โอโมเตะซานโด (Omotesando) เป็นย่านที่มีชื่อเสียงเรื่องความหรูหรา และเป็นสถานที่ช้อปปิ้งระดับ upscale ของนักเดินทางกระเป๋าหนัก แต่ที่นี่ก็มีชื่อเสียงด้านร้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาเฟ่ที่ไม่แพ้ย่านใดในโตเกียว และยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วย ดังนั้นใครที่ชอบเดินเล่นหรือนั่งที่คาเฟ่สวยๆ โปรดอย่าได้มองข้ามย่านนี้ไปครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับย่านนี้คร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำจุดที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักย่านโอโมเตะซานโด
โอโมเตะซานโดอยู่ระหว่างย่านหลักของกรุงโตเกียวอย่างชิบูย่า, ชินจูกุ และรปปงหงิ ด้วยความที่มีต้นไม้เรียงรายอย่างสวยงาม และเป็นสถานที่ช้อปปิ้งระดับ high-end ทำให้บางครั้งโอโมเตะซานโดถูกเปรียบว่าเป็น Champ-Elysees แห่งโตเกียวครับ
ต้นกำเนิดของโอโมโตะซานโดย้อนไปได้ถึงสมัยต้นศตวรรษที่ 20 กล่าวคือเมื่อจักรพรรดิเมจิสวรรคตในปี ค.ศ.1912 ได้มีการสร้างศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ขึ้นเพื่ออุทิศให้กับดวงวิญญาณของพระองค์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปประเทศญี่ปุ่นให้ทันสมัย ถนนโอโมโตะซานโดจึงได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางเข้าสู่ด้านหน้าของศาลเจ้าแห่งนี้ครับ โดยถนนเส้นนี้จะเชื่อมด้านหน้าของศาลเจ้าเมจิเข้ากับถนนอาโอยามะ (Aoyama Street) ครับ
ไฮไลท์ของโอโมเตะซานโดคือสองข้างทางจะมีการปลูกต้น zelkova เรียงรายกันไป ซึ่งจะให้บรรยากาศที่ดูร่มรื่นสวยงามครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปย่านโอโมเตะซานโดทำอย่างไร?
โอโมเตะซานโดสามารถเดินไปได้จากย่านชิบูย่า ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่ถ้าไม่อยากเดินจริงๆ คุณสามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานีได้หลายแห่งด้วยกัน อย่าง Omotesando Station, Meiji-Jingumae Station, Gaienmae Station หรือแม้กระทั่ง Harajuku Station ครับ
1. ช้อปปิ้งและชมสถาปัตยกรรม
แน่นอนว่ากิจกรรมแรกที่นักท่องเที่ยวมาถึงโอโมเตะซานโดก็คือการช้อปปิ้ง ซึ่งที่นี่มีห้างสรรพสินค้าให้ช้อปปิ้งหรือเดินเล่นจำนวนมาก อย่างเช่น Omotesando Hills หรือ Gyre เช่นเดียวกับ Flagship Store ของแบรนด์ดังระดับ Luxury อย่างเช่น Louis Vuitton, Dior, Gucci, Prada ไปจนถึง Alexander McQueen หรือ Ralph Lauren ครับ
สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือ อาคารแต่ละแห่งนั้นมีการออกแบบที่มีสไตล์ ดูแพงมีคลาส ดังนั้นใครที่ไม่ได้อยากจะซื้อสินค้า แค่เดินถ่ายรูปก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้มาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนธันวาคมถึงต้นมกราคมที่มีการประดับประดาดวงไฟที่ต้นไม้ตามถนนกว่า 800,000 ดวง ซึ่งจะทอแสงสว่างในช่วงกลางคืนครับ
2. คาเฟ่และร้านอาหาร
โอโมเตะซานโดได้ชื่อว่าเป็นย่านที่รวมคาเฟ่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่น แต่ละร้านมี theme ที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับรูปแบบและศิลปะบนถ้วยกาแฟให้คุณได้ชม บางร้านมีที่มาจากต่างประเทศอย่างอเมริกาหรือยุโรป ขณะที่บางร้านมาจากภูมิภาคอื่นของญี่ปุ่น นอกจากนี้บางร้านจะวางขายขนมปังและเบเกอรี่หอมกรุ่นจากเตาให้คุณรับประทานคู่กับกาแฟด้วยครับ
ขณะที่ร้านอาหารก็มีหลากหลายสัญชาติ ตั้งแต่สุกี้ยากี้ ซูชิ ไปจนถึงอาหารตะวันตก แต่ละร้านก็จะเป็นระดับ high-end ครับ ถ้าอยากจะลิ้มลองรสชาติแบบที่ไม่แพงจนเกินไปนัก ควรไปช่วงมื้อกลางวันครับ
3. ชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ
ในย่านโอโมเตะซานโดมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น
- Nezu Museum – พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุที่มีที่มาจากญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออก
- Watari Museum of Contemporary Art – พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย ตัวอาคารออกแบบอย่างสวยงามโดยเป็นผลงานของสถาปนิกชาวสวิสอย่าง Mario Botta
- Espace Louis Vuitton Tokyo – ตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของ Louis Vuitton Store จัดแสดงผลงานศิลปะแบบร่วมสมัยของจิตรกรหลายท่านครับ
4. Cat Street
Cat Street เป็นถนนคนเดินที่อยู่ใกล้กับถนนสายหลักของโอโมเตะซานโด โดยถนนเส้นนี้จะเชื่อมย่านชิบูย่าเข้ากับฮาราจูกุ ที่นี่มีร้านค้าอีกมากมายเช่นกัน แต่จะออกแนวฮิปสเตอร์ เพราะฉะนั้นไม่ได้ดูหรูหราชนชั้นสูงเหมือนกับโอโมเตะซานโดครับ
ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมในโตเกียวสำหรับการหาเครื่องแต่งกายมือสองคุณภาพดีในราคาที่ไม่แรง และยังมีร้านอาหารและคาเฟ่มากมายให้เลือกอีกเช่นกันครับ