หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวยุโรป12 ที่เที่ยวปาร์มา (Parma) และกิจกรรมน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด

12 ที่เที่ยวปาร์มา (Parma) และกิจกรรมน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

ปาร์มา (Parma) เป็นเมืองในภูมิภาค Emilia-Romagna ของประเทศอิตาลี ตัวเมืองเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวโลกเพราะเป็นต้นกำเนิดของ Parmesan Cheese และ Parma Ham หรือว่าใครที่ติดตามฟุตบอลกัลโช่ก็น่าจะคุ้นเคยกับชื่อทีมนี้อยู่บ้าง เพราะเคยเป็นขาประจำลีกสูงสุดของอิตาลี ก่อนที่จะตกชั้น (เพราะปัญหาทางการเงิน) แล้วลงไปเล่นในลีกล่างในปัจจุบันครับ

ในบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองแห่งนี้คร่าวๆ ก่อนที่ไปว่ากันถึงสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ

รู้จักปาร์มา (Parma)

ปาร์มาเป็นเมืองเก่าแก่ไม่แพ้เมืองใดในอิตาลี นักประวัติศาสตร์ค้นพบว่ามีหลักฐานของชุมชนอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ช่วง 3,500 ปีก่อน แต่ก็ยังไม่ได้ใหญ่ถึงขนาดเป็นเมือง โดยปาร์มาเริ่มเป็นเมืองในยุคที่ชาวอีทรัสกันปกครองภาคเหนือของอิตาลีครับ

ต่อมาในช่วง 200 ปีก่อนคริสตกาล ปาร์มาได้อยู่ในการปกครองของชาวโรมันที่แผ่อำนาจมาถึงบริเวณนี้ และได้กลายเป็นเมืองชุมทางที่สำคัญของทางหลวงโรมันที่เชื่อมระหว่างเมืองต่างๆ ทว่าตัวเมืองค่อนข้างโชคร้าย เพราะถูกทำลายและปล้นสะดมหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ช่วงยุคโรมันมาจนถึงต้นยุคกลาง แต่ก็ได้รับการสร้างใหม่ทุกครั้งเพราะทำเลที่ตั้งล้วนๆ เลยครับ

เมืองปาร์มา (Parma)
by ecstk22/ShutterStock

ในช่วงยุคกลาง ปาร์มาเป็นเมืองคมนาคมที่สำคัญซึ่งเชื่อมอิตาลีกับส่วนอื่นของยุโรป ทำให้มีผู้แสวงบุญและพ่อค้าเดินทางผ่านมามากมาย ทำให้ตัวเมืองเจริญมาก และมีสิ่งก่อสร้างมากมายที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับผู้คนเหล่านี้

สมัยช่วงศตวรรษที่ 12-13 เป็นช่วงที่ปาร์มาเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งระหว่างศาสนจักรและอาณาจักร ก่อนที่จะถูกสลับเปลี่ยนมือไปมาในหมู่รัฐที่ขึ้นมามีอำนาจในยุคนั้นอย่างเช่นมิลาน ฝรั่งเศส หรือว่ารัฐของพระสันตะปาปา (Papal States) ก่อนที่จะได้รับสถานะปกครองตนเองในปี ค.ศ.1545 ในนามดัชชีแห่งปาร์มา (Duchy of Parma)

เมืองปาร์มาในปัจจุบัน
by trabantos/ShutterStock

แม้ว่าจะเป็นรัฐอิสระแต่ดัชชีแห่งปาร์มาก็มักอยู่ในการครอบงำของรัฐอื่นอยู่ดี ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ปาร์มาอยู่ในการควบคุมจากฝรั่งเศส แต่ช่วงนี้กลับเป็นช่วงที่ตัวเมืองมั่งคั่งมากเพราะการปกครองที่มีประสิทธิภาพของ Guillaume du Tillot ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมให้ทันสมัย สิ่งก่อสร้างสำคัญหลายแห่งก็ได้ถูกสร้างขึ้นซึ่งทำให้ปาร์มาเป็นเมืองสวยแห่งหนึ่งของอิตาลีครับ

หลังจากนโปเลียนพ่ายแพ้สงคราม ปาร์มาได้ถูกฝ่ายพันธมิตรยกให้กับมารี หลุยส์ เจ้าหญิงออสเตรียที่เป็นมเหสีคนที่สองของนโปเลียน ซึ่งพระนางก็ได้ปกครองปาร์มาเป็นเวลากว่าสามสิบปีจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ ต่อมาตัวเมืองได้ถูกยกให้กับราชวงศ์บูร์บอง แต่ก็อยู่ได้ไม่นานตัวเมืองก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลีที่ตั้งขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ.1860

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ชาวเมืองปาร์มาต่อต้านทหารเยอรมันอย่างดุเดือด และเป็นหนึ่งในเมืองที่สามารถขับไล่เยอรมันออกไปด้วยตนเอง (ด้วยการช่วยเหลือบ้างจากกองทัพบราซิลที่ส่งทหารมาในสมรภูมิยุโรป) โดยตัวเมืองเสียหายไปไม่น้อย แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ครับ

เมนูเลื่องชื่อของเมืองปาร์มา (Parma)
by Wanessa_p/ShutterStock

ปัจจุบันปาร์มาได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเมืองหนึ่งของเขต Emilia-Romagna เช่นเดียวกับโบโลญญ่าและราเวนนา และมีชื่อเสียงในเรื่องวัฒนธรรมอาหาร ทำให้ได้รับสถานะเป็น Creative City of Gastronomy จากองค์การยูเนสโกครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปเมืองปาร์มาทำอย่างไร?

ปาร์มานั้นเดินทางไปได้ไม่ยากเลย คุณสามารถเดินทางโดยใช้รถไฟหรือรถบัสไปได้จากเมืองใหญ่ของอิตาลีทุกเมือง (สำหรับรถไฟอาจจะต้องมีเปลี่ยนขบวนบ้าง) ไม่ว่าจะเป็นโรม มิลาน ฟลอเรนซ์ หรือเจนัว แต่เมืองที่ไปง่ายที่สุดย่อมเป็นโบโลญญ่า เมืองหลวงของเขตที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักครับ

ในการจองผมแนะนำให้จองผ่าน Omio (จองได้ทั้งรถบัสและรถไฟ) หรือ Rail Europe (รถไฟเท่านั้น) เพื่อความสะดวกสบายครับ

1. Parma Cathedral (Duomo)

Parma Cathedral หรือ Duomo di Parma เป็นมหาวิหารหลักประจำเมืองซึ่งตั้งอยู่ในจัตุรัส Piazza Duomo และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ตัวมหาวิหารนั้นอุทิศให้กับพระแม่มารี (Virgin Mary) ครับ

by vvoe/ShutterStock

ทางด้านสถาปัตยกรรมนั้น มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรม Romanesque ในสมัยศตวรรษที่ 12 และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในยอดมงกุฎของสถาปัตยกรรมรูปแบบดังกล่าว

ด้านในของ Parma Cathedral
by Miti74/ShutterStock

ด้านหน้าของมหาวิหารสร้างขึ้นจากหินทราย และได้รับการตบแต่งอย่างสวยงาม แต่คงไม่เท่าด้านในที่มีภาพเขียนสีเฟรสโกสไตล์ Mannerist ให้นักท่องเที่ยวให้ยลความงามตามโครงสร้างวิหารรูปไม้กางเขน โดยเฉพาะงานระดับตำนานของ Corregio อย่าง Assumption of the Virgin ที่ดูมีมิติลุ่มลึกและให้ความสมจริงอย่างมากเลยครับ โดยรวมแล้วถ้าคุณหลงรักงานศิลปะ คุณไม่ควรพลาดมหาวิหารแห่งนี้ครับ

2. Baptistery

Baptistery เป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่เคียงข้าง Parma Cathedral ใน Piazza Duomo ตัวอาคารสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12-14 ด้วยการใช้หินอ่อนสีชมพูชั้นเลิศจากเมืองเวโรนา และเป็นสิ่งก่อสร้างไม่กี่แห่งที่แสดงถึงการเปลี่ยนผ่านของสถาปัตยกรรมจาก Romanesque มาสู่ Gothic ครับ

Baptistery
by Travel-Fr/ShutterStock

ส่วนตัวอาคารนั้นทำพิธีศีลจุ่ม (Baptism) ซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีกรรมที่สำคัญที่สุดของชาวคริสต์ ด้านในอาคารล่างสุดมีรูปปั้นสัตว์ในตำนานตั้งแต่ยูนิคอร์น เซนทอร์ หรือแม้กระทั่งสัตว์นรก ส่วนสูงขึ้นไปจะเป็นเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ไบเบิล ส่วนด้านบนสุดจะเป็นพระเยซูคริสต์ที่ถูกห้อมล้อมด้วยทวยเทพสององค์และสัญลักษณ์ของ evangelists ทั้ง 4 ครับ

3. Regio Theatre

Regio Theatre หรือ Teatro Regio เป็นโรงละครขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 หรือช่วงที่พระนางมารี หลุยส์ทรงปกครองปาร์มา ด้านนอกนั้นดูเรียบง่ายเพราะเป็นแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกที่มีเสาไอโอนิกแค่สิบต้น แต่ด้านในนั้นคนละเรื่องเลยครับ เพราะยิ่งใหญ่ อลังการ สง่างามเป็นอันดับต้นๆ ของอิตาลีเลยก็ว่าได้

Regio Theatre
by PhotoFra/ShutterStock

ตัวหอละครใหญ่นั้นแบ่งออกเป็นสี่ชั้น และตบแต่งด้วยสีขาวและสีทองอย่างประณีต ตรงกลางมีโคมไฟแบบ Chandelier ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากผู้ผลิตชั้นนำในยุคนั้นจากกรุงปารีสครับ ซึ่งน้ำหนักของโคมไฟนี้มากถึง 1 ตันเลยทีเดียว

นับตั้งแต่สร้างมาจนถึงปัจจุบัน ที่นี่เป็นโรงละครโอเปร่าที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทุกวันนี้ก็ยังมีการจัดแสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ตตนตรีอยู่ ถ้าสนใจสามารถจองบัตรได้ที่เว็บของโรงละครครับ

4. Pilotta Palace

Pilotta Palace หรือ Palazzo Della Pilotta เป็นพระราชวังของดยุคแห่งปาร์มาสายตระกูล Farnese ที่เรืองอำนาจ โดยสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 ทว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของอาคาร 4 แห่งที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของปาร์มาครับ

 Palazzo Della Pilotta
by Georgios Tsichlis/ShutterStock

National Gallery – พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก็บรักษาผลงานศิลปะที่ดยุคแห่งปาร์มาได้เก็บสะสมมาหลายชั่วคน เพิ่มด้วยคอลเล็คชั่นของพระนางมารี หลุยส์ ผลงานที่จัดแสดงมีตั้งแต่งานสมัยยุคศตวรรษที่ 13-19 โดยงานที่โดดเด่นที่สุดคือของสมัยศตวรรษที่ 15-17 ครับ หนึ่งในนั้นคือ Head of the Young Girl ซึ่งน่าจะวาดโดยดาวินชีครับ

Farnese Theatre – ครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงละครที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี และมีพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยสำหรับยุคนั้นเพื่อให้การแสดงสมจริง น่าเสียดายที่ถูกทิ้งระเบิดจนราบเป็นหน้ากลองในช่วงสงคราม แต่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่ในแบบเดิมและวัสดุเดิมในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ครับ

National Archaeological Museum – พิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่เปิดตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุที่พบในเขตเมืองปาร์มา เช่นเดียวกับบริเวณเมืองโดยรอบ ด้านในมีโบราณวัตถุตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมันให้ผู้สนใจได้เข้าชมครับ

Palatina Library – ห้องสมุดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1761 ด้านในห้องสมุดนั้นยิ่งใหญ่อลังการ และเก็บหลักฐานอันล้ำค่ามากกว่า 700,000 ชิ้นครับ ปัจจุบันคุณสามารถเข้าไปชมด้านในได้ครับ

5. Ducal Palace

Ducal Palace เป็นพระราชวังเดิมที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นสถานที่พำนักของดยุคแห่งปาร์มา ด้านในตบแต่งด้วย stucco อย่างงดงามยิ่ง เช่นเดียวกับภาพเขียนสีเฟรสโกอายุเกิน 400 ปีที่งดงามยิ่งครับ

Ducal Palace
by trabantos/ShutterStock

อย่างไรก็ดีปัจจุบันที่นี่ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพราะใช้เป็นสถานที่ของกรมตำรวจ (Carabinieri) ครับ

6. Piazza Garibaldi

Piazza Garibaldi เป็นจัตุรัสใหญ่ที่คับคั่งที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองปาร์มา และเป็นศูนย์กลางของอำนาจการปกครองเมืองมาตั้งแต่อดีต ที่นี่เป็นที่ตั้งของที่ว่าการรัฐ (Town Hall) และสถานที่พำนักของผู้ว่าราชการเมือง (Governor’s Palace) ครับ

Piazza Garibaldi
by Sergey Dzyuba/ShutterStock

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีร้านค้า บาร์ และร้านอาหารมากมาย ทำให้เป็นสถานที่ที่ชาวเมืองมักจะมาพบปะกันครับ

7. Basilica of St Mary of Steccata

Basilica of St Mary of Steccata เป็นมหาวิหารจากยุค Renaissance ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง ที่นี่สร้างเสร็จขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 เพื่อเก็บรักษารูปภาพของมาดอนนาที่เชื่อกันว่าแสดงปาฏิหาริย์และเป็นที่นับถือของชาวเมืองครับ

Basilica of St Mary of Steccata
by Miti74/ShutterStock

เช่นเดียวกับมหาวิหารอื่นๆ ด้านในได้รับการประดับประดาด้วยภาพเขียนสีเฟรสโกอย่างสวยงามด้วยผลงานของ Parmigianino ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่ได้วาดจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และยังมีภาพ  Madonna Suckling the Child ที่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าศิลปินท่านใดเป็นคนวาดครับ

8. Monastery and Church of San Giovanni Evangelista

Monastery and church of San Giovanni Evangelista เป็นอารามขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 ซึ่งในอารามนั้นประกอบด้วยโบสถ์ที่ด้านหน้าเป็นสถาปัตยกรรมแบบ baroque ที่หรูหราสวยงามครับ

Monastery and Church of San Giovanni Evangelista
by Giorgio Rossi/ShutterStock

ในโบสถ์นั้นมีภาพเขียนสีเฟรสโกที่มีชื่อเสียงมากอย่าง Vision of St. John at Patmos ซึ่งตบแต่งโดมของโบสถ์ ตัวภาพนั้นจะเป็นชายชราที่มองหน้าขึ้นฟ้าไปสู่สรวงสวรรค์ครับ เช่นเดียวกับภาพเขียนสีเฟรสโกที่สวยไม่แพ้กันอยู่อีกหลายภาพ

ส่วนด้านนอกนั้นจะมี Chapter House ซึ่งในอดีตเป็นที่ประชุมนักบวชรวมไปถึงห้องสมุดสมัยศตวรรษที่ 16 ตั้งอยู่ ทั้งสองแห่งสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมสมัยยุค Renaissance และได้รับการตบแต่งด้วยภาพเขียนสีอย่างเลอค่าเช่นกันครับ

9. Castle of Torrachiara

Castle of Torrachiara หรือ Castello di Torrachiara เป็นปราสาทสวยที่ตั้งอยู่บนเนินเขาห่างจากเมืองปาร์มาไปประมาณ 20 กิโลเมตร

Castle of Torrachiara
by francesco de marco/ShutterStock

ตัวปราสาทนั้นมีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ด้วยศิลปะแบบยุคกลางที่งดงามไม่เหมือนที่ใด โดยเจ้าของปราสาทแห่งนี้คือ Pier Maria Rossi แม่ทัพของทหารรับจ้างในสมัยนั้น โดยสร้างขึ้นเพื่อป้องกันพื้นที่แถบนี้ให้กับผู้รุกราน และระลึกหญิงคนรักของเขาครับ

ส่วนด้านในนั้นยังหลงเหลือบรรยากาศแบบ 600 ปีก่อนให้คุณได้สัมผัสอย่างเต็มอิ่ม ตั้งแต่ห้องครัว โรงม้า และห้องใต้ดิน แต่ที่พิเศษที่สุดคือผลงานศิลปะด้านในอย่างภาพเขียนสีที่ล้วนแต่บรรยา พรรณนา และเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรักของเจ้าของปราสาท ผู้รักเดียวใจเดียวครับ

10. The Puppets Castle – Giordano Ferrari Museum

The Puppets Castle เป็นพิพิธภัณฑ์การแสดงหุ่นที่เลื่องลือของเมืองปาร์มา และสืบทอดกันมาโดยตระกูล Ferrari ที่ได้ผลิตหุ่นเหล่านี้มีหลายชั่วคน เช่นเดียวกับหุ่นอีกมากมายจากผู้ผลิตต่างๆ รวมแล้วเกือบ 3,000 ตัวด้วยกัน

หุ่นเหล่านี้มีหลากหลายแบบ และมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไป บางตัวนั้นอายุเกือบ 2 ศตวรรษและยังอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นผลงานศิลปะอีกชนิดหนึ่งที่ล้ำค่าครับ

11. Camera di San Paolo

Camera di San Paolo หรือ Chamber of Saint Paul เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่พำนักของประมุขสงฆ์ในช่วงศตวรรษที่ 16 ซึ่งดูเผินๆ แล้วที่นี่อาจจะไม่มีอะไร แต่ด้านในนั้นมีภาพเขียนสีเฟรสโกระดับ masterpiece ของ Correggio ซึ่งประดับตัวเพดานของอาคารที่แบ่งออกเป็น 16 ส่วนตามสันแบบโกธิค

แต่ละภาพที่เกี่ยวเนื่องกับการล่าสัตว์ครับ ซึ่งจริงๆ แล้วภาพเขียนนี้มีนัยสำคัญทางการเมืองสำหรับยุคนั้น เพราะเป็นปุคคลาธิษฐานที่แสดงถึงการต่อสู้ระหว่างประมุขสงฆ์ในอารามแห่งนี้กับองค์กรทางศาสนาครับ

12. ลิ้มลองอาหารพื้นเมือง

การไปเมืองปาร์มายากที่จะครบถ้วนถ้าคุณไม่ได้ลองอาหารพื้นเมืองที่ทำให้ปาร์มาได้รับสมญาว่าเป็น City of Gastronomy เมนูที่คุณไม่ควรพลาดทุกประการได้แก่

Parma Ham
by nblx/ShutterStock
  • Prosciutto di Parma หรือที่รู้จักกันดีในนาม Parma Ham รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์แบบ Cold Cuts ต่างๆ
  • เมนูพาสต้าอย่าง Cappelletti หรือ Tortelli d’erbetta
  • ผลิตภัณฑ์จากชีสอย่าง Parmigiano Reggiano (Parmesan Cheese)
  • เมนูจากเห็ดทรัฟเฟิล

References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

Most Popular

error: Content is protected !!