หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวตะวันออกกลาง8 ที่เที่ยวปาล์มจูไมราห์ (Palm Jumeirah) และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด

8 ที่เที่ยวปาล์มจูไมราห์ (Palm Jumeirah) และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด

-

ปาล์ม จูไมราห์ (Palm Jumeirah) หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนามเกาะต้นปาล์ม เป็นแลนด์มาร์กและสถานที่เที่ยวสำคัญของมหานครดูไบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) ตัวเกาะมีรูปร่างเป็นต้นปาล์มอันเป็นเอกลักษณ์ ส่วนด้านในนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่นเดียวกับโรงแรมที่พัก สิ่งอำนวยความสะดวกและนันทนาการอีกจำนวนมากครับ

ด้วยเหตุนี้การมาเที่ยวดูไบนั้นจะขาดปาล์ม จูไมราห์ไม่ได้เลย บทความนี้จึงจะมาชี้เป้าสิ่งที่น่าสนใจในปาล์ม จูไมราห์ว่ามีอะไรบ้างครับ

Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองบริการต่างๆ ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ

รู้จักปาล์ม จูไมราห์ (Palm Jumeirah)

ปาล์ม จูไมราห์ (Palm Jumeirah) หรือเกาะต้นปาล์มนั้นเป็นผลงานการก่อสร้างโดยมนุษย์แบบ 100% โดยในปัจจุบันครองตำแหน่งเป็นเกาะที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ โดยเป็นการถมส่วนหนึ่งของทะเลทะเลอาหรับ (Arabian Sea)

ปาล์ม จูไมราห์ (Palm Jumeirah)
by Delpixel/ShutterStock

การสร้างตัวเกาะนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.2001 แต่ก็ได้มีการสำรวจเรื่องสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงความเป็นไปได้ทางด้านวิศวกรรมมาก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อทุกอย่างไม่มีปัญหาใดๆ ทำให้การก่อสร้างเริ่มต้นขึ้น เกร็ดที่น่าสนใจคือในการสร้างปาล์ม จูไมราห์นั้นมีแค่การใช้หินและทรายเท่านั้น และไม่มีการใช้วัสดุอย่างเหล็กกล้าและคอนกรีตเลยครับ

ตัวเกาะเริ่มมีการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ในปี ค.ศ.2006 ซึ่งถือว่ารวดเร็วเป็นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับโครงการที่มีขนาดใหญ่โตถึงขนาดนี้ ไม่กี่ปีต่อมาก็มีโรงแรมหรูมาเปิดทำการมากมาย เช่นเดียวกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ทำให้นับตั้งแต่บัดนั้นปาล์ม จูไมราห์ได้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองดูไบที่ควรมาเยี่ยมเยือนสักครั้งหนึ่งครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปปาล์ม จูไมราห์ทำอย่างไร?

ปาล์ม จูไมราห์ห่างจากตัวเมืองดูไบไปประมาณ 24 กิโลเมตร วิธีการที่ดีที่สุดก็คือนั่งแท็กซี่ไปครับ ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งก็คือการเช่ารถขับ คุณสามารถขับมาจอดที่สถานี Palm Gateway Station ซึ่งมีที่จอดรถขนาดใหญ่ที่รองรับรถยนต์ได้ถึง 1,600 คันครับ

การสัญจรในปาล์ม จูไมราห์ทำอย่างไร?

คุณสามารถเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ในปาล์ม จูไมราห์ได้อย่างง่ายดายด้วยบริการของ Palm Monorail ซึ่งจะเชื่อมสถานที่สำคัญทุกแห่งในเกาะต้นปาล์มแห่งนี้เข้าไว้ด้วยกันครับ

ไปเที่ยวปาล์ม จูไมราห์ช่วงไหนดี?

ช่วงที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวปาล์ม จูไมราห์คือช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน นั่นก็คืออากาศในดูไบจะไม่ร้อนจนเกินไป และเป็นช่วงสบายๆ แต่ข้อเสียในช่วงนี้คือเป็น High Season ดังนั้นค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักและอาหารจะสูงขึ้นกว่าช่วงอื่นๆ ครับ

Tip

สำหรับใครที่อยากสัมผัสความหรูหราสุดยอดแบบเก็บไว้เป็นความทรงจำสักครั้งหนึ่ง ผมแนะนำให้พักบนเกาะแห่งนี้สักครั้งครับ ถ้าสนใจ ผมแนะนำให้อ่านบทความนี้เพื่อช่วยเลือกที่พักที่เหมาะสมครับ

1. Atlantis, The Palm

Atlantis, The Palm เป็นโรงแรมหรูขนาดใหญ่ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของปาล์ม จูไมราห์ โดยตั้งอยู่บริเวณยอดต้นปาล์ม ตัวตึกนั้นมีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมโดยได้แรงบันดาลใจจากตำนานเรื่องอาณาจักรแอตแลนติส แต่ก็แทรกความเป็นอาหรับลงไปด้วย

Atlantis, The Palm
by berni0004/ShutterStock

ตัวอาคารจึงมีรูปลักษณ์ที่ดูยิ่งใหญ่และอลังการไม่เหมือนกับที่ใดในโลกครับ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของดูไบเลยครับ

2. Atlantis Aquaventure Waterpark

ใกล้กับบริเวณโรงแรม Atlantis, The Palm นั้นมีสวนน้ำขนาดใหญ่ชื่อ Atlantis Aquaventure Waterpark ซึ่งครองตำแหน่งสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชนิดที่ว่าดิสนีย์ซียังต้องชิดซ้าย นักท่องเที่ยวจะได้เล่นเครื่องเล่นที่ตอบโจทย์ความท้าทายในทุกระดับ รวมไปถึงได้ใกล้ชิดกับสัตว์น้ำอย่างโลมาและสิงโตทะเลอีกด้วย

เครื่องเล่นของที่นี่มีชื่อเสียงระบือไกลในเรื่องขนาด เพราะเป็นสวนน้ำที่มีสไลเดอร์มากที่สุดในโลก และเครื่องเล่นอย่าง Odyssey of Terror ยังเป็นแชมป์สไลเดอร์ที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นมันส์ๆ ให้เล่นอีกมากมาย อาทิเช่น Blackout, Leap of Faith หรือ Hydra Racer รับรองว่าเล่นได้ไม่รู้เบื่อเลยครับ

วิวมุมสูงของปาล์ม จูไมราห์
by PureSolution/ShutterStock

ส่วนกิจกรรมโลมาก็หลากหลายมาก ตั้งแต่สัมผัสน้องโลมาสุดน่ารัก (น้องชื่อว่า Tina, Alice, Naji, Cathy และ Lennox) ว่ายน้ำกับโลมา พายเรือเคียงข้างโลมา ซึ่งทุกกิจกรรมจะปลอดภัยไร้กังวล เพราะว่าอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์ทะเลครับ

กิจกรรมกับโลมาที่ว่านี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ได้รับการตอบรับในแง่บวกอย่างล้นหลามเลยครับ โดยรวมแล้วผมมองว่าน่าสนใจมาก โดยเฉพาะถ้าคุณมีเด็กๆ ในคณะ และอยากให้ลูกๆ ได้รับความทรงจำดีๆ ครับ

แต่ถ้ารู้จักเบื่อแล้ว คุณสามารถนอนพักริมทะเล หรือว่าลงไปเล่นน้ำทะเลได้เช่นกัน เพราะในสวนน้ำนั้นมีชายหาดขาวสะอาดเรียงรายกันไปถึง 1 กิโลเมตรเลยครับ

สำหรับค่าเข้าชมนั้นจะอยู่ที่ 315 AED ต่อวันครับ แต่ราคานี้จะยังไม่รวมกิจกรรมกับโลมา ซึ่งจะต้องจ่ายแยกตามกิจกรรมที่คุณต้องการครับ

3. Lost Chambers Aquarium

Lost Chambers Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซึ่งอยู่ในส่วนที่อยู่ใต้ทะเลของ Atlantis, the Palm ขนาดของอควาเรียมแห่งนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นขนาดยักษ์ เพราะมีสัตว์น้ำถึง 65,000 ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉลาม กระเบน และปลาอื่นๆ อีกนานาชนิด

นอกจากนี้ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายที่ให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตสัตว์อีกด้วย เช่นพาชมโรงพยาบาลสัตว์น้ำ ที่นี่จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันยอดเยี่ยมสำหรับเด็กๆ ครับ

Lost Chambers Aquarium
by chrisontour84/ShutterStock

ส่วนใครที่อยากได้ประสบการณ์ที่ใกล้ชิด หรือว่าเร้าใจมากขึ้นเสียหน่อย คุณสามารถลงไปว่ายน้ำกับฉลามและสัตว์อื่นๆ ที่นี่ด้วยเช่นกันครับ

ค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 135 AED ต่อคนครับ คุณสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการซื้อตั๋วเหมาควบไปกับ Aquaventure Waterpark โดยราคาจะอยู่ที่ 365 AED ต่อวันครับ

4. The Pointe

The Pointe เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ใกล้กับ Atlantis, the Palm โดยเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและร้านค้ากว่า 80 แห่ง ซึ่งคุณจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของท้องทะเลไปพร้อมกับลิ้มรสอาหารที่ทำโดยเชฟฝีมือระดับโลกครับ

The Pointe หนึ่งในที่เที่ยวปาล์ม จูไมราห์ที่คุณไม่ควรพลาด
by Asifgraphy/ShutterStock

แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องการแสดงน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก (พื้นที่จัดแสดงใหญ่ถึง 1,300 ตารางเมตร พร้อมด้วยไฟ LED อีกสามพันดวง) ดังนั้นเรื่องความอลังการนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยครับ การแสดงจะจัดขึ้นทุกวัน โดยการจัดจะมีทุกๆ 30 นาทีหลังจากตะวันตกดินไปจนถึงเที่ยงคืนครับ

นอกจากนี้ในช่วงปีใหม่นั้น ที่นี่จะมีการจุดดอกไม้ไฟด้วย ซึ่งสวยงามยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ใดในโลกเลยครับ

5. The View at the Palm

การได้ชมมุมสูงของปาล์ม จูไมราห์ในช่วงเย็นนั้นถือเป็นประสบการณ์หนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด เพราะคุณจะได้ชมความยิ่งใหญ่ทางด้านนวัตกรรมและวิศวกรรมของมนุษยชาติที่เนรมิตเกาะต้นปาล์มแห่งนี้ขึ้นมาบนพื้นมหาสมุทรครับ

The View at the Palm
by Captured Blinks/ShutterStock

จุดที่ชมวิวปาล์ม จูไมราห์ที่ดีที่สุดก็คือ The View at the Palm ซึ่งเป็นจุดชมวิว (Observatory) ตั้งอยู่บนชั้น 52 ของ Palm Tower โดยสูงจากพื้น 240 เมตร เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นวิวของเกาะต้นปาล์มได้แบบพาโนรามาเลยครับ

ตั๋วเข้าชมที่นี่นั้นจะมีอยู่สามแบบด้วยกัน แบบแรกคือ General Experience ที่จะนำคุณขึ้นไปจุดชมวิวชั้น 52 เท่านั้น ราคาจะอยู่ที่ 100 AED สำหรับช่วงเวลาปกติ แต่ถ้าเป็นช่วง 15.30-18.00 ซึ่งเป็นช่วงที่สวยที่สุดจะอยู่ที่ 158 AED ครับ

สำหรับแบบที่สองคือ Next Level Experience ที่จะนำคุณขึ้นไปที่จุดชมวิวชั้น 52 และ 54 ส่วนราคานั้นก็คิดแบบเดียวกัน นั่นคือ 175 AED สำหรับช่วงปกติ และ 275 AED ในช่วงพิเศษครับ

ท้ายที่สุดคุณสามารถเลือกจอง VIP Experience ได้เช่นกัน ราคาจะอยู่ที่ 325 AED สำหรับตลอดวัน ซึ่งความพิเศษของตั๋ว VIP คือคุณจะได้เข้า Lounge และชมวิวสวยๆ ได้แบบ Exclusive ครับ

ข้อมูลตั๋วเข้าชมอ้างอิงจาก The View at the Palm ซึ่งเป็นเว็บทางการของจุดชมวิวครับ ส่วนตั๋วเข้าชมสามารถซื้อได้ทันทีที่นี่

6. Palm West Beach

Palm West Beach เป็นชายหาดความยาว 1.6 กิโลเมตรที่มีการปลูกต้นปาล์มเรียงรายกันไปอย่างสวยงามมาก ที่นี่เป็นที่ตั้งของร้านอาหารและร้านค้าจำนวนมากที่เปิดโอกาสให้คุณได้รับประทานอาหารและช้อปปิ้งในบรรยากาศที่สวยงาม และอยู่ภายใต้ลมทะเลเย็นๆ ที่พัดเอาความสดชื่นเข้ามาครับ

นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดเทศกาล Dubai Food Festival อีกด้วย โดยจะจัดในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ทีเด็ดของงานนี้อยู่ที่อาหารกว่า 300 เมนูนั้นราคาจะอยู่แค่ 10 AED หรือประมาณ 90 บาท เพราะฉะนั้นจะถูกกว่าร้านทั่วไปอย่างมากเลยครับ

7. Al Ittihad Park

Al Ittihad Park เป็นสวนสาธารณะที่นำเสนอพืชพันธุ์ท้องถิ่นจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์นานาชนิด ซึ่งคุณสามารถเดินชมได้อย่างอิสระ ด้วยความที่เป็นพื้นที่สีเขียวอันน้อยนิดในเกาะต้นปาล์ม ทำให้ที่นี่มักได้ขนานนามว่าเป็นโอเอซิสของปาล์ม จูไมราห์ครับ

ภายในสวนนั้นมีเส้นทางวิ่งความยาว 3.2 กิโลเมตรที่ชาวเมืองมักจะมาออกกำลังกายกันที่นี่ และยังเป็นพื้นที่โล่งให้ครอบครัวต่างๆ มาผ่อนคลายในยามว่างอีกด้วยครับ

8. Nakheel Mall

Nakheel Mall เป็นห้างสรรพสินค้าระดับ high-end ที่รวบรวม luxury brands จากทั่วทุกมุมโลกมาให้นักเดินทางกระเป๋าหนักให้จับจ่ายซื้อของ ด้านในมีร้านค้ากว่า 140 แห่ง ร้านอาหาร 30 แห่ง และ Food Hall ขนาดใหญ่ครับ

แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงคือ Aura Skypool Lounge เพราะเป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำ Infinity Pool แบบ 360 องศาที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก (200 เมตร) วิวจากสระว่ายน้ำนั้นสวยงามมาก นอกจากคุณจะเห็นปาล์ม จูไมราห์แบบถนัดตาแล้ว คุณจะสามารถเห็นแลนด์มาร์กอันโด่งดังของมหานครดูไบ ไม่ว่าจะเป็น Burj Khalifa และ Burj Al Arab ครับ

References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

Most Popular

error: Content is protected !!