โอมิฮาจิมัง (Omihachiman) เป็นเมืองโบราณริมคลองแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นในจังหวัดชิงะ ซึ่งถ้าดูเผินๆแล้วผมมองว่าจะบรรยากาศคล้ายกับเมืองคุราชิกิของจังหวัดโอคายาม่า และเมืองซาวาระของจังหวัดชิบะครับ
ทว่าหนึ่งสิ่งที่แตกต่างกันไปคือโอมิฮาจิมังนั้นมีประวัติศาสตร์ที่อาจจะเรียกได้ว่าร่ำรวยกว่าเมืองริมน้ำอื่นๆ เพราะว่ามีความเกี่ยวพันกับโอดะ โนบุนากะ ไดเมียวผู้มีชื่อเสียงระบือไกลแห่งยุคเซ็นโกกุครับ
ในบทความนี้ผมจึงจะมาแนะนำเมืองนี้ให้รู้จักคร่าวๆ ก่อนที่จะว่ากันถึงสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองโอมิฮาจิมัง (Omihachiman)
สภาพภูมิศาสตร์ของเมืองโอมิฮาจิมังนั้นอยู่บริเวณตอนกลางของจังหวัดชิงะ โดยติดกับทะเลสาบบิวะ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ในอดีตโอมิฮาจิมังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดโบราณชื่อโอมิ (Omi Province) และเป็นเมืองที่พักนักเดินทางที่ให้บริการนักเดินทางและพ่อค้าที่ใช้ทางหลวงโทเซนโดะ (Tosendo) ที่เชื่อมเกียวโต (หรือเฮอันเคียวในเวลานั้น) กับเมืองอื่นๆ ทางภาคตะวันออกครับ
ต่อมาในยุคเซ็นโกกุ โอดะ โนบุนากะได้เข้ามามีอำนาจในพื้นที่แถบนี้ เขาจึงสร้างปราสาทอาสึจิ (Azuchi Castle) ขึ้นที่นี่ โดยมีจุดหมายก็เพื่อเป็นฐานที่มั่นของตน และอาศัยทำเลที่ใกล้เกียวโต และเป็นเส้นทางการคมนาคมของโอมิฮาจิมังในการควบคุมไดเมียวทรงอำนาจอื่นๆ ที่เป็นปฏิปักษ์ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลทาเคดะที่โคฟุ หรือตระกูลอุเอะสึกิทางตะวันออก และตระกูลโมริที่ฮิโรชิม่าครับ
ช่วงที่โนบุนากะปกครองที่นี่นั้นเป็นช่วงที่โอมิฮาจิมังรุ่งโรจน์มาก เพราะชาวเมืองได้รับการงดเว้นภาษี พ่อค้าได้รับเสรีภาพในการค้าขายอย่างเต็มที่ ส่วนนักเดินทางทุกคนก็ถูกบังคับให้แวะพักที่นี่ ทำให้ตัวเมืองมีประชาชนย้ายมาอยู่อาศัยมากขึ้น จนกลายเป็นเมืองขนาดกลางที่มีประชากรหลายพันคนในช่วงนั้น
หลังจากที่โนบุนากะถูกลอบสังหาร ปราสาทอาสึจิได้ถูกเผาทำลายด้วยผู้ทรยศอย่างอาเคชิ มัตสึฮิเดะ ทว่าในสมัยเอโดะ เมืองโอมิฮาจิมังก็ได้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง แต่ย้ายศูนย์กลางมาเป็นที่ปราสาทหลังใหม่ชื่อปราสาทฮาจิมันยามะครับ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตัวเมืองมีพ่อค้าเดินทางมามากมาย และนำสินค้าหลากชนิดมาขายอย่างเช่นผ้ากัญชง เสื่อทาทามิ และอื่นๆ อีกมากมายครับ
ก่อนที่รัฐบาลโตกุกาวะจะปิดประเทศ พ่อค้าจากเมืองแห่งนี้เองจำนวนมากมายเดินทางไปค้าขายแดนไกล ซึ่งรวมไปถึงดินแดนสยามที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน ชาวเมืองแห่งนี้จึงมีวัฒนธรรมการค้าที่แข็งแกร่งโดดเด่น นอกจากนี้ยังยึดมั่นในความซื่อสัตย์โปร่งใสในทำการค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวเมืองโอมิฮาจิมังภาคภูมิใจเป็นอย่างยื่ง
ในสมัยเมจิ สถาปนิกชาวอเมริกันนามว่า William Morrell Vories ได้เดินทางมายังเมืองโอมิฮาจิมัง โดยมาเป็นครูสอนภาษาที่เมืองแห่งนี้ เขาได้เป็นกำลังสำคัญในการสร้างโรงเรียน อาคารห้างร้าน และโรงพยาบาลหลายแห่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่สวยงามครับ ทำให้เมืองโอมิฮาจิมังเป็นเมืองสวยที่มีทั้งสถาปัตยกรรมแบบผสม แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งของวัฒนธรรมที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันโอมิฮาจิมังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของจังหวัดชิงะ เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ อย่างโอสึ (Otsu) ที่เป็นเมืองหลวง และเมืองริมทะเลสาบบิวะอื่นๆ อย่างฮิโกเนะ และทาคาชิมะครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปโอมิฮาจิมังทำอย่างไร?
นักท่องเที่ยวส่วนมากมักจะเดินทางไปโอมิฮาจิมังจากเมืองเกียวโตหรือโอซาก้า โดยคุณสามารถใช้บริการของ JR Special Rapid Express จากทั้งสองเมืองไปได้โดยตรงเลยครับ เวลาที่ใช้จะอยู่ที่ประมาณชั่วโมงเศษๆ ดูตารางเวลาได้ที่เว็บของ JR West ครับ
1. ย่านเมืองเก่าโอมิฮาจิมัง
ย่านเมืองเก่าริมคลองของโอมิฮาจิมังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 1 ของเมือง และเป็นจุดที่นักเดินทางมักเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศสมัยเอโดะกันที่นี่ครับ
คลองที่ไหลผ่านย่านเมืองเก่านั้นมีชื่อว่าโอมิฮาจิมัง-โบริ (Omihachiman-bori) และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของเมืองที่เป็นเมืองค้าขายมาตั้งแต่โบราณ สองข้างทางยังหลงเหลืออาคารไปถึงคลังสินค้าที่สร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าครับ
ทว่าความสำคัญของคลองได้เสื่อมถอยไปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ปัจจุบันที่นี่จึงได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เช่นเดียว location ในการถ่ายทำภาพยนตร์และซีรีส์ญี่ปุ่นจำนวนมากครับ
ในการชมย่านเมืองเก่านั้น นักเดินทางมักจะล่องเรือเล็กไปตามริมคลอง ตามเส้นทางจากท่าเรือไปถึงย่านเมืองเก่า ซึ่งจะสวยมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะต้นซากุระที่ปลูกไว้ตามทางจะเบ่งบาน ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็งามไม่แพ้กัน เพราะใบไม้เปลี่ยนสีนั่นเองครับ ส่วนค่าล่องจะอยู่ที่ 1,000-1,100 เยนต่อคนครับ
อีกหนึ่งจุดในย่านเมืองเก่าที่น่าสนใจคือถนนชินมาจิ (Shinmachi Street) อดีตถนนที่เคยมั่งคั่งไปด้วยพ่อค้าผู้ร่ำรวยที่ได้ใช้เงินทองที่หามาในการสร้างบ้านใหญ่โตเหล่านี้ครับ
หนึ่งในบ้านพักที่คุณเข้าไปชมได้คือบ้านนิชิคาวะ ริเอมง (Nishikawa Riemon House) บ้านของตระกูลนิชิคาวะที่ร่ำรวยเพราะการขายมุ้งดักยุงและเสื่อทาทามิ ในอดีตตระกูลนี้เคยอาศัยอยู่ที่นี่มาถึง 11 ชั่วคนจนกระทั่งไร้ผู้สืบทอดสายตรง บ้านหลังนี้จึงถูกยกให้กับทางการเมืองโอมิฮาจิมัง และได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คุณเข้าไปชมได้ครับ
ตัวบ้านนั้นมีสองชั้น สร้างขึ้นด้วยไม้และปูด้วยเสื่อทาทามิอย่างดี ด้านในจัดแสดงข้าวของโบราณที่เหมือนกับเป็นการเปิดประตูสู่สมัยเอโดะให้นักเดินทางทั่วไปได้สัมผัสครับ
2. พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในย่านเมืองเก่า
ในบริเวณย่านเมืองเก่านั้นมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น
- Omihachiman Municipal Museum – พิพิธภัณฑ์ที่ประกอบด้วยอาคารซึ่งเคยเป็นบ้านพักของพ่อค้าในอดีต และพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ตกทอดมาจากสมัยเอโดะของชาวเมืองครับ
- Kawara Museum – พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับกระเบี้ยงมุงหลังคา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอุตสาหกรรมสำคัญอย่างหนึ่งของเมืองโอมิฮาจิมังครับ
- No-MA Borderless Art Museum – พิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในบ้านอายุเกือบร้อยปีจากสมัยโชวะ ในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะครับ
- Hikiyama to igusa no yakata – พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงอุปกรณ์ที่ใช้สานเสื่อทาทามิ และจัดแสดงขบวนแห่ที่ใช้ในเทศกาลอาซาโกอิกิอน (Asagoigion) เทศกาลใหญ่ของเมืองครับ
3. เขตอาสึจิ
เขตอาสึจิ (Azuchi) ในอดีตเคยเป็นเมืองอันเป็นที่ตั้งของปราสาทอาสึจิ แต่ได้ถูกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองโอมิฮาจิมังในยุคหลัง ปัจจุบันในเขตนี้มีโบราณสถานและพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับโอดะ โนบุนากะอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น
Azuchi Castle Ruins หรือซากปรักหักพังของปราสาทอาสึจิ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทอันยิ่งใหญ่และสวยงามและเป็นยอดของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น น่าเสียดายที่หลังจากโนบุนากะถูกลอบสังหาร ตัวปราสาทก็ถูกเผาทำลายจนเหลือแค่ฐานและกำแพงอย่างที่ปรากฏในปัจจุบัน
Azuchi Castle Museum – พิพิธภัณฑ์ที่เล่าทุกสิ่งทุกเรื่องราวของปราสาทอาสึจิที่เคยยิ่งใหญ่ รวมไปถึงโบราณวัตถุบางส่วนที่หลงเหลือมาจากช่วงสมัยศตวรรษที่ 16 ด้วยครับ
Jogonin Temple – โนบุนากะนั้นมีชื่อเสียงในการทำลายศาสนสถาน ไม่ว่าจะเป็นวัดเอ็นยาคุจิและวัดของพวกอิกโก-อิกกิ (Ikko-Ikki) แต่ที่นี่นั้นเป็นวัดที่เขาสร้างขึ้นครับ
4. อาคารทรงตะวันตก
อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าไปเยือนคืออาคารทรงตะวันตกที่เป็นผลงานของสถาปนิกและครูสอนศาสนาชาวอเมริกันนามว่า William Merrel Vories ซึ่งเขาได้เป็นกำลังสำคัญในการสร้างอาคารสวยๆ หลายแห่งในสไตล์ตะวันตก
ไม่ว่าจะเป็น Iba Residence ที่เป็นอาคารทรง Tudor หรือว่า Ikedacho Dormitory ที่เป็นอาคารแบบ colonial ที่เคยใช้เป็นสถานที่พักของเหล่ามิชชันนารีครับ
5. ศาลเจ้าฮิมุเระฮาจิมันกุ
ศาลเจ้าฮิมุเระฮาจิมันกุ (Himure Hachimangu Shrine) เป็นศาลเจ้าอันเป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าที่เหล่าพ่อค้าเคารพบูชามาตั้งแต่อดีต และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดในเมืองเลยก็ว่าได้
ด้านในศาลเจ้านั้นมีภาพวาดเรือที่เดินทางออกไปค้าขายยังอันนัม (เวียดนามในปัจจุบัน) ที่มอบให้โดยหนึ่งในพ่อค้าที่เดินทางข้ามทะเลไปค้าขายกับอันนัมในเวลานั้นครับ
6. ภูเขาฮาจิมัง
ภูเขาฮาจิมัง (Mt.Hachiman) เป็นภูเขาที่เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทฮาจิมันยามะ แต่พอสร้างเสร็จก็ใช้งานไม่นานนักก็ถูกทิ้งขว้าง ทำให้ปัจจุบันตัวปราสาทนั้นเหลือแต่ซากไปแล้วครับ
อย่างไรก็ดีที่นี่เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองโอมิฮาจิมัง เพราะนอกจากคุณจะเห็นตัวเมืองได้โดยรอบแล้ว คุณจะเห็นทะเลสาบบิวะอันสวยงามอีกด้วย การขึ้นไปก็ไม่ได้ยากอะไรเลยเพราะมีกระเช้า (Hachimanyama Ropeway) พาคุณขึ้นไปในราคาไปกลับ 890 เยนครับ
7. นิชิโนโกะ
นิชิโนโกะ (Nishinoko) เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโอมิฮาจิมัง แม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่าที่คุชิโระในเกาะฮอกไกโด แต่ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลสาบบิวะครับ
ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ และมีต้นกกปกคลุม พื้นที่บริเวณนี้จึงมีทัศนียภาพอันสวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเย็น ที่นี่จึงได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว โดยวิธีการชมที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือล่องเรือพายไปตามสายน้ำครับ
8. ลิ้มรสเนื้อโอมิและเมนูพื้นเมืองอื่นๆ
เมนูอันดับ 1 ของที่นี่ก็คือเนื้อโอมิ (Omi Beef) หนึ่งในสามสุดยอดเนื้อวากิวของญี่ปุ่นเคียงคู่กับเนื้อโกเบและเนื้อมัตสึซากะ และมีประวัติความเป็นมากว่า 4 ศตวรรษ ดังนั้นถ้าคุณได้มาเยือนเมืองนี้แล้ว ถ้าคุณไม่ได้รับประทานเนื้อโอมิก็เหมือนไปไม่ถึงโอมิฮาจิมังครับ คุณจะมีตัวเลือกมากมายตั้งแต่สุกี้ยากี้ ยากินิคุ สเต็ก หรือแม้กระทั่งรับประทานเป็นซูชิครับ
ส่วนเมนูอื่นที่น่าสนใจนั้นก็ยังมีอีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นอากะกอนยาคุ (Akakonyaku) เมนูคล้ายเยลลี่ที่มีประวัติย้อนไปได้ถึงสมัยโนบุนากะ หรือโคเกียวสึคุดานิ (Kogyutsukudani) เมนูปลาต้มในโชยุครับ
References
- Omihachiman Travel Site
- Shiga Biwako – Hachiman Bori Canal
- Omihachiman Official Guide