ประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่คนไทยนิยมไปท่องเที่ยวอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมืองใหญ่ๆ อย่างเช่นโตเกียวและโอซาก้า (Osaka) แต่หลังจากที่ได้เดินทางไปทั้งสองเมืองแล้วก็อยากจะไปเมืองอื่นๆ ต่อไป เพื่อที่จะได้ซึมซับบรรยากาศเมืองสวยๆ และธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่นบ้าง
ดังนั้นในโพสนี้ ผมจึงจะมารวบรวมเมืองสวยๆ ในญี่ปุ่นทั้ง 4 เกาะใหญ่มาให้ทุกคนได้ชมกันครับว่ามีที่ไหนบ้าง
เมืองสวยๆ ในเกาะฮอนชู (Honshu)
เกาะฮอนชูเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นทั้งศูนย์กลางการปกครองและเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เมืองสวยๆในเกาะฮอนชูมีดังต่อไปนี้ครับ
เนื่องจากญี่ปุ่นมีการคมนาคมที่ยอดเยี่ยม ทำให้การเดินทางไปเมืองเหล่านี้ง่ายดายและสะดวกสบายมาก
1. นิกโก้ (Nikko)
นิกโก้เป็นเมืองขนาดเล็กที่อยู่ตรงกลางของเกาะฮอนชูพอดิบพอดี ตัวเมืองถือว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธและชินโต ทำให้มีผู้มาแสวงบุญมากมาย
ความสวยงามของเมืองนี้นั้นอยู่ที่ทะเลสาบชูเซ็นจิ ยอดเขาหนานไต รวมไปถึงทะเลสาบ ภูเขาไฟ ที่ราบสูง และออนเซ็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park) สถานที่เหล่านี้เป็นจุดชมดอกไม้ที่สวยมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ
นอกจากนี้เมืองนิกโก้ มีวัดและศาลเจ้าที่ยิ่งใหญ่สวยงามอย่างเช่น ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) ที่เก็บรักษาร่างของโตกุกาวะ อิเอยาสึอีกด้วย ทำให้ถ้าคุณมาที่นี่จะได้ชมทั้งธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมไปในคราวเดียวครับ
สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวเมืองนี้ สามารถอ่านบทความสถานที่ท่องเที่ยวในนิกโก้ หรือ ที่พักดีๆ ในนิกโก้ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ
2. นารา (Nara)
นาราเป็นเมืองหลวงอันเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น ย้อนไปได้ถึงสมัยต้นยุคกลางเลยทีเดียว ความสวยงามของเมืองนี้อยู่ที่วัดวาอารามรวมไปถึงพระราชวังอันเก่าแก่ยุคศตวรรษที่ 8 ซึ่งเป็นต้นแบบขอศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่สืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ครับ
แต่สำหรับไฮไลท์ของเมืองนี้คือสวนนารา (Nara Park) ที่มีกวางอันแสนน่ารัก และคุ้นเคยกับมนุษย์เดินเล่นไปมาอย่างอิสระ และไม่เพียงเท่านั้นเพราะในสวนยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่คุณสามารถทำร่วมกับกวางอย่างปลอดภัยอีกด้วยครับ
3. คามาคุระ (Kamakura)
คามาคุระเป็นเมืองริมทะเลที่มีสัญลักษณ์เป็นองค์พระนั่งขนาดใหญ่อย่างไดบุสึ (Daibutsu) ที่เป็นทั้งสัญลักษณ์ของเมืองและประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ถ้ามีโอกาส คุณควรเดินทางมาเยี่ยมชมสักครั้งหนึ่งครับ
นอกเหนือจากนี้แล้วนั้น ในวันฟ้าใส คุณยังสามารถชมภูเขาไฟฟูจิจากเมืองคามาคุระอีกด้วย แถมธรรมชาติใกล้กับตัวเมืองยังสวยงามและอุดมสมบูรณ์มาก นักท่องเที่ยวเองก็นิยมมาเดินและปีนเขาตามเส้นทางต่างๆ แต่ถ้าสนใจก็ควรตรวจสอบให้ดีก่อน เพราะบางเส้นทางได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นไม่นานมานี้ครับ
4. ฮาโกเน่ (Hakone)
ฮาโกเน่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น และเป็นจุดชมภูเขาไฟฟูจิที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ไม่เพียงเท่านั้นฮาโกเน่ยังมีทะเลสาบที่สวยงามอย่างทะเลสาบอาชิ หรือหุบเขาโอวาคุดานิ ซึ่งปล่อยไอร้อนออกมาอีกด้วย
นอกจากนี้ตัวเมืองยังมีปราสาทและสวนสวยๆ อีกหลายแห่ง ซึ่งผสมผสานกับธรรมชาติของเมืองอย่างลงตัว โดยรวมแล้วถือว่าอีกเมืองที่น่าสนใจมาก และไม่ควรพลาดเลยครับ
5. เกียวโต (Kyoto)
เกียวโตเป็นอีกหนึ่งเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น และเป็นที่พำนักของจักรพรรดิญี่ปุ่นมานานกว่าหนึ่งพันปีตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 8-19 ก่อนที่เมืองหลวงจะย้ายไปที่โตเกียวในปัจจุบันครับ
ด้วยความที่เป็นเมืองหลวงมาอย่างยาวนาน เกียวโตจึงร่ำรวยไปด้วยศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมอันดั้งเดิมของญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นถ้าคุณชอบชมวัด ศาลเจ้า พระราชวังอันสวยงามอลังการ พร้อมกับศึกษาประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ไปด้วยนั้น ผมมองว่าไม่มีเมืองไหนในญี่ปุ่นที่จะให้คุณได้มากกว่าเกียวโตครับ
6. ฮิดะ-ทาคายาม่า (Hida-Takayama)
ฮิดะ-ทาคายาม่า หรือเรียกสั้นๆ ว่าทาคายาม่าเป็นเมืองที่ถูกห้อมล้อมไปโดยแนวเขาฮิดะ จุดเด่นของเมืองนั้นอยู่ที่ศาลเจ้า วัดวาอาราม และบ้านเรือนสมัยศตวรรษที่ 18 ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากเพราะได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี
คุณสามารถสวมใส่ชุดพื้นเมือง และเดินเล่นที่ตลาดริมแม่น้ำ เยี่ยมชมโรงเตี๊ยมสไตล์ญี่ปุ่นได้ครับ
7. คานาซาว่า (Kanazawa)
คานาซาว่าเป็นเมืองไม่กี่แห่งที่รอดพ้นการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ดังนั้นตัวเมืองเก่ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์และสวยงามเหมือนกับในอดีต ภายในเมืองมีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง ตั้งแต่วัดวาอารามไปจนถึงย่านซามูไรและเกอิชา รวมไปถึงสวนสวยๆ และคลองสมัยเอโดะที่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
โดยรวมแล้วถ้าคุณอยากเยี่ยมชมเมืองสวยๆ สไตล์ญี่ปุ่นที่ยังหลงเหลือของเดิมให้ได้ชม คานาซาว่าเป็นตัวเลือกที่คุณควรพิจารณาครับ
8. เซนได (Sendai)
เซนไดเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู และเป็นเมืองที่มีต้นไม้ที่สวยงามมาก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเมืองจะมีสวนสวยๆ ที่มีชื่อเสียงและสวยงามมาก ใครที่ชอบเดินชมสวนสาธารณะ เมืองนี้ถือว่าน่าไปเที่ยวมากเลยครับ
จุดที่สวยและมีชื่อเสียงที่สุดน่าจะเป็นถนนโจเซ็นจิโดริที่แม้ว่าจะเป็นถนนช้อปปิ้ง แต่ก็มีต้นไม้เรียงรายกันไปอย่างสวยงามและดูโรแมนติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางคืนของฤดูหนาวที่จะมีการประดับประดาตัวต้นไม้ด้วยแสงไฟ ทำให้ยิ่งสวยกว่าเดิมไปอีกครับ
9. ฮิเมจิ (Himeji)
ฮิเมจิเป็นอีกเมืองที่น่าสนใจมากสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่น ตัวเมืองนั้นมีไฮไลท์อยู่สองแห่ง นั่นคือปราสาทฮิเมจิ ปราสาทสีขาวอันสวยงามที่ดูราวกับว่าเป็นปราสาทในตำนานปรัมปราโบราณ
ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือต้นซากุระกว่าพันต้นที่รอบล้อมปราสาท ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นจะเปลี่ยนบริเวณปราสาทให้งดงามเหมือนกับสรวงสวรรค์เลยทีเดียวครับ
10. ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
อันที่จริงแล้วชิราคาวาโกะนั้นไม่ใช่เมือง แต่เป็นหมู่บ้านเสียมากกว่า แต่ตัวหมู่บ้านนั้นได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกอีกด้วย ดังนั้นการท่องเที่ยวที่นี่จึงได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวครับ
ตัวหมู่บ้านนั้นถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา และมีบ้านและฟาร์มทรงญี่ปุ่นที่มีอายุ 100-300 ปีอยู่หลายหลัง ทำให้บรรยากาศของหมู่บ้านนั้นสวยงามสุดๆ ไปเลยทีเดียวครับ
นอกจากนี้ในหมู่บ้านยังมีขายสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารชั้นเลิศจากฟาร์ม หรือว่าของที่ระลึกที่ทำจากไม้ชั้นดีครับ
11. คารุอิซาวะ (Karuizawa)
คารุอิซาวะเป็นเมืองรีสอร์ทยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น ซึ่งนิยมมาเดินเล่น ปีนเขา และทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ อดีตจักรพรรดิอากิฮิโตก็เคยพบกับอดีตจักรพรรดินีมิจิโกะที่เมืองแห่งนี้ครับ ทำให้นับตั้งแต่บัดนั้นตัวเมืองมีชื่อเสียงเรื่องความโรแมนติกไปด้วย
ตัวเมืองมีบรรยากาศดีมาก เพราะมีทั้งลำธารที่ใสสะอาด ป่าไม้ที่อุดมไปด้วยนกนานาชนิด น้ำตกที่มีสายน้ำหลั่งไหล รวมไปถึงแนวทิวเขาอันยิ่งใหญ่ครับ
เมืองสวยๆ ในเกาะคิวชู (Kyushu)
คิวชูเป็นเกาะที่อยู่ทางใต้สุดในบรรดาเกาะใหญ่ทั้งสี่ของญี่ปุ่น ตัวเกาะมีธรรมชาติที่สวยงาม (โดยเฉพาะภูเขาไฟ) เช่นเดียวกับวัฒนธรรมผสมผสานญี่ปุ่น-ต่างชาติที่โดดเด่น เพราะเป็นเมืองที่รับพ่อค้าชาวต่างชาติมาอย่างยาวนานครับ
12. คาโกะชิมา (Kagoshima)
คาโกะชิมาเป็นเมืองในเกาะคิวชูที่มีความโดดเด่นมาก เพราะตัวเมืองตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟซากุระจิมา ภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับว่าผุดขึ้นมากลางคาบสมุทรเสียอย่างนั้น แถมตัวภูเขาไฟยังไม่ได้สงบอีกด้วย (ปะทุแรงที่สุดในญี่ปุ่น)
วันดีคืนดีตัวภูเขาไฟก็จะพ่นควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาจากยอดให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวอกสั่นขวัญแขวนกันครับ
นอกเหนือจากภูเขาไฟแห่งนี้แล้ว คาโกะชิมายังมีสถานที่เที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ อย่างเช่นบ้านซามูไร หรือสวนสไตล์เซนอย่าง เซนกันเอนครับ
13. เบบปุ (Beppu)
เบบปุเป็นเมืองแห่งน้ำพุร้อน ดังนั้นทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยออนเซ็นมากมายถึง 3,000 แห่งให้คุณได้แช่น้ำร้อนเพื่อผ่อนคลายความเครียด นอกจากนี้ยังมีวิวสวยๆ ของบ่อร้อนและภูเขาไฟยุฟุให้ได้ชมอีกด้วยครับ ดังนั้นถ้าคุณเดินทางมาคิวชู เมืองนี้ถือว่าพลาดไม่ได้เลยทีเดียว
14. คุมาโมโตะ (Kumamoto)
คุมาโมโตะเป็นเมืองขนาดเล็กอันเงียบสงบในคิวชูที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ทำให้เหมาะต่อการมาพักผ่อนไม่น้อย นอกจากนี้ตัวเมืองยังมีปราสาทแบบญี่ปุ่นที่สมบูรณ์มากอย่างปราสาทคุมาโมโตะให้ได้ชมกันด้วยครับ
ใกล้กับตัวเมืองคือภูเขาไฟอะโสะ ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงาม เพราะตัวภูเขาไฟรายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ ถ้าได้ชมวิวที่จุดนี้ ผมบอกได้เลยว่าคุณจะประทับใจอย่างมากเลยครับ
15. นางาซากิ (Nagasaki)
นางาซากิเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่เป็นเมืองท่าที่ญี่ปุ่นใช้ค้าขายกับชาวตะวันตกมานานหลายร้อยปี ตัวเมืองมีประวัติศาสตร์ที่น่าเจ็บปวดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะเป็นหนึ่งในสองเมืองที่โดนทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ครับ
ดังนั้นสิ่งก่อสร้างเดิมก่อนสงครามนั้นจึงแทบไม่เหลือในเมืองแห่งนี้ แต่ตัวเมืองก็ยังสวยตามธรรมชาติเพราะปากอ่าวของเมืองนั้นเว้าแหว่ง ซึ่งถ้าคุณขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงแล้ว วิวของเมืองนี้จะสวยมากเลยทีเดียว
นอกจากนี้ถ้าคุณมีเวลา การเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์อย่าง Nagasaki Atomic Bomb Museum ที่เล่าเรื่องของวันที่ตัวเมืองทิ้งระเบิดจัดว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
เมืองสวยๆ ในเกาะฮอกไกโด (Hokkaido)
ฮอกไกโดเป็นเกาะที่หลายคนชื่นชอบเป็นอันดับต้นๆ เพราะธรรมชาติที่สวยงาม อากาศที่หนาวเย็น ฟาร์มอันกว้างใหญ่ บรรยากาศของหลายๆ เมืองบนเกาะนี้จึงโรแมนติกมากเหมาะสำหรับคู่รักครับ
16. ซัปโปโร (Sapporo)
ซัปโปโรเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเกาะฮอกไกโดและมีชื่อเสียงมากเพราะเทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดถูกจัดขึ้นที่นี่ นอกจากเทศกาลดังกล่าวแล้ว ใกล้กับตัวเมืองยังมีภูเขา ป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ ไปจนถึงฟาร์มอันสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วยครับ
อีกหนึ่งทีเด็ดที่พลาดไม่ได้ก็คืออาหารญี่ปุ่นในเมืองที่มีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิโซะราเมงที่ได้รับการยกย่องว่าอร่อยที่สุดสูตรหนึ่งของญี่ปุ่นครับ
17. ฟูราโนะ (Furano)
ฟูราโนะเป็นเมืองที่คุณห้ามพลาด ถ้าคุณชอบดอกไม้ เพราะที่นี่มีฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm) ฟาร์มดอกลาเวนเดอร์ที่จะบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่งในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี เปิดโอกาสให้คุณได้ถ่ายรูปสวยๆ และลองชิมอาหารและของว่างแสนอร่อยอย่างเช่นไอศกรีมที่ทำมาจากวัตถุดิบจากฟาร์มครับ
18. บิเอะ (Biei)
บิเอะเป็นเมืองสวยอีกแห่งหนึ่งที่เที่ยวได้แทบจะทุกฤดู เพราะซากุระจะบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้อื่นๆ จะบานในช่วงฤดูร้อน ส่วนฤดูใบไม้ร่วงนั้นใบไม้เปลี่ยนสี และปิดท้ายด้วยหิมะที่จะโปรยปรายลงมาในช่วงฤดูหนาวครับ
ไฮไลท์ของบิเอะอยู่ที่สระชิโรกาเนะ (Shirogane) ที่มีน้ำสีน้ำเงินสวยเพราะมีแร่ธาตุมากมายในนั้น ล้อมรอบสระนั้นจะมีป่าไม้อันสมบูรณ์ที่ใบไม้ของแต่ละต้นจะเปลี่ยนไปในทุกๆ ฤดู ทำให้วิวของที่นี่สวยทุกฤดูเลยครับ
19. ทาคิโนเอะ (Takinoue)
ทาคิโนเอะเป็นเมืองขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับซัปโปโร ไฮไลท์ของเมืองนี้คือสวนดอกชิบะซะกุระ หรือมอสสีชมพู (Pink Moss) ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่มากถึง 10,000 ตารางเมตร ทำให้ทั้งทุ่งกลายเป็นสีชมพู สีม่วง และสีขาวอันสวยงามไปแทบทั้งหมด ถ้าใครชอบดอกไม้ ที่นี่จึงเป็นอีกที่นี่ที่ต้องไปให้ได้ครับ
ข้อเสียของที่นี่มีอยู่อย่างเดียวคือไม่มีรถไฟเชื่อมต่อกับซัปโปโรเลยครับ ทำให้วิธีการเดินทางไปค่อนข้างยาก
20. โอตารุ (Otaru)
โอตารุเป็นอีกหนึ่งเมืองสวยของเกาะฮอกไกโด ตัวเมืองมีสถานที่น่าสนใจทั้งด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติ เริ่มต้นด้วยถนนเลียบคลองที่สะท้อนถึงความเป็นเมืองท่าอันเก่าแก่ของเมือง ไปจนถึงสวนสาธารณะที่มีดอกซากุระบานสะพรั่งครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองนี้คือลองชิมอาหารทะเล เพราะว่าสดมาก และราคายังไม่แรงจนเกินไปอีกด้วย
เมืองสวยๆ ในเกาะชิโกกุ (Shikoku)
เกาะชิโกกุเป็นเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวน้อยที่สุดในบรรดา 4 เกาะหลักของญี่ปุ่น แต่ไม่ได้แปลว่าที่นี่จะไม่มีอะไรเที่ยว ตัวเกาะนั้นมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ และนาข้าวตามแนวเขาที่แสดงถึงวิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองได้เป็นอย่างดีครับ
21. คามิคัตสึ (Kamikatsu)
คามิคัตสึเป็นเมืองขนาดเล็กที่มีภูเขาอันเขียวชอุ่มเรียงต่อๆ กันไป ความสวยและโดดเด่นของที่นี่นั้นอยู่ที่นาข้าวตามเนินเขาเป็นขั้นบันไดที่ชาวนาญี่ปุ่นได้ลงกล้าไปจนถึงเก็บเกี่ยวและได้มาซึ่งข้าวญี่ปุ่นชั้นยอดครับ
ตัวเมืองนั้นเป็นเมืองต้นแบบเรื่อง Zero Waste ของญี่ปุ่น ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าอากาศที่เมืองนี้จะสดชื่น และบริสุทธิ์อย่างมากเลยครับ
22. โมโตยามา (Motoyama)
โมโตยามานั้นเป็นเมืองเก่าแก่ที่พบประวัติว่าชาวญี่ปุ่นได้เริ่มปลูกข้าวที่นี่ย้อนไปได้ถึงช่วง 300 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งชนรุ่นหลังก็ได้ปลูกข้าวในหุบเขาและตามขั้นบันไดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถ้ามองจากมุมสูงแล้วจะเป็นภาพที่สวยงามมากเลยทีเดียว
ถ้าคุณชอบเมืองในญี่ปุ่นที่ไม่วุ่นวาย อากาศดี และมีธรรมชาติที่เงียบสงบ ที่นี่ก็ถือว่าน่าสนใจมากครับ