หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยว6 ไฮไลท์หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ (Obertraun) สวยจนลืมหายใจ

6 ไฮไลท์หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ (Obertraun) สวยจนลืมหายใจ

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ (Obertraun) เป็นหมู่บ้านในเขต Salzkammergut ของประเทศออสเตรีย จุดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้คืออยู่ใกล้กับเมืองฮัลล์ชตัทท์ (Hallstatt) และอยู่ริมทะเลสาบเดียวกัน แต่ทว่าโอเบอร์ทราวน์จะอยู่คนละฝั่ง ทำให้ได้วิวที่สวยต่างกันไปครับ

ในบทความนี้ ผมจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอันน่าสนใจที่หมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อที่คุณจะได้ใช้เวลาที่นี่ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดครับ

หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ (Obertraun)
หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ by Uldis Laganovskis/ShutterStock

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปหมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ (Obertraun) ทำอย่างไร?

เมืองใหญ่ที่ใกล้หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ที่สุดคือซาลซ์บูร์ก เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวมักจะไปเที่ยวที่นี่ก่อน หลังจากนั้นถึงจะเดินทางมาที่โอเบอร์ทราวน์ครับ

โดยทั่วไปแล้วการเดินทางจะใช้รถบัสกับรถไฟ ซึ่งวิธีจะมีหลากหลายมาก คุณสามารถเลือกและจองได้ทันทีได้ผ่านเว็บไซต์ของ OBB (Austrian Federal Railways) ครับ ตัวเว็บไซต์จะแนะนำวิธีที่เหมาะสมมาให้อยู่แล้ว (ไม่ว่าจะเริ่มต้นเดินทางจากซาลซ์บูร์ก เวียนนา หรือแม้กระทั่งกราซ) และอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียด เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องยากครับ

อย่างไรก็ดีถ้าคุณเดินทางไปเที่ยวฮัลล์ชตัทท์ หรือว่าหมู่บ้านโกเซา (Gosau) อยู่แล้ว คุณจะนั่งรถบัสมายังโอเบอร์ทราวน์ได้ โดยใช้ Postbus 542/543 ครับ

อันที่จริงแล้วถ้าคุณอยู่ที่ฮัลล์ชตัทท์และพร้อมที่จะเดินไกลๆ คุณสามารถ “เดิน” มายังโอเบอร์ทราวน์ได้ครับ (5 กิโลเมตร) แต่ถ้าของเยอะก็แน่นอนว่าไม่แนะนำ

อีกตัวเลือกที่น่าสนใจก็คือการเช่ารถขับครับ เพราะจะทำให้การท่องเที่ยวในเขต Salzkammergut ง่ายขึ้นมาอย่างมากเลย

ไปเที่ยวหมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ช่วงไหนดี?

คุณไปเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้ได้แทบจะทุกฤดูเลยครับ แต่ละช่วงจะมีความโดดเด่นที่ต่างกันออกไป อย่างช่วงฤดูหนาวคือสรวงสวรรค์ของสายเล่นสกีและหลงใหลในภูเขาหิมะ ส่วนช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงที่ดีที่สุดของกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะคุณจะได้ปีนเขา เดินเทรค ขี่จักรยาน ฯลฯ ได้อย่างอิสระ

หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ในช่วงฤดูหนาว
by valodiel/ShutterStock

1. ชมวิวบนกระเช้า Dachstein Krippenstein

Dachstein Krippenstein เป็นกระเช้าที่นักเดินทางแทบทุกคนจะต้องใช้เดินทางขึ้นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในหมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ครับ

กระเช้า Dachstein Krippenstein
by Michal Tsu Sikora/ShutterStock

อย่างไรก็ดีตัวสถานีกระเช้าก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยตัวเองเช่นกัน เพราะวิวแนวเทือกเขาจากกระเช้า และสถานีต่างๆ นั้นสวยงามมากครับ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่หิมะกปกคลุม คุณสามารถชมวิวและถ่ายรูปทัศนียภาพแบบ 360 องศา เรียกได้ว่าสวยไม่แพ้ที่ใดเลยครับ

วิวสวยๆ จากกระเช้า
by leysanl/ShutterStock

นอกจากนี้ใกล้กับสถานีจะมีร้านอาหารวิวสวยบรรยากาศขั้นเทพอยู่หลายแห่ง ซึ่งคุณจะได้อิ่มอร่อยกับอาหารออสเตรียนแสนอร่อยๆ พร้อมกับอิ่มเอมบรรยากาศของเทือกเขาแอลป์ครับ

ค่าใช้บริการ: เริ่มต้นที่ 35 ยูโร (ช่วงฤดูร้อน แต่ช่วงฤดูหนาวจะแพงกว่าเล็กน้อย)

2. เล่นสกีและกิจกรรมฤดูหนาว

สำหรับใครที่จะมาเล่นสกี ใกล้ๆ จะมีสกีรีสอร์ทชื่อ Dachstein Krippenstein Freesports Arena ซึ่งถือว่าอยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศออสเตรียครับ จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่ทางลาดซึ่งยาวถึง 11 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยให้นักเล่นสกีเล่นได้แบบมันส์สุดๆ ไปเลยอย่างแน่นอน

เล่นสกีที่หมู่บ้าน Obertraun
by spitzi-foto/ShutterStock

นอกเหนือจากการเล่นสกีแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมฤดูหนาวอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Snowshoe Hiking, ปีนเขาและแท่งน้ำแข็ง, เดินเทรค ไปจนถึงสโนว์บอร์ดหรือ paragliding เพราะฉะนั้นสายชอบความตื่นเต้น และอยากให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลิน คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

3. ชมถ้ำต่างๆ

เนื่องจากพื้นที่บริเวณหมู่บ้านเป็นภูเขาสูงชัน ธรรมชาติจึงได้สรรค์สร้างถ้ำขนาดใหญ่หลายแห่งขึ้นมาด้วย ซึ่งคุณสามารถเข้าชมได้ครับ

ถ้ำแรกที่น่าสนใจก็คือ Dachstein Giant Ice Cave ซึ่งเป็นถ้ำน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ด้านในมีน้ำแข็งรูปร่างสวยแปลกตาจำนวนมากมาย และประดับประดาด้วยแสงสีเสียง ให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น นอกจากนี้ด้านในยังมีสะพานเชือกที่สูง 30 เมตร ให้คุณรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ย่างเท้าผ่านไปอีกด้วย

by stockwithme/ShutterStock

ถ้ำต่อมาที่อยู่ใกล้กันคือ Mammut Cave (Mammoth Cave) หนึ่งในถ้ำแบบ karst cave ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในปัจจุบันได้มีการสำรวจไปแล้วประมาณ 70 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ส่วนที่คุณเข้าชมได้นั้นจะอยู่ที่ 1 กิโลเมตรครับ

by atosan/ShutterStock

ถ้ำสุดท้ายที่น่าสนใจคือ Koppenbrüller Cave ตัวถ้ำมีจุดเด่นที่มีน้ำอยู่ข้างใน ดังนั้นจึงมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามไปด้วยครับ

สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทราบในการเที่ยวถ้ำเหล่านี้คือ อุณหภูมิภายในถ้ำจะหนาวกว่าข้างนอกได้อย่างมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นควรเตรียมเครื่องแต่งกายให้พร้อมครับ

4. ชมวิวที่ 5 Fingers

จุดชมวิว 5 Fingers (5Fingers Viewing Platform) เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในเทือกเขาแอลป์

จุดชมวิว 5 Fingers
by schusterbauer.com/ShutterStock

ชื่อของที่นี่ได้มาจากการที่รูปลักษณ์ของจุดชมวิวนั้นแบ่งออกเป็นห้าส่วน เหมือนกับนิ้วที่แยกออกไปจากมือครับ ซึ่งแต่ละ “นิ้ว” ก็จะให้คุณได้ชมวิวสวยๆ ของทะเลสาบฮัลล์ชตัทท์และเทือกเขาโดยรอบในมุมที่แตกต่างกันออกไป

การไม่ได้มาชมวิวที่นี่ก็เหมือนกับว่ามาไม่ถึงโอเบอร์ทราวน์ครับ ดังนั้นเรียกได้ว่าพลาดไม่ได้จริงๆ

5. สัมผัสบรรยากาศที่ World Heritage Spiral

World Heritage Spiral (Welterbespirale) เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ด้านบนสุดของยอดเขา Krippenstein จากตรงนี้คุณจะได้เห็นวิวแบบพาโนรามาของแนวภูเขา Dachstein อันงดงามครับ ตัวจุดชมวิวจะมีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ เห็นได้จากระยะไกลเลยครับ

by aldorado/ShutterStock

อีกจุดชมวิวหนึ่งที่น่าสนใจและอยู่ไม่ไกลคือ World Heritage View ซึ่งจากตรงนี้คุณจะได้เห็นธารน้ำแข็ง Dachstein Glacier แบบเต็มๆ ตาครับ ความสวยของวิวที่นี่อาจจะเรียกได้ว่ามีมูลค่าหนึ่งล้านยูโรเลยก็ว่าได้

by Takashi Images/ShutterStock

ใกล้ๆ จุดชมวิวทั้งสองจะมีฝูงแกะอาศัยอยู่บริเวณทุ่งหญ้า แน่นอนว่าคุณสามารถชมและถ่ายรูปพวกมันได้ครับ

6. เดินเทรคตามเส้นทาง Helibronner Circular Trail

สำหรับใครมีการเดินชมวิวอยู่ในหัวใจ คุณสามารถมาเดินเทรคระยะสั้นได้ที่ Helibronner Circular Trail ซึ่งจะเริ่มต้นจากสถานีที่ 2 ของกระเช้า และเดินไปตามแนวเขาอันสวยงามและจบลงที่บริเวณสถานีที่ 3 ครับ

ตลอดเส้นทางจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง (แต่นานกว่านั้นแน่นอนได้ถ้าคุณหยุดถ่ายรูป) ทั้งนี้หนึ่งในแลนด์มาร์กยอดนิยมก็คือ Dachstein Shark สถานที่ชมวิวรูปฉลามที่คุณสามารถขึ้นบันไดไปชมวิวจากปากฉลามได้ครับ

by Redfox1980/ShutterStock

หลายคนอาจจะสงสัยว่าบริเวณนี้เป็นภูเขาหิมะแล้วเกี่ยวอะไรกับฉลามตรงไหน คำตอบก็คือเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน บริเวณนี้เป็นทะเลครับ ปัจจุบันตามเส้นทางนี้ก็พบฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลยุคดึกดำบรรพ์มากมาย ตามเส้นทาง Helibronner Circular Trail จะให้ความรู้สึกนักเดินทางในส่วนนี้ไว้ด้วยครับ

References:

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

สถานที่ท่องเที่ยวน่าไป

โรงแรมน่าจอง

error: Content is protected !!