นักท่องเที่ยวหลายคนที่จะเดินทางมาเที่ยวนิวยอร์กน่าจะกำลังพิจารณาซื้อพาส หรือบัตรผ่านอยู่ และอาจจะสงสัยว่าบัตรเหล่านี้ควรซื้อหรือไม่
สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับบัตรผ่านเหล่านี้มาก่อนเลย ผมขออธิบายง่ายๆ ว่าบัตรผ่านเหล่านี้คือ บัตรที่เมื่อคุณซื้อไปแล้ว คุณจะไม่ต้องเสียค่าเข้าชมในสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในเมืองอีก และยังได้สิทธิพิเศษอีกมากมายครับ
ในปัจจุบันผู้บริการบัตรที่ว่าในนิวยอร์กมีอยู่สามเจ้าได้แก่
- New York Pass หรือนิวยอร์กพาส เป็นบัตรผ่านของบริษัท GoCity
- New York CityPass ของบริษัท CityPass
- New York Sightseeing Pass ของบริษัท Sightseeing Pass
ทั้งสามบัตรนั้นแตกต่างกันพอสมควรในเรื่องรายละเอียด แต่ที่แน่ๆ คือมีราคาสูงพอสมควร คุณจำเป็นต้องคิดดีๆ ก่อนว่าควรซื้อหรือไม่ครับ
อย่างไรในบทความนี้ ผมจะมาชำแหละบัตรแต่ละใบอย่างละเอียด พร้อมกับแนะนำว่าคุณควรซื้อบัตรแบบไหนดีครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความนี้มี affiliate links อยู่ ซึ่งแปลว่าถ้าคุณซื้อบัตรผ่านเหล่านี้ผ่านทางลิงค์ในบทความ ผมจะได้ค่าคอมมิชชั่นบางส่วนจากผู้ให้บริการครับ
1. New York Pass
ใช้ New York Pass อย่างไร
การใช้ New York Pass ไม่มีอะไรซับซ้อน หลังจากที่คุณซื้อทางออนไลน์กับทางเว็บไซต์ GoCity เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถดาวน์โหลดแอพ New York Pass เพื่อเข้าถึงพาสของคุณได้
ส่วนตัวพาสจะไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากกว่าเป็น QR Code ในแอพ ซึ่งคุณจะต้องยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ที่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในนิวยอร์กเพื่อสแกนใช้งานครับ
New York Pass มีกี่แบบ ใช้ได้กี่วันและราคาเท่าไร
New York Pass มีพาสให้เลือก 2 แบบได้แก่ All-Inclusive Pass หรือ Explorer Pass
All-Inclusive Pass จะเป็นบัตรผ่านประเภทซื้อแล้วเข้าฟรีหรือใช้บริการได้ทุกแห่งที่กำหนดไว้ในพาส โดยจะมีให้เลือกตั้งแต่ 1-10 วัน ซึ่งราคาก็จะแปรผันตามจำนวนวัน โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ $147 สำหรับ 1 วัน ทั้งนี้ถ้าคุณซื้อจำนวนวันมากขึ้นเท่าใด ค่าใช้จ่ายต่อวันก็จะลดลง ยกตัวอย่างเช่นถ้าซื้อ 3 วันในราคา $218 หารเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่ $72.67 ซึ่งถูกกว่าซื้อวันเดียวที่จะอยู่ที่ $147 เป็นต้น
ทั้งนี้การนับวันจะเริ่มตั้งแต่วันแรกที่คุณเริ่มใช้งานพาสครั้งแรก และจะนับในรูปแบบของ “วัน” ไม่ได้เป็น “24 ชั่วโมง” นั่นแปลว่าถ้าคุณใช้พาสแบบ 1 วัน ตอนหกโมงเย็นของวันศุกร์ เที่ยงคืนของวันนั้นพาสก็จะหมดอายุทันที เพราะถือว่าเป็นวันใหม่แล้ว
เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะใช้พาสครั้งแรก คุณควรจะใช้ตอนเช้าของวันนั้นเพื่อความคุ้มค่าสูงสุดครับ
ส่วน Explorer Pass นั้นจะแตกต่างกล่าวคือ บัตรนี้จะมีอายุ 60 วัน และราคาจะขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกสถานที่ท่องเที่ยวไปกี่ที่ ยกตัวอย่างเช่นราคาจะอยู่ที่ $72 แลกกับการเข้าสถานที่ที่ตัวบัตรกำหนดไว้ 2 แห่งเป็นต้น ทั้งนี้ถ้าเลือกไปเยอะ อย่างเช่น 10 ที่ ราคาต่อที่ก็จะลดลงครับ
ด้วยความที่บัตรมีอายุถึง 60 วัน คุณไม่ต้องกังวลเรื่องว่าวันนี้จะใช้ไม่คุ้มครับ
New York Pass ครอบคลุมอะไรบ้าง
สำหรับ All-Inclusive Pass จะครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในนิวยอร์กมากถึง 115 แห่ง ตั้งแต่ตึก Empire State ไปจนถึงเทพีเสรีภาพ ตลอดจนพิพิธภัณฑ์ ทัวร์ (มีไกด์มาพาชมสถานที่) และกิจกรรมอื่นๆ อย่างเช่นล่องเรือชมเมืองเป็นต้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ครับ
สรุป
New York Pass เป็นตัวเลือกที่สมดุลระหว่างความเรียบง่าย ความสะดวกสบาย และความยืดหยุ่น เพราะบัตรที่มีให้เลือกหลายแบบ ดังนั้นจะตอบโจทย์ทุกกลุ่มนักท่องเที่ยวเลยครับ
2. New York CityPass
New York CityPass ใช้อย่างไร
หลังซื้อเสร็จ คุณจะได้รับอีเมล์ที่มี QR Code ที่จะต้องใช้ในการสแกนอยู่ในนั้น คุณสามารถปริ้นหรือว่าไปรับบัตรที่สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งได้เช่นกัน แต่ถ้าจะให้สะดวกที่สุดก็ไม่ต้องปริ้นอะไรเลยครับ แสดง QR code ที่ได้มาจากอีเมล์ก็พอแล้ว
New York CityPass มีกี่แบบ ใช้ได้กี่วันและราคาเท่าไร
New York CityPass มี 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ New York C3 ($92), New York CityPass ($129), และ New York C All ($189) ทั้งสามใบมีอายุ 9 วัน
ตัว C3 นั้นไม่มีอะไรซับซ้อน กล่าวคือจากสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมด 11 ที่ คุณจะเลือกเข้าได้ 3 ที่ครับ อย่างไรก็ดีบัตรแบบ C3 นั้นจะไม่รวมการกลับมาชมตึก Empire State ตอนกลางคืน และรวมการแสดงที่ American Museum of History แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ CityPass จะไม่มีข้อจำกัดตรงนี้ครับ
ส่วน CityPass นั้นจะเข้าใจยากหน่อย นั่นคือจะรวมค่าเข้าตึก Empire State และ American Museum of History แต่อีก 3 ที่นั้นคุณจะต้องเลือกแบบนี้ครับ
- Top of the Rock หรือ Guggenheim Museum
- เรือเฟอร์รี่ไปชมเทพีเสรีภาพหรือล่องเรือชมเกาะแมนฮัตตันแบบครบรอบ
- ชมพิพิธภัณฑ์ 9/11 หรือชมเรือบรรทุกเครื่องบิน Intrepid
อย่างไรก็ดีบัตร CityPass นี้จะมีจำกัดคือไม่สามารถเลือก MoMA, จุดชมวิว Edge หรือล่องเรือรอบเมืองนิวยอร์กได้ แต่ถ้าใช้บัตร C3 จะเลือกได้ครับ
ท้ายที่สุดพาสแบบ C All คือเข้าได้ทุกอย่าง 10 จาก 11 แห่งโดยไม่ต้องเลือก ยกเว้นที่เดียวที่เข้าไม่ได้คือ American Museum of History ครับ และตั่วจะไม่รวมการกลับเข้ามาชมตึกเอ็มไพร์สเตทตอนกลางคืนแบบ C3
New York CityPass รวมสถานที่เที่ยวไหนบ้าง
สถานที่ท่องเที่ยวที่รวมอยู่ในบัตรนี้จะน้อยกว่าที่อื่น โดยจะมีเพียงแค่ 11 ที่ และจะเน้นที่สำคัญๆ เท่านั้น สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากลิงค์นี้
สรุป
จุดเด่นของ New York CityPass คือจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวสถานที่หลักๆ เพียงไม่กี่แห่ง และต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ตนเองไม่ได้ใช้งานอยู่แล้ว (อย่างเช่นไม่ต้องการไกด์เป็นต้น) ถ้าเทียบกับบัตรผ่านอื่นๆ แล้ว ของเจ้านี้จะถูกกว่าประมาณ 20% ครับ
New York Sightseeing Pass
New York Sightseeing Pass ใช้อย่างไร
หลังที่ซื้อแล้ว คุณจะได้รับอีเมล์ที่มีตัว Pass (QR-Code) อยู่ภายใน หรือว่าจะเปิดใช้ mobile app ก็ได้ครับ ถัดมาคุณก็แค่นำไปให้เจ้าหน้าที่สแกนเวลาเข้าชมสถานที่ต่างๆ เท่านั้นเอง
New York Sightseeing Pass มีกี่แบบ ใช้ได้กี่วันและราคาเท่าไร
ในปัจจุบันมีทั้งหมด 2 แบบได้แก่ Day Pass และ Flex Pass
Day Pass ให้คุณจะไปเที่ยวกี่แห่งก็ได้ในจำนวนวันที่กำหนดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ราคาจะอยู่ที่ $154 สำหรับ 1 วัน โดยราคาเฉลี่ยต่อวันจะต่ำลง ถ้าคุณซื้อจำนวนวันที่มากขึ้น อย่าง 3 วันจะอยู่ที่ $299 ทำให้เฉลี่ยต่อวันเหลือแค่ประมาณ $100
เกณฑ์การนับวันจะเหมือน New York Pass นั่นคือเปิดใช้วันไหนนับวันนั้นเป็นวันแรก โดยไม่ได้คำนึงว่าคุณจะเปิดตอนกี่โมงในวันนั้นครับ
Flex Pass จะให้คุณเลือกสถานที่ในนิวยอร์กที่จะไปตั้งแต่ 2-12 ที่ ส่วนอายุของบัตรจะอยู่ที่ 60 วันหลังเปิดใช้วันแรกครับ ส่วนราคาก็จะอยู่ที่ว่าคุณเลือกกี่ที่ โดยเริ่มต้นที่ $74 สำหรับ 2 ที่ครับ
New York Sightseeing Pass รวมสถานที่เที่ยวไหนบ้าง
สถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรม และทัวร์ใน New York Sightseeing Pass นั้นมีมากที่สุดในบัตรทั้งสาม นั่นคือมีมากกว่า 150 ที่ แถมยังมีส่วนลด $60 ให้กับการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมเมืองด้วย จากที่ผมได้ลองนั่งมาแล้ว ผมบอกได้เลยว่าต้องลองสักครั้งครับ
ดูรายชื่อสถานที่ได้ที่นี่
สรุป
New York Sightseeing Pass ถือว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมรวมอยู่มากที่สุด ตัวบัตรก็ถือว่ายืดหยุ่นมาก การใช้งานก็ง่ายและสะดวกสบาย แต่ก็แลกกับการที่ตัวบัตรแพงกว่าผู้ให้บริการอื่นๆ ครับ
เปรียบเทียบระหว่างสามบัตรผ่าน
เลือกประเภทบัตรอย่างไรให้คุ้มค่า
การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว
ไม่ว่าคุณจะใช้ Pass แบบไหนก็ตาม แต่สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งในนิวยอร์กจะจำกัดนักท่องเที่ยวจาก Pass ในแต่ละวัน ดังนั้นคุณควรจองคิวล่วงหน้า มิเช่นนั้นคุณอาจจะไม่ได้เข้าสถานที่เหล่านั้นก็ได้ครับ
ความเสี่ยงจากการซื้อ Pass
ความเสี่ยงในการซื้อ Pass ไม่ว่าจะเป็นผู้บริการแบบไหนก็ตามคือ เข้าบางสถานที่บางแห่งไม่ได้ เพราะปัญหาทางเทคนิคหรือเกี่ยวเนื่องกับผู้ให้บริการ (ผมเองก็เคยโดน) ถ้าคุณไม่อยากรับความเสี่ยงตรงนี้เลย วิธีเดียวคือไม่ซื้อ Pass เลยแล้วไปซื้อตั๋วเข้าที่หน้าสถานที่ครับ แต่แน่นอนว่าจะแพงกว่าการซื้อ Pass นั่นเอง
สำหรับบัตรเหมารายวัน (อย่าง All-inclusive ของ New York Pass หรือ Day Pass ของ New York Sightseeing Pass) นั้นไม่ต่างอะไรกับการไปกินบุฟเฟต์ที่มีอาหารหลากหลาย แต่ต้องกินในเวลาที่จำกัด ส่วนบัตรเหมาสถานที่ท่องเที่ยวนั่นจะเหมือนกับการไปกินแบบ a la carte ที่คุณจะใช้เวลากินเท่าไรก็ได้
จากประสบการณ์ของผม ผมพบว่าการซื้อบัตรแบบเหมารายวันมีโอกาสที่จะขาดทุนมากกว่า ขาดทุนในที่นี้หมายถึงว่าจ่ายค่าบัตรแพงกว่าการจ่ายค่าเข้าที่หน้าประตูเป็นรายแห่งๆ ไปครับ ถ้าคุณอ่านรีวิวจากสถานที่ต่างๆ จะเห็นได้ชัดว่ารีวิวในแง่ลบมักจะมาจากนักท่องเที่ยวที่ซื้อพาสประเภทนี้ทั้งสิ้นครับ
สาเหตุก็คือถ้าคุณซื้อบัตรเหมารายวันนั้น คุณจะต้องทำเวลาให้ดีมากๆ ถ้าคุณเกิดโอ้เอ้ขึ้นมา หรือเกิดปัญหาอะไรสักอย่างที่ทำให้วันนั้นคุณแทบไม่ได้ใช้บัตรเลย (เช่นต่อคิวเป็นชั่วโมง) แบบนี้มีโอกาสสูงทีเดียวที่คุณจะขาดทุนครับ เพราะวันที่เหลือ คุณจะไปไล่เก็บได้ไม่ทันอยู่แล้ว เพราะข้อจำกัดเรื่องเวลาเปิดปิด คิวแน่น ฯลฯ
นอกจากนี้ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่ชอบถ่ายรูป ชื่นชมกับวิวหรือกิจกรรมสักอย่างหนึ่งนานๆ หลายชั่วโมง อย่างเช่นชมงานศิลป์ใน MoMA เป็นต้น บัตรแบบเหมาวันก็ไม่เหมาะกับคุณเช่นกันครับ
บัตรเหมารายวันจึงเหมาะกับใครที่ชอบความหลากหลายในการท่องเที่ยว เช่นอยากเห็นนิวยอร์กในทุกๆ มุมผ่านสถานที่ที่อยู่รวมอยู่ในบัตรนับสิบแห่ง และไม่ได้คิดจะใช้เวลากับสถานที่ใดที่หนึ่งมากเกินไป (รวมไปถึงกิจกรรมอย่างช้อปปิ้ง หาอะไรกิน ฯลฯ) นอกจากนี้คุณยังต้องวางแผนและทำเวลาได้ดีด้วย
ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวสไตล์นี้ ผมแนะนำให้ซื้อบัตรแบบเหมารายวันไปเลยครับ รับรองคุ้มค่าแน่นอน และถ้าคุณมีเวลาในนิวยอร์กหลายวัน ผมแนะนำให้ซื้อแบบ 3 วันขึ้นไป เพราะราคาต่อวันจะถูกลงมาเยอะมาก คุณอาจประหยัดได้ถึง 40%-50% เลยทีเดียว
แต่ถ้าคุณสนใจจะไปชมเฉพาะ highlight ของนิวยอร์กเท่านั้น (พูดง่ายๆไม่คิดจะไปสถานที่ 95% ที่เหลือที่รวมอยู่ในบัตรอยู่แล้ว) หรืออยากได้เวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นด้วย ผมมองว่าบัตรแบบเหมาจ่ายรายสถานที่ท่องเที่ยวเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามากครับ
ส่าเหตุก็คือคุณไม่จำเป็นต้องไปสถานที่ที่ไม่อยากไปเพื่อที่จะคุ้มค่าบัตร แค่คุณไปครบทุกสถานที่เลือกไว้ก็แปลว่ากำไรแล้ว (ยังไงก็จ่ายน้อยกว่าจ่ายรายสถานที่) และสุดท้ายคุณสามารถวางแผนการเที่ยวแบบสบายๆ ที่ไม่ต้องอัดแน่นจนเกินไปได้ครับ