพราะยังระบุเวลาที่สร้างได้ไม่แน่ชัด) โดยใช้ควบคุมและป้องกันเส้นทางคมนาคมทั้งทางบกอย่าง Saint Bernhard Pass ที่เชื่อมกับเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี เช่นเดียวกับเส้นทางน้ำเหนือทะเลสาบเจนีวาครับ
ปัจจุบันตัวปราสาทนั้นเปิดให้เข้าชมได้ โดยคุณจะได้เห็นห้องนอนของผู้ปกครองปราสาทในสมัยศตวรรษที่ 16 อุโมงค์ใต้ดิน กำแพงที่มีภาพเขียนสีอายุหลายร้อยปี ตลอดจนกำแพงและเสาหินจากสมัยยุคกลางที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ครับ ทั้งนี้คุณสามารถเช่าปราสาททั้งหลังเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดอีเวนต์ได้ด้วยครับ
ค่าเข้าชม: 15 CHF
2. Lake Geneva
ทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) หรือ lac Léman ในภาษาฝรั่งเศส เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดในตอนกลางของยุโรป เมืองมงเทรอซ์จับจองพื้นที่ส่วนหนึ่งของทะเลสาบแห่งนี้
ตัวทะเลสาบมีความสวยงามมาก โดยส่วนตัวผมชอบมากกว่าทะเลสาบทูนที่ไปในทริปเดียวกันครับ ทั้งนี้คุณสามารถชมทะเลสาบเจนีวาจากเมืองมงเทรอซ์ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
การล่องเรือ – หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการชมทิวทัศน์ของทะเลสาบแห่งนี้ โดยมีผู้ให้บริการอย่างเช่น CGN ที่พาคุณชมทะเลสาบแห่งนี้ได้อย่างครบถ้วนด้วยเรือกลไฟแบบ Belle Epoque ที่มีอายุร่วมศตวรรษแล้ว แต่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี ทำให้ยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยม และให้บรรยากาศเหมือนเมื่อร้อยปีก่อนเลยครับ
สำหรับเส้นทางที่แนะนำนั้น คุณอาจจะนั่งเรือจาก Montreux ไปยัง Vevey ครับ อันที่จริงคุณจะนั่งไปลงที่เจนีวาก็ได้เช่นกัน แต่จะใช้เวลานานกว่าวิธีทั่วไปอย่างรถไฟครับ
เดินเล่นตามทางเดินริมทะเลสาบ – Quays of Montreux หรือ Quais de Montreux เป็นทางเดินริมทะเลสาบที่มีความยาวถึง 13 กิโลเมตร ซึ่งให้คุณชมทะเลสาบเจนีวาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากวิวสวยๆ ของทะเลสาบแล้วนั้น สองข้างทางจะมีการปลูกต้นปาล์มและดอกไม้ ซึ่งจะผลิดอกให้ชมอย่างงดงามยิ่ง ไม่เพียงเท่านั้นถ้าคุณไปเที่ยวในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน คุณอาจจะเห็นรูปปั้นที่ทำจากต้นไม้ชนิดต่างๆ ตรงทางเดินในย่าน Clarens ไปจนถึง Territet ครับ
ที่จุดหนึ่งของทางเดินริมทะเลสาบจะมีรูปปั้นของชายผู้หนึ่งตั้งอยู่ เขาคือนักร้องวง Queen ชื่อ Freddie Mercury ผู้ที่เคยเดินทางมาเที่ยวที่นี่และรู้สึกประทับใจมาก เขาจึงย้ายมาที่นี่เป็นการถาวร และเปิดสตูดิโอเพื่อทำเพลงจากมงเทรอซ์เป็นเวลานานถึงสิบกว่าปีด้วยกันครับ
3. Rochers-de-Naye
Rochers-de-Naye เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่เหนือจากระดับทะเลประมาณ 2,000 เมตร จากจุดนี้คุณสามารถเห็นทะเลสาบเจนีวา เช่นเดียวกับสุดยอดของ Swiss และ French Alps อย่างเช่นยอดเขาอย่าง Eiger และ Mont Blanc ทำให้ควรค่าต่อการขึ้นไปชมวิวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงตะวันตกดินที่โรแมนติกมากแบบยากที่จะที่ใดมาเปรียบ
นอกจากนี้ด้านบนจุดชมวิวยังมีสวนแบบอัลไพน์ชื่อ Jardin Alpin La Rambertia ซึ่งมีดอกไม้และพืชป่าแบบอัลไพน์ให้ได้ชมและถ่ายรูปอีกด้วยกันถึง 1,000 ชนิดครับ ถ้าคุณไปเยือนที่นี่ในช่วงเดือนธันวาคม ที่นี่จะมีจัดบ้านซานตาคลอส (Santa Claus’ House) ให้คุณได้ถ่ายรูปกับซานต้า และรับของขวัญพิเศษด้วยครับ
วิธีการขึ้นไปนั้นจะนั่งรถไฟฟันเฟือง (Cog Railway) ขึ้นไป ซึ่งแม้ว่ารถไฟอาจจะดูโบราณ แต่ก็ปลอดภัยมาก และสองข้างทางนั้นวิวภูเขา ทุ่งหญ้า และผืนป่านั้นงดงามตระการตาครับ ทั้งนี้ค่ารถไฟเที่ยวเดียวจากมงเทรอซ์จะอยู่ที่ประมาณ 18 ยูโรครับ
4. Vevey
ห่างจากมงเทรอซ์ไปประมาณ 7 กิโลเมตรมีเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวาชื่อว่า Vevey ภายในตัวเมืองมีย่านเมืองเก่าที่มีอายุเกินกว่า 100 ปี ซึ่งมีอาคารสไตล์ยุโรปที่เรียงรายกันไปอย่างสวยงามยิ่ง เช่นเดียวกับน้ำพุและรูปปั้น (บริเวณริมทะเลสาบมีรูปปั้นของชาลี แชปลินตั้งอยู่ เพราะเขาได้ใช้ที่นี่เป็นสถานที่พำนักยาวนานถึง 25 ปีด้วยกันครับ)
ในถนนคนเดินของเมืองก็มีร้านค้าแบบ boutique shop และคาเฟ่อีกจำนวนไม่น้อย ส่วนทุกวันอังคารและเสาร์ของช่วงฤดูร้อน บริเวณจัตุรัสของเมือง (Vevey Grande Place) จะมีตลาดที่คับคั่งที่ขายตั้งแต่ผัก ผลไม้ ไปจนถึงเนื้อสัตว์และชีสที่คุณสามารถไปจับจ่ายสินค้าพื้นเมืองครับ
ห่างจากตัวเมือง Vevey ไปประมาณ 2 กิโลเมตร มีพิพิธภัณฑ์ชื่อ Chaplin’s World ซึ่งตั้งอยู่ในบ้านพักที่ชาลี แชปลินเคยพำนักอยู่ ด้านในจะเล่าถึงชีวิต ประวัติ และบทบาทของเขาที่มีต่อวงการภาพยนตร์ และยังมีโรงภาพยนตร์อันทันสมัยที่ให้คุณได้สัมผัสผลงานอันหลากหลายของดาราตลกผู้นี้ครับ ค่าเข้าชมจะเริ่มต้นที่ 22 CHF
5. Les Pléiades และ Glacier 3000
Les Pléiades เป็นสกีรีสอร์ทที่อยู่ใกล้กับมงเทรอซ์ โดยห่างไปประมาณ 15 กิโลเมตร วิธีการไปที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถไฟไปครับ (จะมีแวะที่ Vevey) ทำให้การเดินทางทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีจากตัวเมืองครับ
ด้านในสกีรีสอร์ทนั้นมีกิจกรรมให้เลือกเล่นมากมาย ตั้งแต่การเล่นสกีทั่วไป ไปจนถึงสกีแบบ cross country, เลื่อนหิมะ, snowshoeing และอื่นๆ อีกมากเลยครับ
สำหรับใครที่มีเวลาเหลือเฟือและอยากได้บรรยากาศที่แตกต่าง คุณอาจจะไปเล่นที่ Glacier 3000 สกีรีสอร์ทที่ห่างจากมงเทรอซ์ไปประมาณ 45 กิโลเมตร ที่นี่มีกิจกรรมมันส์ๆ อาทิเช่นเดินบนสะพานแขวนที่เชื่อมจุดสูงสุดของยอดเขาสองยอด นั่งลากเลื่อนหิมะ (ลากด้วยน้องฮัสกี้) หรือว่าเดินไต่ธารน้ำแข็งครับ
ในส่วนของวิธีการไป Glacier 3000 นั้น คุณจะต้องนั่งรถไฟ GoldenPass ไปลงที่สถานี Gstaad หลังจากนั้นขึ้นรถบัส Glacier 3000 Express ไปที่ Col du Pillon เพื่อขึ้นกระเช้าครับ
6. Lavaux
Lavaux เป็นพื้นที่ปลูกองุ่นและไร่ไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์ โดยได้รับการจัดวางเป็นแบบระเบียงขั้นบันได (Terraces) แสงแดด อุณหภูมิที่เหมาะสม ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์ของภูมิประเทศ ทำให้องุ่นที่ปลูกเจริญงอกงามอย่างดียิ่ง และเป็นวัตถุดิบชั้นยอดสำหรับการผลิตสินค้าหลากหลายรูปแบบครับ
ทั้งนี้ชาวบ้านแถบนี้ได้สืบทอดวัฒนธรรมการปลูกองุ่นมานานหลายร้อยปีแล้ว พื้นที่บริเวณนี้จึงได้กลายเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกอีกด้วย (ขึ้นทะเบียนในปี ค.ศ.2007)
นักเดินทางจำนวนมากนิยมเดิน hiking หรือว่าขี่จักรยานตามเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ (มีให้เลือกตั้งแต่ 2-11 กิโลเมตร) เพื่อชมความสวยงามของไร่องุ่นที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โดยแต่ละเส้นทางนั้นมีทางเดินอย่างดี ทำให้ไม่ต้องพะวงเรื่องรองเท้าจะเละหรือสกปรกแต่อย่างไรครับ
แต่ละไร่นั้นจะมีเครื่องดื่มหรือผลผลิตจากองุ่นชั้นดีให้คุณได้ลองชิม และซื้อเป็นของฝากด้วย เช่นเดียวกับร้านอาหารบรรยากาศดีหลายแห่งที่คุณสามารถไปสัมผัสบรรยากาศอันอบอุ่น และสุดโรแมนติกได้แบบทุกอณูครับ
การเดินทางไปยัง Lavaux ที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถไฟ Train des Vignes ไปจากเมือง Vevey ครับ
7. นั่งรถไฟ GoldenPass
รถไฟ GoldenPass (GoldenPass Train) เป็นรถไฟชมวิวที่เชื่อมระหว่างเมืองมงเทรอซ์ และเมือง Zweisimmen ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ครับ โดยจะมีให้เลือกสองขบวนหลัก ได้แก่ขบวน Panoramic ที่ดูทันสมัยตามแบบรถไฟรุ่นใหม่ในปัจจุบัน และขบวนแบบ Belle Epoque ที่เป็นขบวนแบบ retro ที่มีความเก่า (แต่เร้าใจ)
ทั้งสองขบวนจะวิ่งในเส้นทางเดียวกัน เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่ว่าคุณจะอยากได้ขบวนสไตล์ไหนเท่านั้นเอง ทั้งนี้ตอนที่ผมไป ผมนั่งขบวนแบบ Panoramic ครับ
เสน่ห์ของการนั่งรถไฟขบวนนี้คือวิวของสองข้างทางที่จะผ่านทุ่งหญ้าที่มีบ้านสไตล์ Chalet ของชาวสวิสอยู่ประปราย นอกจากนี้ในช่วงที่ใกล้กับเมืองมงเทรอซ์ คุณจะได้เห็นทะเลสาบเจนีวาอย่างชัดเจนอีกด้วย
8. เทศกาลต่างๆ
มงเทรอซ์นั้นมีเทศกาลต่างๆ หลายรายการที่น่าสนใจ อาทิเช่น
- ตลาดคริสตมาส – ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี เมืองมงเทรอซ์จะมีการจัดตลาดคริสตมาสขึ้นที่ริมทะเลสาบเจนีวา แม้ว่าอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าที่มิวนิค แต่ก็มีร้านรวงเข้าร่วมถึง 150 แห่งตามระยะทางริมทะเลสาบเจนีวากว่า 1 กิโลเมตร โดยคุณสามารถหาอาหารและเครื่องดื่มอร่อยๆ มารับประทาน เทศกาลนี้ได้รับความนิยมมากในหมู่ชาวสวิสครับ
- Jazz Festival – เทศกาลดนตรี Jazz ที่มีนักดนตรีระดับต้นๆ ของโลกที่มาเปิดการแสดงที่นี่ เทศกาลนี้จัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปีครับ
References
- My Switzerland – Montreux Article
- Montreux Riviera
- Commune de Montreux
- Glacier 3000
- Montreuxnoel
- Montreux Jazz Festival
- Chaplin’s World Official Site