นาสุ (Nasu, 那須) เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิงิ และรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงชัน และธรรมชาติที่แสนงดงามตระการตา ที่นี่จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในเมือง unseen ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ครับ
ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำเมืองนาสุให้รู้จักกันคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักนาสุ (Nasu)
นาสุเป็นเมืองที่อยู่ใต้ร่มเงาของแนวภูเขาไฟนาสุ ซึ่งยังไม่ดับสนิท ด้วยความที่มีปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาเกิดขึ้นบ่อยครั้ง นาสุจึงมีน้ำพุร้อนมากมายที่ดึงดูดนักเดินทางชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 7 ครับ
สำหรับความเป็นมาของนาสุนั้น ตัวเมืองไม่มีบทบาททางประวัติศาสตร์เท่าไรนัก ชาวเมืองอาศัยอยู่ด้วยความผาสุกตลอดมา เพราะว่าที่นี่เป็นพื้นที่ห่างไกลนั่นเองครับ
ความเงียบสงบและธรรมชาติอันสวยงามของนาสุได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนที่นี่ทุกยุคทุกสมัย แม้แต่องค์จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นเองก็มีพระตำหนักที่นี่ (Nasu Imperial Villa) โดยพระองค์และครอบครัวมักเสด็จมาประทับที่นี่ในช่วงปลายฤดูร้อนครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองนาสุทำอย่างไร?
นาสุอยู่ไม่ไกลนักจากโตเกียว โดยคุณมีทางเลือกในการเดินทางดังต่อไปนี้
- ชินคันเซน + รถบัส – วิธีที่ง่ายและเร็วที่สุด โดยคุณจะนั่ง Tohoku Shinkansen (ขบวน Nasuno เท่านั้น) ไปลงที่สถานี Nasushiobara Station ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 75 นาทีครับ หลังจากนั้นก็ต่อรถบัสไปยัง Nasu Onsen, Shiobara Onsen หรือ Nasu Ropeway หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในเขตเมืองครับ
- รถบัส – ผู้ให้บริการอย่าง JR Kanto Bus มีให้บริการเส้นทางโตเกียว-นาสุออนเซ็น ซึ่งถูกกว่าการนั่งชินคันเซน แต่ต้องตรวจสอบตารางให้ดี เพราะอาจมีการยกเลิกเส้นทางได้ทุกเมื่อครับ
- เช่ารถขับ – นาสุอยู่ห่างจากโตเกียวไม่ถึง 200 กิโลเมตร ดังนั้นคุณสามารถเช่ารถจากสนามบินฮาเนดะหรือนาริตะแล้วขับไปได้อย่างไม่ยากนักครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก Nasu Kogen หรือเว็บทางการของการท่องเที่ยวนาสุ ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ไปเที่ยวนาสุช่วงไหนดี?
นาสุนั้นเที่ยวได้ทุกช่วงของปี แต่ช่วงที่สวยที่สุดน่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะผืนป่าอันเขียวชอุ่มของนาสุจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม แดงไปทั่วทุกจุดในหุบเขา เกิดเป็นวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่แพ้ที่ใดในญี่ปุ่นครับ
1. ภูเขาไฟนาสุ
ภูเขาไฟนาสุ (Mount Nasu) เป็นกลุ่มภูเขาไฟ (มีหลายลูกอยู่ใกล้กัน แต่ยอดที่มีชื่อเสียงที่สุดคือภูเขาไฟชาอุสุ หรือ Mt. Chausu) ทรงสวยที่เป็นมิ่งขวัญของชาวบ้านในพื้นที่แถบนี้ เพราะได้มอบน้ำพุร้อนจำนวนมากมายที่มีสรรพคุณบำรุงผิวให้มานานนับพันปี ปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเทรค หรือปีนเขาในช่วงที่ไม่มีหิมะ (Green Season เมษายน-พฤศจิกายน) ครับ
สำหรับใครที่ขี้เกียจเดินหรือว่ามีสภาพร่างกายไม่พร้อม คุณสามารถขึ้นกระเช้า Nasu Ropeway เพื่อขึ้นไปบนจุดชมวิวได้ครับ วิวข้างบนจะสวยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ
อย่างไรก็ดีวิวจากกระเช้าก็สวยไม่แพ้กัน เพราะคุณจะได้เห็นความงามของหุบเขาแบบพาโนรามาอันตราตรึงใจเลยทีเดียว
ค่ากระเช้าไปกลับ: 1,800 เยน (อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของ Nasu Ropeway)
อีกหนึ่งจุดที่สวยไม่แพ้กันคือที่สะพานแขวนสึสึจิ (Tsutsuji Suspension Bridge) ซึ่งยาว 130 เมตร และสูง 38 เมตรจากหุบเขาเบื้องล่าง จากจุดนี้คุณจะเห็นภูเขาไฟนาสุออกมาต้อนรับคุณจากระยะไกลเลยครับ
2. หินเซสโชเซกิ
หินเซสโชเซกิ (Sessho-Seki) เป็นหินที่เกี่ยวพันกับตำนานเก่าแก่ของนาสุ กล่าวคือหินนี้คือศพของหญิงงามที่เป็นจิ้งจอกเก้าหางปลอมตัวมา จนสุดท้ายนางถูกวีรบุรุษนามว่ามิอุระ โนะ สุเกะสังหาร
ร่างของนางจึงกลายเป็นหิน แต่ก็ยังไม่วายคุกคามผู้อื่นไปทั่ว ทำให้ทั้งคนและสัตว์ที่สัมผัสหินก้อนนี้ต้องตาย สุดท้ายพระในพุทธศาสนาผู้หนึ่งได้กำราบมันได้สำเร็จ
แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว หินก้อนนี้ก็เป็นแค่หินลาวาก้อนหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ตีนภูเขาไฟนาสุ ในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา พื้นที่ตรงนี้ก็ปล่อยแก๊สซัลเฟอร์ออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ตายได้ไม่ยากครับ
อย่างไรก็ดีคนที่เชื่อในตำนานนั้นก็มีอยู่มากมาย เห็นได้จากการที่ในปี ค.ศ.2022 ที่มีการแตกตื่นว่าหินได้แตกเป็นสองส่วน รัฐบาลเมืองนาสุจึงต้องเชิญนักบวชมาทำพิธีสยบวิญญาณตามความเชื่อครับ
3. ชมดอกไม้ที่สวนต่างๆ
บริเวณที่ราบสูงนาสุ (Nasu Highlands) มีสถานที่ซึ่งคุณสามารถชมดอกไม้หลายแห่งด้วยกัน อาทิเช่น
- Nasu Flower World – สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้ให้ชมเกือบตลอดปี โดยเฉพาะดอกทิวลิปสองแสนกว่าดอกที่บานสะพรั่งช่วงกลางเดือนพฤษภาคม แม้ว่าจำนวนอาจจะไม่ได้มากเท่าที่ทากาโอกะ แต่ก็น่าไปแน่นอนเพราะคุณจะได้เห็นภูเขาไฟนาสุเป็นฉากหลังด้วยครับ
- Yahata Azalea Park – สวนที่มีดอก azalea ให้ชมมากมายถึงสองแสนดอก ซึ่งจะส่งกลิ่นอันหอมหวลเวลาที่บานสะพรั่ง การเดินเข้าไปชมก็สะดวกเพราะมีทางเดินไม้อย่างดีครับ
4. ผืนป่านาสุเฮย์เซโนะโมริ
ผืนป่านาสุเฮย์เซโนะโมริ (Nasu Heisei-no-Mori) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาตินิกโก้ ในอดีตที่นี่เคยเป็นพื้นที่ส่วนพระองค์ของจักรพรรดิญี่ปุ่น แต่พระองค์ได้โปรดให้เปิดเป็นพื้นที่ของสาธารณชนในช่วงปี ค.ศ.2011 ครับ
ปัจจุบันที่นี่เป็นสถานที่ชมวิวที่สวยทั้งสี่ฤดู อย่างเช่นฤดูใบไม้ผลิก็มีทั้งดอกซากุระและนกป่าให้ชม ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงของการชมสัตว์ป่า ส่วนฤดูใบไม้ร่วงนั้นก็เป็นใบไม้เปลี่ยนสีครับ สุดท้ายช่วงฤดูหนาว ที่นี่จะปกคลุมด้วยหิมะทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งสวยงามมากทีเดียว
5. น้ำตกโคมาโดเมะ
น้ำตกโคมาโดเมะ (Komadome Falls) เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของนาสุ โดยกว้าง 3 เมตร และสูง 20 เมตร ใกล้กับน้ำตกมีจุดชมวิวที่คุณสามารถไปชมความสวยงามได้ตลอดสามฤดู (ปิดในฤดูหนาว)
ทั้งนี้ช่วงที่สวยที่สุดน่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงเช่นเดิม เพราะใบไม้เปลี่ยนสีจะเปลี่ยนพื้นที่รอบน้ำตกให้มีความงามสะดุดตาครับ
6. นาสุออนเซ็น
นาสุออนเซ็น (Nasu Onsen) เป็นหมู่บ้านออนเซ็นเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาย้อนไปถึงศตวรรษที่ 7 ตามตำนานเล่าว่าชาวบ้านค้นพบที่นี่เพราะเห็นบาดแผลของกวางขาวตัวหนึ่งหายแทบจะในทันที หลังจากที่มันกระโดดลงบ่อน้ำพุร้อนไปครับ
นับตั้งแต่บัดนั้นนาสุออนเซ็นจึงเลื่องลือในเรื่องสรรพคุณในการรักษาโรคของน้ำ ทำให้มีบุคคลสำคัญของประเทศมาเยี่ยมเยือนมากมาย อย่างเช่นมินาโมโตะ โยริโตโมะ โชกุนคนแรกแห่งคามาคุระครับ
ปัจจุบันนาสุออนเซ็นมีโรงอาบน้ำหลายแห่งที่คุณสามารถไปใช้บริการได้ แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเห็นจะเป็น Shika no Yu ที่เลื่องลือสืบทอดกันมาแบบข้ามกาลเวลาครับ
ภายในหมู่บ้านมีศาลเจ้าแห่งหนึ่งชื่อ Nasu Yuzen Shrine ซึ่งชาวบ้านใช้สักการะเทพเจ้าแห่งออนเซ็น เพื่อขอให้น้ำพุร้อนยังคงอยู่กับหมู่บ้านไปตลอดกัลปาวสานครับ
7. เทศกาลโกจินคะ
เทศกาลโกจินคะ หรือชื่อเต็มๆว่า Nasu Seshoseki Gojinka Festival จัดขี้นเพื่อบวงสรวงเทพเจ้าแห่งภูเขา และขอให้พระองค์ประทานผลผลิตที่ดีและสุขภาพที่แข็งแกร่ง
โดยชาวเมืองจะสวมใส่เครื่องแต่งกายสีขาวพร้อมกับถือคบเพลิง และจะมีการตีกลองกันอย่างดังก้องไปทั่วอาณาบริเวณครับ
8. ชิโอะบาระออนเซ็น
ชิโอะบาระออนเซ็น (Shiobara Onsen) เป็นหมู่บ้านออนเซ็นอีกแห่งหนึ่งในเขตนาสุ รายรอบหมู่บ้านแห่งนี้คือผืนป่า สายน้ำ และลำธาร เกิดเป็นบรรยากาศที่เอื้อต่อการพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
เช่นเดียวกับนาสุออนเซ็น ที่นี่มีโรงอาบน้ำหลายแห่งให้คุณได้แช่น้ำผ่อนคลาย แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ที่นี่มีบ่อแช่เท้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นชื่อ Yupponosato ซึ่งยาวถึง 60 เมตรด้วยกัน และยังเป็นสถานที่ซึ่งคุณสามารถลองดื่มน้ำแร่ได้ด้วย ว่ากันว่าช่วยในเรื่องของการบรรเทาอาการแน่นท้องครับ
ใกล้กับหมู่บ้านแห่งนี้มีสะพานแขวนอย่าง Momijidani และ Nanatsuiwa ซึ่งคุณสามารถชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างงามยิ่งครับ
ไม่เพียงเท่านั้นใกล้กับชิโอะบาระออนเซ็นยังมีน้ำตกมากมาย แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดเห็นจะเป็น Ryuka Falls ซึ่งเป็นน้ำตกสามชั้น ชาวบ้านเปรียบว่าเหมือนกับมังกรที่กำลังโบยบินครับ
น้ำตกอีกแห่งที่น่าสนใจคือ น้ำตกมิคาเอริ (Mikaeri Falls) ซึ่งสูงถึง 53 เมตร และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของชิโอะบาระออนเซ็น ตัวน้ำตกมีจุดชมวิวครับ เพราะฉะนั้นคุณสามารถสัมผัสความงามไปจนถึงเก็บภาพได้อย่างเต็มอิ่ม น้ำตกจะสวยเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ
ที่พัก
ชิโอะบาระออนเซ็นเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพักผ่อน ถ้าคุณอยากได้ที่พักดีๆ ในเมืองออนเซ็นแห่งนี้ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักชิโอะบาระออนเซ็นของผมเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
9. Hunter Mountain Shiobara
Hunter Mountain Shiobara เป็นสกีรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่มีกิจกรรมมากมายให้คุณได้เล่น ตั้งแต่สกี สโนว์บอร์ด ฯลฯ ลานสกีนั้นก็มีมากถึง 12 แห่งให้ได้เลือกสรรตามทักษะของคุณครับ
ค่าใช้จ่ายต่อวันอยู่ที่ 5,500 เยนซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับสกีรีสอร์ทชั้นนำอื่นๆ อย่างเช่น ฮาคบะและชิงะโคเก็นในนากาโน่ หรือ ยูซาวะในนีงาตะครับ
10. ชิมผลิตภัณฑ์จากนมและชีส
พื้นที่นาสุมีการผลิต product จากนมและชีสเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น โดยเป็นรองแค่ฮอกไกโดที่เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าเดินทางมาที่นี่คุณห้ามพลาดลองชิม เมนูของหวานอย่างเช่นชีสเค้ก หรือว่าไอศกรีมแบบ soft serve ครับ ร้านที่น่าสนใจได้แก่ Cheese Garden Nasu Honten ครับ
References
- Nasu Kogen Official Site
- Nasu Ropeway Official Site
- Visit Tochigi
- Nasu Heisei no Mori English Site
- JNTO – Nasu Area