นากาโทโระ (Nagatoro) เป็นเมืองขนาดเล็กที่อยู่ในจังหวัดไซตามะ และอยู่ไม่ไกลจากเมืองจิจิบุมากนัก ดังนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวไปเที่ยวจิจิบุ พวกเขามักจะเดินทางไปยังนากาโทโระด้วยครับ
ในบทความนี้ ผมจะแนะนำว่าเมืองแห่งนี้มีสถานที่ไหนน่าสนใจบ้าง แต่ก่อนอื่นเราไปรู้จักเมืองนี้กันก่อนครับ
รู้จักนากาโทโระ (Nagatoro)
ตลอดยุคสมัยในหน้าประวัติศาสตร์ นากาโทโระเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชาวบ้านอาศัยอยู่อย่างสงบสุขตลอดมา เพราะธรรมชาติที่สวยงาม และการเดินทางที่ไม่ยากนักจากโตเกียว ทำให้นากาโทโระเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แล้วครับ
ทุกวันนี้นากาโทโระมีประชากรเพียงแค่ไม่กี่พันคน แต่รองรับนักท่องเที่ยวในแต่ละปีถึงสองล้านคนเลยทีเดียวครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปนากาโทโระทำอย่างไร
รถไฟ – มีหลายวิธีที่สามารถใช้รถไฟไปยังนากาโทโระได้ วิธีแรกคือใช้บริการรถไฟสาย Seibu Ikebukuro/Chichibu Line (ขบวน Limited Express) จากสถานี Ikebukuro ไปยังสถานี Seibu-Chichibu Station ของเมืองจิจิบุ
หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็น Chichibu Railway ที่สถานี Ohanabatake Station (อยู่ใกล้กัน เดินไปประมาณ 6 นาที) เข้าเมืองนากาโทโระครับ
อีกวิธีหนึ่งคือนั่ง Tobu Tojo Line จาก Ikebukuro ไปลงที่ Yorii Station แล้วเปลี่ยนเป็น Chichibu Railway เข้าเมืองนากาโทโระ
แต่ถ้าคุณอยากใช้บริการรถไฟของ JR คุณสามารถนั่งสาย JR Takasaki Line ไปยังสถานี Kumagaya แล้วเปลี่ยนเป็น Chichibu Railway เข้านากาโทโระครับ
เช่ารถ – นากาโทโระห่างจากโตเกียวไม่ไกลนัก (ประมาณ 85 กิโลเมตร) ดังนั้นคุณสามารถเช่าแล้วขับรถไปจากโตเกียวหรือสนามบินทั้งสองได้อย่างไม่ยากเย็นครับ และยังช่วยให้เดินทางไปสถานที่ต่างๆ ได้ไม่ยาก แถมยังขับไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ได้อย่างสบายๆ อย่างเช่นคาวาโกเอะ หรือซายามะครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก Nagatoromachi Tourist Association หรือเว็บไซต์การท่องเที่ยวนากาโทโระ ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
1. ล่องเรือที่แม่น้ำอาระกาวะ
การล่องเรือที่แม่น้ำอาระกาวะ (Arakawa River) เป็นไฮไลท์ของการท่องเที่ยวนากาโทโระ โดยคุณจะได้นั่งเรือไม้ที่มีคนพายไปตามสายน้ำอันไหลเชี่ยว ซึ่งจะสนุก ตื่นเต้น และได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามไปพร้อมๆ กันครับ
แต่ถ้าคุณเป็นสายรักการผจญภัย คุณอาจจะเปลี่ยนเป็นสายเรือแคนู คายัค หรือว่าล่องแพยาง (ไปกับผู้เชี่ยวชาญ) ก็ได้ ความตื่นเต้นจะได้เพิ่มพูนหลายเท่าถ้าเทียบกับการล่องเรือปกติครับ
2. ภูเขาโฮโด
ภูเขาโฮโด หรือโฮโดซัง (Hodosan) เป็นภูเขาในนากาโทโระที่สูงเพียง 497 เมตร แต่เป็นจุดชมวิวของหุบเขาบริเวณเมืองจิจิบุที่สวยงามที่สุด แต่ที่ทำให้ที่นี่โดดเด่นจริงๆ คือความสวยงามของดอกไม้และใบไม้ที่มีให้ชมทุกช่วงของปีครับ
อย่างช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมี azalea ช่วงฤดูร้อนจะมีผืนป่าอันเขียวขอุ่ม ช่วงฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้เปลี่ยนสี ส่วนฤดูหนาวนั้นมีทั้งดอก wintersweet และ plum ครับ (plum มีช่วงปลายกุมภา-ต้นมีนา)
คุณสามารถเดินขึ้นไปยังยอดของโฮโดซังเองได้ แต่วิธีที่สบายกว่าใช้บริการกระเช้า Hodosan Ropeway ครับ ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยอดของภูเขาแล้วครับ
3. ศาลเจ้าโฮโดซัง
ศาลเจ้าโฮโดซัง (Hodosan Shrine) เป็นศาลเจ้าที่อยู่บนภูเขาโฮโด และถือเป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของจิจิบุ ตามตำนานเล่าว่าที่นี่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 โดยมีอายุมากกว่า 1,900 ปีครับ
ตามตำนานเล่าว่าเจ้าชายยามาโตะ ทาเครุ ได้รับการช่วยเหลือจากหมาป่าสีขาวดำสองตัว ทำให้รอดพ้นจากไฟป่ามาได้ ทันทีที่พระองค์และคณะปลอดภัย สุนัขทั้งสองได้หายไปในพริบตา พระองค์ดำริว่าหมาป่าทั้งสองเป็นการช่วยเหลือของเทพเจ้า พระองค์จึงสร้างศาลเจ้าขึ้นที่แห่งนี้ครับ
พันกว่าปีต่อมาเมื่อความเชื่อชินโตและพุทธผสมผสานกันในญี่ปุ่น ที่นี่จึงกลายเป็นศาสนสถานร่วมมาอีกหลายร้อยปี จนกระทั่งรัฐบาลเมจิมีคำสั่งให้แยกออกจากกันในช่วงศตวรรษที่ 19
ปัจจุบันอาคารในศาลเจ้าที่สร้างขึ้นแบบสถาปัตยกรรมกอนเก็นสุคุริ (gongen-zukuri) ยังอยู่ในสภาพสวยงาม แต่ละห้องได้รับการประดับประดาด้วยงานแกะสลักอย่างประณีต ใครที่ชอบงานศิลป์เก่าแก่ไม่ควรพลาดเลยครับ
ส่วนสายมูหรือชอบขอพรก็ไม่ควรพลาดที่นี่เ่ช่นกัน ในปัจจุบันมีผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวกว่าหนึ่งล้านคนที่เดินทางมาที่นี่เพื่อขอพร อย่างเช่นขอให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆ (โดยเฉพาะจากไฟ) รวมไปถึงขอให้พบกับความสำเร็จในการเรียนและทำธุรกิจครับ
4. หุบเขานากาโทโระ
หุบเขานากาโทโระ (Nagatoro Valley) เป็นหุบเขายาว 6 กิโลเมตรที่มีความพิเศษตรงที่มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ให้กำเนิดหินกว้าง 80 เมตร และยาว 500 เมตรเรียงไปตามสายน้ำของแม่น้ำอาระกาวะครับ
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าอิวะดะทามิ (Iwadatami) เพราะว่าชาวบ้านมองว่าตัวหินคล้ายกับเสื่อทาทามิที่ทับกันไปมาครับ
5. สวนสึกิโนะอิชิ โมมิจิ
สวนสึกิโนะอิชิ โมมิจิ (Tsukinoishi Momiji) เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของนากาโทโระ
ช่วงที่สวยที่สุดจะเป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ที่จะมีการเปิดไฟยามค่ำคืน ทำให้บรรยากาศโรแมนติกและทัศนียภาพจะสวยงามมากครับ
6. ชมซากุระ
ในนากาโทโระมีจุดชมซากุระที่สวยงามอยู่หลายแห่งด้วยกัน โดยจุดที่น่าสนใจได้แก่
- Kita Sakura Dori Avenue
- Minami Sakura Dori Avenue
ทั้งสองจุดนี้จะมีต้นซากุระสองข้างทางของถนน ทำให้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระที่ดีที่สุดในประเทศอยู่บ่อยๆ ครับ
7. เทศกาลฟุนะดามะ
นากาโทโระเป็นเมืองที่ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายน้ำ ทำให้ที่นี่จึงมีเทศกาลที่คล้ายกับประเพณีลอยกระทงของไทยอยู่บ้าง
เทศกาลฟุนะดามะ (Funadama Festival) เป็นเทศกาลที่ชาวบ้านจะลอยโคมไฟขนาดใหญ่ทั้งตามและทวนกระแสน้ำของแม่น้ำอาระกาวะ เพื่อขอให้เทพเจ้าแห่งน้ำดูแลเหล่าชาวเรือที่ใช้แม่น้ำในการสัญจรครับ
ประเพณีนี้จะจัดขึ้นในช่วงกลางคืนของวันที่ 15 สิงหาคม ในคืนนั้นจะมีการจุดพลุและดอกไม้ไฟอย่างอลังการด้วย ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวนากาโทโระในช่วงนั้น แน่นอนว่าห้ามพลาดไปชมครับ
8. ชิมอาหารพื้นเมือง
แม้ว่าจะไม่ใช่เมืองใหญ่ นากาโทโระมีหลายเมนูเลิศรสที่น่าสนใจ อาทิเช่น
- ปลาอายุ (Ayu) ย่างเกลือ
- โซบะ
- ขนมหวานอย่างเช่น Sumanju
ทั้งนี้คุณสามารถหารับประทานได้ที่ย่านช้อปปิ้ง (Nagatoro Shopping District) ที่ใจกลางเมืองครับ
References
- Nagatoromachi Tourist Association
- Chichibu Tourism Site
- Seibu Railway