เมียวโกะ (Myoko) หรือเมียวโกะซัง (Myoko-san, 妙高山) เป็นภูเขาไฟชื่อน่ารักที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนีงาตะในภูมิภาคชุบุของประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นของที่นี่คือมีหิมะตกมากมายในช่วงฤดูหนาว ทำให้ทั่วบริเวณมีแต่หิมะนุ่มๆ กลายเป็นแดนสวรรค์ของนักเดินทางที่หลงรักในกิจกรรมฤดูหนาวอย่างเช่นสกีหรือสโนว์บอร์ดครับ
นอกเหนือจากสกีรีสอร์ทแล้ว เมียวโกะซังยังมีสถานที่เที่ยวและจุดสวยอีกหลายแห่ง ความสวยงามของที่นี่นั้นไม่แพ้อุทยานที่มีชื่อเสียงและดังกว่าอย่างคามิโคจิเลยครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปยังเมียวโกะทำอย่างไร
นักเดินทางส่วนใหญ่จะเดินทางไปเมียวโกะจากโตเกียว โดยมีวิธีให้เลือกดังต่อไปนี้ครับ
- ชินคันเซน – นั่ง Hokuriku Shinkansen ไปลงที่เมืองนากาโน่ (Nagano City) หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟ Kita-Shinano Line ของ Shinano Railway ไปลงสถานี Myoko Kogen ครับ ท้ายที่สุดคุณอาจจะต้องนั่งรถบัสหรือแท็กซี่ไปยังโรงแรมที่คุณจองไว้ วิธีนี้น่าสนใจสำหรับใครที่ซื้อ Japan Rail Pass มาแล้วครับ
- Nagano Snow Shuttle – บริการรถบัสที่นำคุณจากสนามบินฮาเนดะและนาริตะไปยังเมียวโกะ (Myoko Kogen) ทำให้สะดวกสบายอย่างมาก (มีแวะพักหรือเปลี่ยนรถสั้นๆ 1 ครั้งในนากาโน่) นอกจากนี้ถ้าคุณไปเที่ยวฮาคุบะ ผู้ให้บริการยังมีรถบัสรับส่งระหว่างเมียวโกะและฮาคุบะอีกด้วยครับ ส่วนราคาจะอยู่ที่ 12,000-13,200 เยนสำหรับตั๋วเที่ยวเดียวจากฮาเนดะ/นาริตะไปยังเมียวโกะ
- Myoko Shuttle – อีกผู้ให้บริการรถบัสไปกลับเมียวโกะจากสนามบินฮาเนดะและนาริตะในโตเกียว ราคาจะอยู่ที่ 10,000 เยนต่อเที่ยว ซึ่งถูกกว่า Nagano Snow Shuttle แต่มีข้อเสียคือรถจะวนไปรับผู้โดยสารที่ฮาเนดะหลังจากนาริตะ (ขากลับก็ไปส่งที่ฮาเนดะก่อนเช่นกัน) ดังนั้นจะใช้เวลาเดินทางมากกว่าครับ
- แท็กซี่ – คุณสามารถนั่งแท็กซี่จากโตเกียวไปยังเมียวโกะได้ แต่ค่าใช้จ่ายนั้นสูงมาก (เริ่มต้นที่ 80,000 เยนจากฮาเนดะ) ดังนั้นผมไม่แนะนำครับ
- เช่ารถขับ – การเช่ารถจากโตเกียวนั้นทำได้ไม่ยากและราคาไม่แพง โดยเมียวโกะอยู่ห่างจากโตเกียว 266 กิโลเมตร ทำให้ใช้เวลาขับไม่นานนัก แต่ถ้าคุณวางแผนจะไปที่นี่ในช่วงฤดูหนาว คุณอาจจะต้องเสียค่าอุปกรณ์เพิ่มครับ (ยางสำหรับวิ่งในพื้นหิมะ ฯลฯ) นอกจากนี้ทางเว็บไซต์ทางการยังแนะนำให้เช่ารถ 4WD เพื่อความปลอดภัยครับ
สำหรับการเดินทางภายในบริเวณเมียวโกะ คุณสามารถใช้รถบัสได้ โดยสามารถดูรอบและหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากลิงค์นี้ครับ (อย่าลืมเปลี่ยนเป็น Winter Resort Buses ถ้าคุณไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวครับ) ส่วนแท็กซี่ก็มีให้บริการเช่นกัน แต่ก็เหมือนที่อื่นนั่นคือแพงหูฉี่
ข้อมูลต่างๆ อ้างอิงจากเว็บไซต์ Myoko Tourism (เว็บไซต์ทางการ) ข้อมูลตรงนี้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่เว็บนี้อีกครั้งก่อนออกเดินทางครับ
ไปเที่ยวเมียวโกะช่วงไหนดี
ช่วงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือช่วงฤดูหนาว เพราะสกีรีสอร์ทของที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ช่วงอื่น (Green Season) นั้นก็เป็นช่วงที่ดีสำหรับการมาเที่ยวที่นี่เช่นกัน เพราะเมียวโกะซังมีสถานที่ชมซากุระ และใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามมากครับ
Tips
เนื่องจากเมียวโกะอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคชุบุ อย่างเช่น ฮาคุบะ โนริคุระ คามิโคจิ มัตสึโมโตะในจังหวัดนากาโน่หรือแม้กระทั่งทาคายาม่าและหมู่บ้านชิราคาวาโกะในจังหวัดกิฟุ รวมไปถึงกำแพงหิมะทาเตยามะของจังหวัดโทยามะด้วย ดังนั้นถ้าคุณมีเวลา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเช่ารถขับ) คุณสามารถไปทุกแห่งในทริปเดียวได้ครับ
ที่พัก
สำหรับใครที่ยังไม่ได้จองที่พักในเมียวโกะ ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักเมียวโกะของผมเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
1. เล่นกิจกรรมฤดูหนาวที่สกีรีสอร์ท
เมียวโกะนั้นมีสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงอยู่ 4 แห่งด้วยกัน ซึ่งแต่ละแห่งคุณสามารถทำกิจกรรมฤดูหนาวได้แทบทุกรูปแบบที่คุณจะนึกออก ตั้งแต่สกี สโนว์บอร์ด เดินป่ากลางหิมะ (พร้อมคนนำทาง) สโนว์โมบิล ฯลฯ และถ้าคุณยังเล่นไม่เป็น ที่นี่ก็มีบริการสอนให้อีกด้วย
สกีรีสอร์ททั้ง 4 ประกอบด้วย
- Atakura Kanko Ski Resort
- Atakura Onsen Ski Resort
- Myoko Sukinohara Ski Resort
- Ikenotaira Onsen Ski Resort
เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย คุณสามารถซื้อ All-Mountain Pass ได้ในราคา 7,000 เยน ซึ่งจะรวมค่าเข้าทั้งหมดของสกีรีสอร์ททั้ง 4 แห่งเป็นเวลา 1 วันครับ ส่วนถ้าซื้อแยก ราคาจะอยู่ที่ 3,800-5,300 เยนต่อวัน ดังนั้นถ้าคุณมั่นใจว่า คุณตั้งใจจะเข้ามากกว่า 1 แห่งแน่ๆ all-mountain pass จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าครับ
2. ชมภูเขาไฟเมียวโกะ
ภูเขาไฟเมียวโกะ (Mt.Myoko) เป็นไฮไลท์ของบริเวณนี้ ภูเขาไฟแห่งนี้จะต่างกับภูเขาไฟอื่นๆ ในญี่ปุ่น นั่นคือได้ดับสนิทไปแล้วครับ ความสวยงามของเมียวโกะซังทำให้ได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
ด้วยความที่สกีรีสอร์ททุกแห่งตั้งอยู่ที่เชิงภูเขาไฟแห่งนี้ ดังนั้นคุณจะได้ชมวิวสวยๆ ของเมียวโกะซังไปโดยปริยายอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมาเที่ยวช่วงอื่นที่ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาว คุณสามารถปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของภูเขาได้ ซึ่งคุณจะเห็นแนวภูเขาอันสวยงามและทะเลเมฆ แต่การปีนนั้นจะต้องใช้เครื่องมือปีนเขา ดังนั้นไม่เหมาะสำหรับใครที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อนครับ
สำหรับใครที่ขี้เกียจเดิน แต่อยากชมวิว คุณสามารถใช้บริการของ Myoko Kogen Sky Cable ซึ่งจะพาคุณขึ้นไปจุดชมวิวได้ครับ ด้านบนวิวสวยไม่เบา และมีของว่างอร่อยๆ ให้รับประทานอีกด้วย ค่ากระเช้าอยู่ที่ 2000 เยนครับ
3. ซาซากามิเนะ
ซาซากามิเนะ (Sasagamine) เป็นที่ราบสูงที่ถูกห้อมล้อมโดยแนวภูเขาเมียวโกะ ที่นี่มีจุดเด่นที่อากาศจะหนาวเย็นตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวมักจะเดินทางมาเดินเทรคกันที่นี่ในช่วง green season (ช่วงที่ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาว) โดยมีจุดที่น่าสนใจได้แก่
- เขื่อนซาซากามิเนะและทะเลสาบโอโตมิ – เขื่อนซาซากามิเนะเป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อรับน้ำในทะเลสาบโอโตมิ (Otomi Lake) และแม่น้ำเซกิ ตัวเขื่อนนั้นเป็นจุดชมวิวชั้นยอด เพราะจะเห็นทะเลสาบที่มีภูเขาหิมะเป็นฉากหลังครับ
- สระเซ็นนิน (Sennin Pond) – สระน้ำใสอันเงียบสงบที่ห้อมล้อมไปด้วยแนวป่าเมืองหนาวที่อุดมสมบูรณ์ที่มีวิวสวยๆ ของภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง
- ฟาร์มซาซากามิเนะ (Sasagamine Farm) – ฟาร์มขนาดใหญ่ที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีดอกไม้สวยๆ ให้ชมอีกด้วย
- สระชิมิสึกะ (Shimizuga Pond) – สระน้ำใสวิวสวยที่อยู่ใกล้กับฟาร์มซาซากามิเนะ ชาวญี่ปุ่นมักจะปิกนิกกันที่นี่ครับ
4. ภูเขาฮิอุจิ
ภูเขาฮิอุจิ (Mt.Hiuchi) เป็นอีกหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นอีกหนึ่งยอดที่นักเดินทางมักจะเที่ยวชมความสวยงาม จุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือสระโคยะ (Koya Pond) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของภูเขาครับ เพราะวิวจากจุดนี้จะสวยที่สุดนั่นเอง
การเดินทางไปยังสระโคยะนั้นถือว่าไม่ยากมากนัก โดยจะใช้การเดินเทรคประมาณ 4-5 ชั่วโมงจากซาซากามิเนะครับ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขึ้นไปถึงแล้วกางเต้นท์พักที่ริมสระอยู่คืนหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยเดินกลับลงมา หรือว่าเดินขึ้นจุดสูงสุดของภูเขาซึ่งจะขึ้นไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง และเส้นทางยากพอตัว (ไม่เหมาะกับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ครับ)
ตลอดเส้นทางขึ้นไปยังสระโคยะนั้นถือว่าสวยงามทีเดียว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีดอกไม้บานสะพรั่ง ส่วนฤดูใบไม้ร่วงจะมีใบไม้เปลี่ยนสีครับ
5. สระอิโมริ
สระอิโมริ (Imori Pond) เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเมียวโกะ ในบางวันสระมีน้ำที่ใสและนิ่งเหมือนกระจก ทำให้สะท้อนความสวยของภูเขาเมียวโกะลงไปในน้ำด้วย ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นที่นี่เป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งครับ ส่วนช่วงฤดูหนาวนั้น บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยหิมะเลยครับ
อย่างไรก็ดีช่วงฤดูร้อนจะไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก เพราะเหล่าพืชน้ำจะเจริญงอกงามจนบดบังน้ำใสๆ ของตัวสระ (วิวภูเขาก็จะไม่สะท้อนในน้ำครับ)
ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี ริมสระอิโมริจะมีจัดเทศกาลชื่อว่า Myoko Kogen Sougensai Festival ที่มีทั้งการแสดงพื้นบ้านให้ชม และอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ ให้เลือกซื้อ แต่การจุดดอกไม้ไฟช่วงกลางคืนที่สวยงามมากเลยครับ
6. น้ำตกนาเอนะและน้ำตกโอตากิ
รายรอบภูเขาไฟเมียวโกะมีน้ำตกที่สวยงามอยู่หลายแห่ง น้ำตกแห่งแรกที่น่าสนใจได้แก่น้ำตกนาเอนะ (Naena Waterfall) ซึ่งติดอันดับหนึ่งในสุดยอดหนึ่งร้อยน้ำตกของญี่ปุ่น ตัวน้ำตกสูงถึง 55 เมตร และเวลาน้ำไหลกระทบชั้นหินเบื้องล่างจะมีเสียงดังคล้ายกับแผ่นดินไหวครับ
ช่วงที่น้ำตกสวยที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะบริเวณโดยรอบจะเปลี่ยนสีเป็นสีส้มสีแดงอย่างงดงาม ส่วนช่วงฤดูร้อนนั้นก็จะสวยไปอีกแบบหนึ่ง เพราะน้ำจะมาก และบริเวณโดยรอบจะเขียวชอุ่มครับ ความสวยของน้ำตกทำให้ที่นี่เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมียวโกะครับ
อีกหนึ่งน้ำตกที่ไม่ควรพลาดคือน้ำตกโอตากิ (Otaki Waterfall) ลักษณะของธรณีวิทยาของน้ำตกนี้จะต่างจากน้ำตกนาเอนะ เพราะเป็นน้ำตกแบบสองชั้น ซึ่งสวยงามมากครับ และถือว่าเป็น hidden gem ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามีที่นี่อยู่ครับ
7. ชมซากุระที่สระมัตสึกามิเนะ
สระมัตสึกามิเนะ (Matsugamine Pond, 松ヶ峯) เป็นจุดที่คุณสามารถชมวิวของเมียวโกะซังได้อย่างสวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีซากุระบานสะพรั่งครับ
ภายในเฟรมเดียว สระน้ำขนาดใหญ่ที่มนุษย์สร้างภูเขาเมียวโกะเป็นฉากหลังอันสวยงามและมีต้นซากุระเรียงรายกันไปกว่า 1,500 ต้นครับ ชาวญี่ปุ่นเปรียบเปรยว่าจุดนี้สวยงามเหมือนกับภาพวาดเลยทีเดียว แถมในตอนกลางคืนจะสวยขึ้นไปอีกเพราะมีการเปิดไฟครับ
สำหรับรายละเอียดการเดินทางไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Enjoy Niigata (เว็บไซต์ทางการของจังหวัดนีงาตะ) หรือ Japan Travel by Navitime ครับ
8. ออนเซ็น
ใกล้กับเมียวโกะซังมีหมู่บ้านออนเซ็นหลายแห่งที่คุณสามารถไปพักแช่น้ำผ่อนคลายความเหนื่อยล้า นอกจากนี้สถานที่เหล่านี้ยังมีที่พักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมียวโกะมักจะมาเข้าพักกันที่นี่ครับ
ออนเซ็นที่น่าสนใจได้แก่
- Akakura Onsen – อากากุระออนเซ็นเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ที่นี่มีทั้งโรงอาบน้ำและเรียวกังให้คุณเลือกใช้บริการ คุณภาพน้ำของที่นี่นั้นอยู่ในระดับยอดเยี่ยม และมีสรรพคุณในบำรุงสุขภาพครับ
- Tsubame Onsen – สึบาเมะออนเซ็นมีประวัติเก่าแก่ โดยจุดเด่นคือน้ำพุร้อนของที่นี่จะมีเหมือนกับน้ำนม และมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิว ว่ากันว่าที่นี่เคยเป็นออนเซ็นลับของตระกูลอุเอสึกิ ตระกูลไดเมียวชั้นนำในยุคเซ็นโกกุครับ
- Seki Onsen – ออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในย่าน น้ำของที่นี่จะเป็นสีแดงเพราะมีส่วนผสมของธาตุเหล็กจำนวนมาก และมีสรรพคุณในการอบอุ่นร่างกาย ดังนั้นเซกิออนเซ็นจึงได้รับความนิยมมากในช่วงฤดูหนาวครับ
- Ikenotaira Onsen – ออนเซ็นเลื่องชื่อที่มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำของที่นี่จะมีสีคล้ำดำ
ค่าใช้บริการออนเซ็นจะอยู่ที่ 250-700 เยนต่อครั้ง แต่โดยมากแล้วจะอยู่ที่ 500 เยนครับ
References
- Myoko Tourism
- Nagano Show Shuttle
- Myoko Shuttle
- Enjoy Niigata
- Japan Travel by Navitime