โอโนมิจิ (Onomichi) เป็นเมืองในจังหวัดฮิโรชิม่าริมทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) ซึ่งเป็นทะเลภายในของญี่ปุ่น ไฮไลท์ของที่นี่คือวัดและศาลเจ้าที่ตั้งอยู่เรียงรายตามแนวภูเขาที่สวยงาม ไปจนถึงบรรยากาศเมืองท่าแบบดั้งเดิมที่ชาวญี่ปุ่นที่มีอายุสักหน่อยจะรู้สึกโหยหาครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองโอโนมิจิโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองโอโนมิจิ (Onomichi)
เมืองโอโนมิจิ (Onomichi) มีสภาพภูมิศาสตร์ตั้งอยู่ริมทะเลที่ห้อมล้อมไปด้วยแนวภูเขา ทำให้บริเวณตัวเมืองนั้นมีที่ราบน้อยมาก และสร้างขึ้นไล่ไปตามเนินเขาจนมีรูปลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนกับที่ใดในญี่ปุ่นครับ
ความเป็นมาของโอโนมิจิย้อนไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 10 ทว่าตัวเมืองเริ่มกลายเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญในช่วงศตวรรษที่ 12 เพราะตัวเมืองได้มีบทบาทสำคัญในการขนส่งข้าวไปยังโคยะซังในจังหวัดวากายาม่าครับ
หลังจากนั้นที่นี่ได้กลายเป็นเมืองท่าที่มีคลังสินค้ามากมาย เช่นเดียวกับคลังที่ใช้แจกจ่ายข้าวสาร และท่าเรือที่รองรับเรือสินค้าจากต่างประเทศ เช่นเดียวกับเรือคิตะมาเอะ (Kitamae) ที่ใช้โดยเหล่าพ่อค้าในการค้าขายระหว่างเมืองต่างๆ ครับ
เหล่าพ่อค้าที่ทำมาหากินจนรุ่งโรจน์นั้นได้ใช้ทรัพย์สินที่หามาได้ในการสร้างวัดและศาลเจ้าขึ้นที่นี่ ส่งผลให้ในเมืองโอโนมิจิมีศาสนสถานมากมายตามพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาของเมืองครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปโอโนมิจิทำอย่างไร?
เมืองใหญ่ที่ใกล้กับโอโนมิจิมากที่สุดคือเมืองฮิโรชิม่า แต่คุณสามารถเดินทางไปโอโนมิจิได้อย่างง่ายดายจากเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- ชินคันเซน + รถบัส – คุณสามารถนั่ง Sanyo Shinkansen (ขบวน Kodama เท่านั้น) จากเมืองอย่างเช่นโอซาก้า ฮิโรชิม่า หรือโกเบ หรือแม้กระทั่งจากเมืองรองที่รถไฟเส้นนี้ผ่านอย่างเช่นคุราชิกิและฮิเมจิ ไปลงที่สถานี Shin-Onomichi Station หลังจากนั้นคุณจะต้องต่อรถบัสเข้าเมืองอีกประมาณ 15 นาทีครับ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมอ่านได้ผ่านเว็บของ JR West ครับ
- รถบัส – มีหลายผู้ให้บริการที่มีรถบัสเชื่อมระหว่างเมืองโอโนมิจิกับเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นโอซาก้า (Bingo Liner) ฮิโรชิม่า (Flower Liner) หรือแม้กระทั่งโตเกียว (ชินจูกุ) แต่สำหรับโตเกียวนั้นไม่น่าเป็นตัวเลือกที่ดีเท่าไร เพราะผมมองว่าใช้เวลานานเกินไป (ประมาณ 10 ชั่วโมง 20 นาที) ทว่าถ้าคุณโอเคกลับการนั่งรถข้ามคืนก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยครับ
- เช่ารถขับ – โอโนมิจิห่างจากเมืองฮิโรชิม่าประมาณ 90 กิโลเมตร ทำให้คุณสามารถเช่ารถและขับไปจากฮิโรชิม่าโดยไม่ยากอะไรนักครับ
ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Onomichi Tourism Association โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนจองหรือออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดครับ
การสัญจรในเมืองโอโนมิจิทำอย่างไร?
การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองนั้นจะใช้การเดินเท้าเป็นหลัก แต่คุณจะต้องทำใจว่าจะต้องเดินขึ้นลงเขาเกือบจะตลอดเวลา เพราะสภาพภูมิประเทศของเมืองนั่นเองครับ
อย่างไรก็ดีการเดินทางไปเกาะต่างๆ คุณจะต้องนั่งเรือเฟอร์รี่หรือว่ารถบัสไปครับ (นอกเหนือจากขี่จักรยานตามที่ผมได้ให้ข้อมูลไว้ด้านล่าง)
1. วัดเซ็นโคจิ
วัดเซ็นโคจิ (Senkoji Temple) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในจุดสูงสุดของเมือง ที่นี่นอกจากจะเป็นศาสนสถานแล้วยังมีสวนสาธารณะเซ็นโคจิและพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เช่นเดียวกับจุดชมวิวที่คุณจะได้มองเห็นเกาะต่างๆ ในทะเลเซโตะได้แบบพาโนรามา ซึ่งจะสวยเป็นพิเศษในช่วงกลางคืนครับ
แต่ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่จริงๆ คือซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะในสวนสาธารณะแห่งนี้มีต้นซากุระมากกว่า 1,500 ต้น และการได้ชมจากมุมสูงทำให้เปรียบเหมือนกับว่าต้นซากุระนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเมฆหมอกที่อยู่รอบตัวคุณ ความสวยงามของที่นี่ทำให้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นจุดชมซากุระ 1 ใน 100 แห่งของญี่ปุ่นครับ
สำหรับการขึ้นไปวัดเซ็นโคจินั้น คุณเลือกได้ว่าจะเดินขึ้นไปด้วยตัวเอง หรือว่าขึ้นกระเช้า Mt.Senkoji Ropeway ครับ ราคาจะอยู่ที่ 700 เยนไปกลับ (อ้างอิงจากเว็บของกระเช้าครับ)
2. เดินเที่ยววัด
สำหรับใครที่ชมเที่ยววัด และพร้อมเดินขึ้นลงเขา ตัวเมืองโอโนมิจินั้นมีเส้นทางยาว 3 กิโลเมตรที่เริ่มจาก JR Onomichi Station ไปทางทิศตะวันออกของเมือง ซึ่งจะผ่านตรอกซอกซอยของเมืองให้คุณได้สัมผัสเมืองท่าอันอบอุ่นแห่งนี้ และผ่านวัดเล็กๆ กว่า 20 แห่งที่เหล่าพ่อค้าใช้ทรัพย์สินของตนสร้างขึ้นครับ
จริงอยู่ว่าวัดแต่ละแห่งไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาในพุทธศาสนาของชาวเมืองโอโนมิจิเป็นอย่างดีครับ
3. ชิมานามิ ไคโด
ชิมานามิ ไคโด (Shimanami Kaido) หรืออีกชื่อหนึ่งว่าทางพิเศษนิชิเซโตะ เป็นเส้นทางความยาว 70 กิโลเมตรที่เชื่อมเกาะฮอนชูและชิโกกุเข้าด้วยกัน โดยข้ามทะเลและผ่านพื้นที่ของเกาะขนาดเล็กอีก 6 แห่งครับ
ด้วยความที่เส้นทางนี้มีทางจักรยานโดยเฉพาะ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ปั่นจักรยานทางไกลระดับท็อปที่ได้รับความนิยมแบบสูงลิบ เพราะทั้งวิวสวยมาก และท้าทาย ใครที่ชอบปั่นจักรยาน ผมแนะนำให้ไปปั่นที่นี่อย่างยิ่งเลยครับ
สำหรับใครที่สนใจ คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งค่าใช้เส้นทาง (500 เยน) ไปจนถึงค่าเช่าจักรยาน (2,000-17,000 เยนต่อวัน) เช่นเดียวกับค่าคืนจักรยานคนละสถานี และค่ารถบัส (ถ้าคุณปั่นไม่ไหวแล้ว) ทำให้โดยรวมแล้วแพงพอสมควรเลยครับ
ส่วนใครที่ขี้เกียจปั่นแบบผม คุณอาจจะเลือกนั่งรถบัสชมวิวได้ครับ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่สบายกว่า แต่แน่นอนว่าความสนุกจะสู้ปั่นเองไม่ได้ครับ
4. เกาะมุไกชิมะ
เกาะมุไกชิมะ (Mukaishima Island) เป็นหนึ่งในเกาะในทะเลภายในที่อยู่ใกล้กับเมืองโอโนมิจิ ตัวเกาะนั้นไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรมากนัก ยกเว้นจุดชมวิวบนภูเขาทาคามิยามะ (Takamiyama Observatory) ที่คุณจะเห็นเกาะต่างๆ และชิมานามิ ไคโดอย่างสวยงามมากครับ
อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจคือสวนกล้วยไม้หรือ Mukaishima Orchid Center ที่มีกล้วยไม้หลากสายพันธุ์ให้ได้ชมกันครับ
5. เกาะอินโนชิมะ
เกาะอินโนชิมะ (Innoshima Island) เป็นเกาะที่มีประวัติที่น่าสนใจมาก โดยเคยเป็นฐานที่มั่นของเหล่าโจรสลัดมุราคามิ แต่โจรสลัดกลุ่มที่ว่านี้ไม่ได้ปล้นสะดมเรือสินค้าอย่างที่กลุ่มอื่นๆ ทำกัน
ในทางตรงกันข้ามพวกเขาเหมือนกับผู้อิทธิพลที่คอยคุ้มครองเรือสินค้าให้ได้รับความปลอดภัยจากโจรสลัดตัวจริง ทำให้จริงๆ แล้วพวกเขาน่าจะเรียกว่าเป็นชาวเรือที่เก่งกาจทางน้ำมากกว่าครับ
บนเกาะอินโนชิมะยังเหลือปราสาทและวัด รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ที่เล่าประวัติความเป็นมาและวีรกรรมของโจรสลัดมุราคามิ
6. เกาะอิกุจิชิมะ
เกาะอิกุจิจิมะ (Ikuchijima) เป็นเกาะอันเป็นที่ตั้งของวัดโคซังจิ (Kosanji Temple) ที่สร้างขึ้นโดยนักธุรกิจคนหนึ่งเพื่อแสดงความรักและความกตัญญูของเขา สถาปัตยกรรมของตัววัดนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากศาสนสถานอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น อย่างเช่นศาลเจ้านิกโก้โทโชงุที่เมืองนิกโก้ และวัดเบียวโดอินของเมืองอุจิครับ
อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจคือ มิไรชิน โนะ โอกะ (Miraishin no Oka) ที่สร้างขึ้นจากหินอ่อนนำเข้ามาจากประเทศอิตาลี โดยเป็นแนว abstract ที่แสดงให้เห็นถึงความหวังครับ
ใกล้กับวัดแห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของฮิรายาม่า อิคุโอะ หนึ่งในจิตรกรชั้นนำของญี่ปุ่นครับ
7. ชิมอาหารพื้นเมือง
โอโนมิจิมีหลายเมนูอาหารที่มีชื่อเสียง อย่างแรกแน่นอนว่าคือ Onomichi Ramen โชยุราเมงแบบเส้นเล็กที่มีชื่อมาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนอีกเมนูก็คือ Onomichi Yaki หรือโอโคโนมิยากิสูตรของเมืองนี้ที่จะใส่กึ๋นลงไปด้วย ซึ่งจะหารับประทานได้เฉพาะที่เมืองนี้เท่านั้นครับ
สำหรับเมนูของคาวนั้น ยังมีเมนูนาเบะอย่าง Suigun Nabe และ Hamako Nabe ซึ่งใส่หมึกยักษ์ลงไปทั้งคู่ โดยนาเบะแบบแรกนั้นเป็นที่นิยมโดยเหล่าโจรสลัดมุราคามิที่จะรับประทานก่อนออกรบครับ
ปิดท้ายเมนูแสนอร่อยด้วยอานาโกะด้ง (Anago Don) ข้าวหน้าปลาไหลทะเลแสนอร่อย หรือทาโกะเมชิ (Tako Meshi) ที่เป็นการนำข้าวมาผัดกับหมึกยักษ์ครับ
References
- Onomichi Tourism Association (Ononavi)
- Mt.Senkoji Ropeway Official Site
- Dive Hiroshima (Murakami Pirates Article)