โอคายาม่า (Okayama) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดชื่อเดียวกันในภูมิภาคชูโกคุของญี่ปุ่น โดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะฮอนชู ทั้งนี้โอคายาม่าเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจของภูมิภาค โดยเป็นรองแค่เมืองฮิโรชิม่าเพียงแห่งเดียวเท่านั้นเองครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับโอคายาม่าอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักโอคายาม่า (Okayama)
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของตัวเมืองนั้นจะเป็นพื้นที่ราบริมทะเลที่มีแม่น้ำไหลผ่านถึงสองสายได้แก่ แม่น้ำอาซาฮีและแม่น้ำโยชิอิ อย่างไรก็ดีโอคายาม่าเป็นเมืองที่ฝนตกน้อยเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ เพราะฉะนั้นตัวเมืองจึงได้แสงอาทิตย์มากกว่าเมืองทั่วไปของญี่ปุ่นครับ
เมืองโอคายาม่ามีต้นกำเนิดที่ไม่นานนักถ้าเปรียบกับเมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่น โดยก่อนสมัยเซ็นโกคุนั้นพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ทำเกษตรกรรมในชนบทที่กว้างใหญ่ แต่ไดเมียวนามว่าอุคิตะ นาโออิเอะได้เข้ามายึดครองพื้นที่บริเวณดังกล่าว และเปลี่ยนเป็นเมืองปราสาทพร้อมให้ช่างฝีมือจำนวนมากย้ายมาอยู่ที่นี่ ทำให้ในเวลาไม่นาน โอคายาม่าก็กลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งครับ
ในสมัยเอโดะ โอคายาม่าถูกส่งมอบให้กับตระกูลอิเคดะ ซึ่งได้ปกครองที่นี่อย่างยาวนานเกินกว่า 2 ศตวรรษ และได้เปลี่ยนโอคายาม่าให้เป็นเมืองปราสาทที่มั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และได้มีการสร้างสวนโคราคุเอ็น (Korakuen Garden) ที่ได้รับการขนานนามในเวลาต่อมาว่าเป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในแผ่นดินครับ
ต่อมาในสมัยเมจิ โอคายาม่ายังคงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง โดยมีการสร้างทางรถไฟเชื่อมกับส่วนอื่นของประเทศ เช่นเดียวกับโรงเรียนและสถาบันการศึกษา ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางทางด้านความรู้ของญี่ปุ่นอยู่ช่วงหนึ่ง
ทว่าในช่วงสงคราม ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของกองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น ทำให้ถูกทิ้งระเบิดเพลิงเสียหายหมดสิ้นทั้งเมือง อาคารบ้านเรือนต่างๆ ในเห็นในปัจจุบันล้วนแต่เป็นส่วนที่สร้างขึ้นใหม่หลังจากสงครามทั้งสิ้นครับ
ปัจจุบันโอคายาม่ายังคงเป็นฮับทางด้านคมนาคมและเศรษฐกิจทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับเป็นประตูสู่สถานที่เที่ยวต่างๆ โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นคุราชิกิ, โอโนมิจิ หรือว่าอิซุโมะครับ
ข้อควรทราบ
1. ปราสาทโอคายาม่า
ปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle) เป็นปราสาทอันยิ่งใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยไดเมียวผู้ดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในคณะขุนนางทั้งห้าของฮิเดโยชิอย่าง อุคิตะ ฮิเดอิเอะ ดังนั้นตัวปราสาทจึงมีความยิ่งใหญ่อลังการอยู่แล้ว โดยเป็นทรงห้าเหลี่ยมและมีมากถึง 6 ชั้นด้วยกัน
ลักษณะโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือมีสีดำเข้มที่เพิ่มความน่าเกรงขาม (ทำให้ตัวปราสาทได้ชื่อว่า ‘อุโจ’) น่าเสียดายที่ตัวปราสาทในปัจจุบันนั้นเป็นของสร้างใหม่ เพราะของเดิมพังพินาศไปในการทิ้งระเบิดช่วงสงครามครับ
คุณสามารถเข้าไปชมด้านในได้ ซึ่งจะมีห้องหับต่างๆ ที่ได้รับการบูรณะใหม่ตามแบบของเดิม และมีสถานที่ให้คุณได้ลองทำเครื่องปั้นดินเผาแบบบิเซนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ทำให้ด้านบนสุดของตัวปราสาทนั้นเป็นจุดชมวิวสวนโคราคุเอ็นที่ดีที่สุด เพราะจะเห็นได้แบบพาโนรามาเลยครับ
ค่าเข้าชม: 400 เยน
2. สวนโคราคุเอ็น
สวนโคราคุเอ็น (Korakuen) เป็นหนึ่งในสามสวนสาธารณะแบบญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุดในประเทศ โดยเคียงคู่กับสวนเค็นโรคุเอ็นที่คานาซาว่า และสวนไคราคุเอ็นที่เมืองมิโตะครับ
ตัวสวนสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยไดเมียวตระกูลอิเคดะเพื่อรองรับแขกบ้านแขกเมือง เช่นเดียวกับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับครอบครัว ดังนั้นจึงสร้างขึ้นใกล้กับปราสาทโอคายาม่า ทำให้คุณสามารถเห็นปราสาทได้จากสวนแห่งนี้ด้วยครับ
อย่างไรก็ดีตัวสวนแห่งเดิมนั้นเสียหายมากในช่วงศตวรรษที่ 20 ทั้งจากน้ำท่วมและการทิ้งระเบิด แต่โชคดีที่พิมพ์เขียวของตัวสวนได้ถูกรักษาเป็นอย่างดี ทำให้ทางรัฐบาลเมืองสามารถบูรณะตัวสวนให้กลับมาสวยงามเหมือนในอดีตครับ
ด้านในนั้นจะเหมือนกับสวนญี่ปุ่นทั่วไป นั่นคือจะมีความเขียวชอุ่มของพืชพรรณนานาชนิด ควบคู่ไปกับสระน้ำขนาดใหญ่ บางส่วนของสวนได้ถูกปรับแต่งสำหรับไม้ดอก ไม่ว่าจะเป็นดอกพลัมและซากุระ ส่วนบางจุดก็มีการปลูกต้นเมเปิ้ลไว้อย่างมากมาย ทำให้ที่นี่สวยงามในทุกฤดูครับ
ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ อย่างอาคารต่างๆ ก็ได้รับการสร้างใหม่อย่างงดงามในสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ที่นี่จึงเป็นสถานที่จัดเทศกาลสำคัญอย่างเช่นการเก็บชา (ด้านในสวนมีไร่ชา) และประเพณีชมจันทร์ยามค่ำคืน
นอกเหนือจากในช่วงกลางวันแล้ว สวนโคราคุเอ็นจะเปิดให้เข้าชมตอนค่ำได้ด้วย ซึ่งจะมีการเปิดไฟในจุดต่างๆ อย่างสวยงามยิ่งครับ
ค่าเข้าชม: 410 เยน แต่แนะนำให้ซื้อคู่กับปราสาทโอคายาม่าจะได้ในราคา 640 เยนสำหรับทั้งสองแห่งครับ
3. เก็บผลไม้
ผลไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองโอคายาม่าคือองุ่นและลูกพีช โดยองุ่นนั้นถือเป็นผลไม้ที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัด ซึ่งในสวนแต่ละแห่งนั้นจะมีปลูกอยู่หลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น Muscat of Alexandria, Shine Muscat, Pione, Seto Giants, Aurora Black ฯลฯ
ทั้งนี้คุณสามารถไปเก็บและรับประทานได้ที่ Kubo Farm หรือ Ishihara Orchard ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโอคายาม่า ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,980-2,240 เยนครับ ทั้งนี้ช่วงที่ดีที่สุดคือปลายเดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนตุลาคมครับ นอกจากนี้ในฟาร์มอาจจะมีผลิตภัณฑ์จากองุ่นชั้นเลิศให้คุณซื้อกลับไปเป็นของฝากได้ด้วยครับ
สำหรับพีชของโอคายาม่านั้นจะมีจุดเด่นคือผิวของผลไม้จะมีสีขาวอมเหลืองแซมด้วยสีแดงเพียงเล็กน้อย และมีรสชาติหวานอร่อย อันที่จริงสายพันธุ์ของที่นี่ได้มาจากประเทศจีนในช่วงศตวรรษที่ 19-20 และผ่านการดัดแปลงสายพันธุ์และเทคนิคการทำการเกษตรชั้นเลิศของญี่ปุ่น กำเนิดเป็นพีชที่อร่อยไม่แพ้ใครในแผ่นดินครับ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเก็บพีชคือช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,400-2,200 เยนต่อการเก็บ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้คุณสามารถไปเก็บได้ที่สวน Tomomien (桃茂実苑観光農園) หรือ Yoshii Farm ครับ
4. Handayama Botanical Garden
Handayama Botanical Garden เป็นจุดชมซากุระที่ดีที่สุดของเมืองโอคายาม่า เพราะว่าคุณจะได้เห็นต้นซากุระที่มีมากมายกว่าหนึ่งพันต้นออกดอกบานสะพรั่ง เช่นเดียวกับชมวิวมุมสูงของตัวเมือง (เพราะว่าตัวสวนนั้นตั้งอยู่บนเนินเขา)
ในช่วงเทศกาลซากุระ คุณสามารถชมได้อย่างจุใจจนถึงช่วงสามทุ่ม ซึ่งในตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟให้ความสว่าง ทำให้สวยงามไม่แพ้ตอนกลางวันครับ
5. ศาลเจ้าคิบิสึ
ศาลเจ้าคิบิสึ (Kibitsu Shrine) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และได้รับความนับถือเป็นลำดับต้นๆ ทั้งนี้ตัวศาลเจ้าน่าจะเป็นต้นกำเนิดของตำนานโมโมทาโร่ของประเทศญี่ปุ่นครับ
จุดเด่นของที่นี่คือสถาปัตยกรรมที่ใช้สร้างตัวศาลเจ้านั้นมีลักษณะโดดเด่นเป็นของตนเอง โดยมีชื่อว่าคิบิสึสุคุริ (Kibitsu-zukuri) รวมไปถึงมีทางเดินที่มีหลังคาแบบญี่ปุ่นเรียงรายไปถึง 400 เมตร ทำให้ไม่เหมือนกับศาลเจ้าใดๆ ในญี่ปุ่นเลยครับ
ในส่วนของสายมูนั้น ชาวญี่ปุ่นนิยมมาขอคู่ เช่นเดียวกับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไปจนถึงการคลอดบุตรให้ราบรื่นไม่มีอันตรายครับ สำหรับวิธีการไหว้ คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
ทั่งนี้พื้นที่ใกล้กับศาลเจ้าคิบิสึนั้นเป็นสถานที่เก่าแก่อันเป็นที่ตั้งของอาณาจักรคิบิ (Kibi) อาณาจักรโบราณที่อายุมากกว่า 1,500 ปี บริเวณนี้จึงมีทั้งวัด ศาลเจ้า และสุสานหลายแห่ง นักท่องเที่ยวนิยมมาเช่าจักรยานและขี่ตามเส้นทางยาว 17 กิโลเมตรระหว่าง Bizen-Ichinomiya Station และ Soya Station ครับ
6. ช้อปปิ้ง
โอคายาม่าเป็นเมืองใหญ่ ดังนั้นตัวเมืองจึงมีแหล่งช้อปปิ้งที่น่าสนใจสำหรับเดินเล่น หาอะไรทาน และจับจ่ายซื้อของฝาก อาทิเช่น
- Omotecho – ถนนคนเดินในร่มที่มีร้านอาหารและร้านขายสินค้ามากมาย
- Okayama ichibangai – ห้างใต้ดินใกล้กับสถานีรถไฟโอคายาม่าที่มีร้านค้าหลากหลายให้เลือกสรร
7. ทานอาหารพื้นเมือง
นอกเหนือจากผลไม้แล้ว โอคายาม่ามีอาหารพื้นเมืองที่ไม่ได้ด้อยกว่าจังหวัดใดในญี่ปุ่น ตั้งแต่ซีฟู้ดสดอร่อยจากทะเลภายในเซโตะ ไปจนถึงเนื้อจิยะ (Chiya Beef) เนื้อวากิวคุณภาพเยี่ยมที่นำไปทำอะไรก็อร่อยได้ทุกเมนูครับ
สำหรับเมนูทั่วไปที่น่าสนใจได้แก่ Okayama Demi-katsudon ซึ่งเป็นข้าวหน้าหมูทอดแบบทั่วไป แต่จะราดซอส Demi-Glace มาทานคู่กันด้วย ซึ่งต้นตำหรับน่าจะเป็นร้าน Ajitsukasa Nomura ที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1930 ครับ
ส่วนถ้าใครชอบเมนูเส้น ผมแนะนำให้ลองชิม Kasaoka Ramen ราเมงเครื่องโชยุที่ทำมาจากโครงไก่ ส่วนหมูชาชูนั้นจะแทนที่ด้วยไก่ชาชูแทน ซึ่งเป็นสูตรที่หาได้ยากมากในญี่ปุ่นครับ