เมืองปอมเปอี (Pompeii) เป็นเมืองโรมันที่อยู่ค่อนมาทางใต้ของประเทศอิตาลี ตัวเมืองมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเพราะถูกมวลลาวาฝังกลบทั้งเมืองเพราะการระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียสในช่วงปี ค.ศ.79 แต่นั่นทำให้ตัวเมืองโรมันโบราณนั้นรอดพ้นการทำลายจากไฟสงครามมาตลอดเวลาเกือบสองพันกว่าปีหลังจากนั้น และหลงเหลือให้โลกได้เห็นว่าเมืองโรมันและวิถีชีวิตของชาวโรมันโบราณที่แท้จริงเป็นอย่างไรครับ
สำหรับบทความนี้ ผมจะเล่าความเป็นมาของเมืองแห่งนี้คร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำไฮไลท์จุดที่น่าสนใจในเขตโบราณสถานเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองปอมเปอี (Pompeii)
เมืองปอมเปอีถือกำเนิดขึ้นในช่วง 800 ปีก่อนคริสตกาล โดยเริ่มแรกเป็นหมู่บ้านที่สร้างขึ้นและอยู่อาศัยโดยชนเผ่าในอิตาลี ก่อนที่ชาวกรีกจะเดินทางมาถึง และเปลี่ยนที่นี่เป็นเมืองท่าที่สำคัญ ในช่วงนี้จะมีเทวสถานแบบกรีกหลายแห่งได้ถูกสร้างขึ้น เช่นเดียวกับกำแพงเมืองที่ช่วยป้องกันการรุกรานจากศัตรู
ต่อมาชาวอีทรัสกัน (Etruscans) ได้เข้ามาปกครองเมืองปอมเปอี พวกเขาได้ขยายตัวเมืองให้ใหญ่ขึ้นด้วยการสร้างจัตุรัสแห่งแรกขึ้น เช่นเดียวกับวิหารของเทพเจ้าอพอลโล แต่ชาวอีทรัสกันก็เรืองอำนาจอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก เมืองก็ถูกเปลี่ยนมือกลับไปเป็นของชาวกรีก ชาวแซมไนต์ และตามมาด้วยชาวโรมันในท้ายที่สุด โดยตัวเมืองได้ขึ้นตรงกับโรมในช่วง 290 ปีก่อนคริสตกาล แต่ยังคงอำนาจในการปกครองตนเองบางส่วน
ชัยชนะในการทำศึกเหนือดินแดนต่างๆ ของอาณาจักรโรมัน ทำให้เมืองปอมเปอีรุ่งโรจน์มาก และเป็นศูนย์กลางการค้าขาย แต่แล้วในปี 59 ก่อนคริสตกาล ปอมเปอีกลับเป็นหนึ่งในเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลโรมันที่สงครามกลางเมืองที่เรียกว่า social wars ทำให้อาคารบ้านเรือนต่างๆ ได้รับความเสียหายหนักจากการเข้าตีของกองทหารโรมัน
หลังจากสงครามสงบ ปอมเปอีที่อยู่ในกำมือของอาณาจักรโรมันอย่างสมบูรณ์แบบแล้วได้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนของชนชั้นสูงโรมันที่ได้เข้ามาซื้อที่ดินและวิลล่ามากมาย เช่นเดียวกับทำไร่และแสวงหาประโยชน์จากพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ อาคารและสิ่งก่อสร้างสำคัญมากมายจึงถูกสร้างขึ้นในช่วงนี้เพื่อรองรับกลุ่มชาวโรมันดังกล่าว
ในช่วงปี ค.ศ.79 หรือปีที่จะเป็นปีสุดท้ายของเมืองปอมเปอีนั้น ตัวเมืองมีประชากรมากถึง 12,000-20,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งของอิตาลี โดยน่าจะใหญ่กว่าเมืองอย่างราเวนนา แต่ไม่ใหญ่เท่ากับอาเรสโซ (ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเวลานั้น)
ท้ายที่สุดการระเบิดใหญ่ของภูเขาไฟวิสุเวียสก็เริ่มต้นขึ้น ฝนที่มีฝุ่นผงของภูเขาไฟตกลงมาอย่างมากมายในวันแรกของการระเบิด ทำให้ผู้คนจำนวนมากเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ทำให้พากันหนีออกจากเมือง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ช่วยให้คนส่วนใหญ่ในเมืองรอดชีวิต
แต่ในวันต่อมาภูเขาไฟวิสุเวียสได้ส่งแกีสพิษ ตลอดจนขี้เถ้า ลาวา และฝุ่นผงภูเขาไฟออกมาอย่างบ้าคลั่ง และฝังกลบตัวเมืองและผู้คนที่หลงเหลืออยู่ประมาณพันกว่าคนทั้งหมดเป็นการถาวร ดังนั้นปัจจุบันเขตโบราณสถานจึงหลงเหลือร่องรอยของวาระสุดท้ายของเมืองโรมันแห่งนี้ในรูปแบบที่ไม่เหมือนกับเมืองใดครับ
ตัวเมืองได้ถูกค้นพบอีกครั้งในช่วงศตวรรษที่ 18 และได้รับการศึกษาโดยนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์อย่างละเอียด ด้วยความที่ถูกปกคลุมด้วยเถ้าภูเขาไฟอย่างหนาแน่น ทำให้อากาศและความชื้นไม่อาจกล้ำกรายเข้าไปได้ ตัวอาคารยุคโบราณต่างๆ จึงอยู่ในสภาพดี (แต่ก็เสียหายไปบ้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) ปอมเปอีจึงกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของโลกไปโดยปริยายครับ
ปอมเปอีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของอิตาลี โดยมีนักเดินทางแต่ละปีมากกว่าสองล้านคนครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองปอมเปอีทำอย่างไร?
เมืองปอมเปอีตั้งอยู่ห่างจากเนเปิลส์ (Naples) ประมาณ 30 กิโลเมตร ดังนั้นนักเดินทางส่วนใหญ่จะไปเที่ยวปอมเปอีจากเมืองแห่งนี้ด้วยการใช้รถไฟหรือรถบัสครับ อีกทางเลือกที่น่าสนใจคือซาเลอโน (Salerno) หรือ ซอร์เรนโต้ (Sorrento) เพราะว่าห่างจากปอมเปอีไม่ไกลนัก ในการซื้อสามารถทำได้อย่างง่ายมากผ่านเว็บ Omio ครับ
อีกทางเลือกหนึ่งคือการเช่ารถขับมาเอง ซึ่งก็ไม่ยากหรือใช้เวลาอะไรนัก แต่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์จะไม่มีที่จอดรถ คุณจะต้องไปจอดยังที่จอดรถใกล้ๆ และเสียค่าจอดครับ
ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจากเว็บทางการของเขตโบราณสถาน ซึ่งคุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านลิงค์นี้ครับ
ค่าเข้าเขตโบราณสถานปอมเปอีมีค่าใช้จ่ายเท่าไร?
ค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าชมเขตโบราณสถานหลักจะอยู่ที่ 19 ยูโร และอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมบางส่วน ถ้าคุณต้องการเข้าชมจุดสำคัญบางแห่ง อ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บนี้ครับ
การซื้อทัวร์ไปกับนักโบราณคดี
สำหรับใครที่อยากได้รสชาติในการเที่ยวมากยิ่งขึ้น คุณสามารถซื้อทัวร์ระยะสั้นได้จาก Viator หรือ GetYourGuide ครับ ข้อดีคือคุณจะเดินทางไปกับนักโบราณคดี ซึ่งจะทำให้การชมสถานที่ต่างๆ ในเมืองมีรสชาติมากขึ้นมากเลยครับ
การปิดซ่อม
ไฮไลท์ในเมืองปอมเปอีที่ผมจะแนะนำต่อไปด้านล่างนั้นอาจจะมีการปิดซ่อม ดังนั้นเมื่อคุณไปเยือนนั้น โอกาสที่จะได้ชมทุกสิ่งในด้านล่างทั้งหมดนั้นเป็นไปได้น้อยมากครับ เพราะมีการหมุนเวียนเพื่อซ่อมแซมและดูแลรักษาโดยหน่วยงานรัฐของประเทศอิตาลีอยู่โดยตลอด ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่หน้าเว็บนี้เพื่อดูว่าในปัจจุบันอะไรเปิดปิดบ้างครับ
1. Marina Gate
ประตูเมืองปอมเปอีนั้นมีด้วยกัน 7 แห่ง ซึ่ง Marina Gate (หรือ Porta Marina) เป็นประตูที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด ตัวประตูตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกของเมือง และใช้เป็นทางออกไปสู่ท้องทะเล (ปอมเปอีเป็นเมืองท่ามาก่อน) ครับ
ถ้าสังเกตดีๆ จะมีประตูจะมีทางเข้าโค้งอยู่สองจุดด้วยกัน จุดที่ใหญ่กว่าจะใช้สำหรับม้าและสัตว์ต่างๆ ส่วนจุดที่เล็กกว่าจะให้คนทั่วไปในการสัญจรครับ
ใกล้กับบริเวณ Marina Gate จะมีกำแพงเมืองเดิมอีกด้วย ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง เพราะสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ 600 ปีก่อนคริสตกาลเลยครับ
2. Suburban Baths
Suburban Baths เป็นโรงอาบน้ำที่อยู่ใกล้กับ Marina Gate โดยสร้างขึ้นในช่วง 100 ปีก่อนคริสตกาล เพื่อเป็นโรงอาบน้ำส่วนตัวของชาวเมือง ซึ่งจะต่างจากโรงอาบน้ำส่วนอื่นในเมืองที่จะเป็นแบบสาธารณะครับ แต่ด้านในก็ได้รับการตบแต่งอย่างสวยงามไม่ต่างกัน
ความโดดเด่นของที่นี่คือในห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายมีภาพเขียนแนวอิโรติกยุคโรมัน เพื่อชักชวนให้ผู้เข้ามาใช้โรงอาบน้ำไปใช้บริการเรื่องอย่างว่า
3. Antiquarium
Antiquarium สิ่งแรกๆ ที่คุณจะได้ชมหลังจากเข้าสู่เขตโบราณสถานผ่าน Marina Gate ครับ โดยอาคารหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดค้นเจอจากเมืองปอมเปอี ตั้งแต่เครื่องเงินไปจนถึงภาพเขียนสีเฟรสโกครับ
แต่สิ่งที่น่าตื่นตาที่สุดคือรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ของผู้คนไปจนถึงสุนัขที่เสียชีวิตในเมืองปอมเปอี โดยนักโบราณคดีในสมัยศตวรรษที่ 19 ได้หยอดปูนปลาสเตอร์ลงไปในช่องว่างของโครงกระดูกที่ถูกปกคลุมโดยฝุ่นขี้เถ้า ดังนั้นจะเก็บรักษาใบหน้า ท่าทางของชาวปอมเปอีได้ช่วงวาระสุดท้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ
4. Forum of Pompeii
Forum of Pompeii เป็นจัตุรัสที่เคยเป็นศูนย์กลางของเมืองมาตั้งแต่ครั้งโบราณ (ส่วนที่เห็นในปัจจุบันน่าจะเป็นของช่วง 300-200 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งในอดี่ตจะเป็นที่ว่างให้ชาวเมืองมาพบปะสังสรรค์กัน โดยจะล้อมรอบด้วยเสาแบบโรมันอย่างสวยงามครับ
รายล้อมไปด้วยสิ่งก่อสร้่างแห่งนี้คือวิหารของเทพองค์ต่างๆ ที่ชาวเมืองใช้สักการะบูชา ไปจนถึง Basilica ที่ใช้เป็นที่ตั้งของตลาดและร้านค้า รวมไปถึงที่ตั้งของศาลที่ใช้ตัดสินคดีความครับ
จากบริเวณ Forum นั้น คุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟวิสุเวียสได้ด้วย ซึ่งการระเบิดของภูเขาไฟแห่งนี้ได้ทำให้เมืองปอมเปอีพบกับจุดจบในปี ค.ศ.79 ครับ
5. Temple of Isis
จริงอยู่ว่าเทพีไอซิสเป็นเทพของอียิปต์โบราณ แต่ความเชื่อและความศรัทธาดังกล่าวได้แพร่มาถึงชาวกรีก-โรมันตั้งแต่ช่วง 300 ปีก่อนคริสตกาลแล้ว และเป็นที่เคารพนับถือมากเป็นพิเศษโดยชนชั้นล่างของสังคม
ด้านใน Temple of Isis นั้นมีลานแบบ portico ขนาดใหญ่ แท่นสำหรับทำพิธีบวงสรวงไปจนถึงอ่างน้ำที่ใช้เก็บน้ำจากแม่น้ำไนล์เพื่อใช้ทำพิธีกรรมทางศาสนา รวมไปวิหารที่มีภาพเขียนที่เล่าตำนานที่เกี่ยวข้องกับองค์เทพีครับ
6. Temple of Jupiter
Temple of Jupiter หรือวิหารของเทพจูปิเตอร์ (หรือซุส) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของ Forum ในอดีตเคยประดิษฐานรูปปั้นเทพเจ้ากรีก-โรมันสามองค์อย่างจูปิเตอร์ จูโน (หรือเฮรา) และมิเนอร์วา (หรืออาธีนา) ซึ่งตั้งไว้บนแท่นสูง เพื่อให้ชาวเมืองได้พบเห็นเมื่อเดินทางไปยัง Forum ครับ
ปัจจุบันในเขตวิหารเดิมยังมีพื้นโมเสกที่สวยงามที่ประดับประดาด้วยหินอ่อน และยังมีพื้นที่ใต้ดินที่ใช้บวงสรวงเทพเจ้า (บ้างว่าใช้เป็นคลังเก็บของมีค่า) ครับ
7. Large Theatre
Large Theatre เป็นโรงละครกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่จุชาวเมืองได้ถึง 5,000 คน ตัวโรงละครเดิมที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล (เก่ากว่าที่เห็นในเมืองโรมันทั่วไปอย่างเพตราหรือ เจราช รวมไปถึงเมืองหลายแห่งในอิลาลีมาก) แต่อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก ส่วนที่ดูสมบูรณ์ในปัจจุบันเกิดจากการบูรณะใหม่อย่างประณีตให้กลับมาสวยงามเหมือนกับครั้งอดีตครับ
ในอดีตที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชาวเมืองมานั่งดูละครที่นักประพันธ์กรีก-โรมัน (อย่างเช่น Sophocles) ได้รจนาขึ้นมาครับ
8. Gladiators Barracks
ใกล้กับบริเวณโรงละครมีพื้นที่โล่งที่ล้อมรอบด้วยเสาแบบโดริกจำนวน 74 ต้น เดิมทีถูกใช้เป็นห้องโถงของโรงละครใหญ่มาก่อน แต่เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในช่วงปี ค.ศ.62 พื้นที่บริเวณนี้ถูกเปลี่ยนมาเป็นค่ายพักของเหล่าแกลิเอเตอร์แทนครับ
ในตอนที่นักโบราณคดีเข้ามาขุดค้น พวกเขาได้พบลังไม้ขนาดใหญ่ที่บรรจุอาวุธไว้มากมายสำหรับใช้ในการเดินพาเหรดก่อนการต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น (ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในเนเปิลส์) เช่นเดียวกับร่างของชาวเมือง 18 คน และทาสอีก 4 คนครับ
9. House of Geometric Mosaics
House of Geometric Mosaics เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองปอมเปอี ด้วยพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร และมีห้องหับกว่า 60 ห้องด้วยกัน แต่ละห้องถูกจัดเรียงตามแบบบ้านโบราณของชาวโรมันที่มีความเป็นระเบียบและอลังการครับ
จุดเด่นของที่นี่คือมีพื้นโมเสกสีดำสีขาวที่เป็นรูปทรงเรขาคณิตอย่างสวยงามมาก และหาชมได้ยากเพราะเก่าแก่มากครับ
10. Sanctuary of Apollo
Sanctuary of Apollo หรือวิหารเทพอพอลโล เป็นสถานที่ทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองปอมเปอี โดยน่าจะสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ 500-600 ปีก่อนคริสตกาลและได้รับการบูรณะอยู่หลายครั้งครับ
ด้านในจะเหมือนกับวิหารกรีก-โรมันทั่วไป นั่นคือมีลานกว้างขนาดใหญ่ซึ่งมีแท่นบูชาอยู่ตรงกลางครับ ในอดีตที่นี่เป็นสถานที่สำคัญสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่าง ludi Apollinares ซึ่งเป็นงานใหญ่ของเมืองปอมเปอีที่บูชาอพอลโลเป็นเทพเจ้าหลักของเมืองครับ
11. Forum Baths
Forum Baths เป็นโรงอาบน้ำสาธารณะที่ตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณ Forum โดยสร้างขึ้นในช่วง 80 ปีก่อนคริสตกาล ตัวโรงอาบน้ำนั้นจะแยกชายหญิง (แต่ว่าห้องของผู้หญิงจะเล็กกว่าพอสมควร) แต่ละห้องได้รับการตบแต่งอย่างสวยงาม และมีบ่อให้เลือกทั้งบ่อน้ำร้อน บ่อน้ำอุ่น และบ่อน้ำเย็นครับ
12. Stabian Baths
Stabian Baths เป็นโรงอาบน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองปอมเปอี และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดด้วย ตัวโรงอาบน้ำจะแยกชายหญิงเช่นเดียวกับ Forum Baths โดยมีเตาที่ใช้เพิ่มอุณหภูมิให้กับน้ำเป็นตัวกั้นระหว่างสองฝั่งครับ และโครงสร้างส่วนอื่นก็จะคล้ายกับ Forum Baths นั่นก็คือมีห้องแต่งตัว บ่อน้ำเย็น อุ่น และร้อนครับ
ทั้งนี้ Stabian Baths ของปอมเปอีนั้นเก่าแก่มาก (100-200 ปีก่อนคริสตกาล) เรียกได้ว่าเก่าเป็นลำดับต้นๆ ของสถานที่แบบเดียวกันที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันเลยครับ
13. Lupanar
Lupanar คือซ่องโบราณของเมืองปอมเปอี ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ค้าบริการทางเพศในสมัยโบราณ ตัวอาคารจะมีสองชั้น ชั้นบนใช้เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าของและผู้ขายบริการ ส่วนชั้นล่างทั้งหมดจะแบ่งออกเป็นห้องๆ มีม่านปิด และมีเตียงอยู่ด้านในเพื่อรองรับผู้มาใช้บริการครับ
ด้านในอาคารจะตบแต่งด้วยภาพเขียนสีเฟรสโกแนวอิโรติก เพื่อให้ลูกค้าเลือกกิจกรรมที่ปรารถนาครับ
14. Samnite Palaestra
Samnite Palaestra เป็นสถานที่สำหรับชาวเมืองมาเล่นกีฬา และออกกำลังกาย รวมไปถึงฝึกฝนการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ กีฬาที่มีให้เล่นก็มีตั้งแต่มวยปล้ำ ฝึกดาบ ยกน้ำหนัก ชกมวย ฯลฯ โดยรวมแล้วเหมือนกับห้องฟิตเนสหรือว่ายิมในปัจจุบันครับ
ตัวอาคารเก่าแก่มาก เพราะน่าจะสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยที่ชาวแซมไนต์ปกครองปอมเปอีครับ
15. House of the Faun
House of the Faun เป็นบ้านพักที่หรูหราอลังการที่สุดในเมืองปอมเปอี ตัวบ้านมีเสามากมาย และตบแต่งด้วยหินอ่อนอย่างงามตา เช่นเดียวกับโมเสกที่จารึกศึกใหญ่ระหว่างอเล็กซานเดอร์มหาราช และดาริอุสแห่งเปอร์เซียด้วยครับ (ที่ใครเคยอ่านประวัติศาสตร์จะต้องคุ้นเคยกันดี) เพราะฉะนั้นฐานะทางสังคมของเจ้าของบ้านนั้นเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ตอนที่พบนั้นในบ้านเต็มไปด้วยโบราณวัตถุที่สวยงามมาก แต่ในปัจจุบันได้ถูกนำไปรักษาไว้ที่เมืองเนเปิลส์ครับ แต่รูปปั้นเทพารักษ์เต้นรำ (Faun) ยังอยู่ ณ ที่เดิมครับ
16. House of the Tragic Poet
House of the Tragic Poet เป็นอีกหนึ่งบ้านของคนรวยในเมืองปอมเปอี ในบ้านมีภาพเขียนโบราณสวยงามที่เล่าถึงเหตุการณ์ในมหากาพย์อิเลียดของโฮเมอร์ เช่นเดียวกับเทพนิยายกรีกอื่นๆ อีกมากมายครับ
นอกจากนี้ในบ้านยังมีโมเสกมากมายด้วย แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือโมเสกระวังสุนัข (Cave Canem) ที่แสดงถึงวัฒนธรรมการเลี้ยงสุนัขที่มีมาตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อนครับ
17. House of the Small Fountain
House of the Small Fountain เป็นบ้านที่มีภาพเขียนสีสวยที่ได้รับการวาดเพียงไม่กี่ปีก่อนที่การระเบิดครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.79 แต่จุดสนใจหลักของที่นี่คือน้ำพุเก่าแก่ที่มีโมเสกสีฉูดฉาดประดับประดาอยู่อย่างงดงามมาก บ้านแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของศิลปะโรมันที่น่าตื่นตามากทีเดียวครับ
18. Villa of the Mysteries
Villa of the Mysteries คือไฮไลท์ของเมืองปอมเปอีอย่างไม่ต้องสงสัย ด้านในอาคารมีภาพเขียนสีเฟรสโกบนกำแพงสามจุดที่เรียงติดกันที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก ทำให้นี่เป็นภาพเขียนยุคโบราณที่งดงามที่สุด ซึ่งยากจะหาชมได้ในปัจจุบันครับ
ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ทางศาสนาซึ่งอุทิศให้กับเทพเจ้าไดโอนิซุส (Dionysus) หรือเทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่น ซึ่งใกล้กับตัวอาคารก็มีสถานที่สำหรับผลิตไวน์ด้วยครับ
19. House of the Vettii
House of the Vettii เป็นคฤหาสน์ของเศรษฐีใหญ่แห่งเมืองปอมเปอีอย่างตระกูล Vettius ซึ่งร่ำรวยจากการค้าขาย ด้านในมีภาพเขียนสีที่สวยงามเช่นเดียวกับรูปปั้นที่ตระการตาให้ได้ชม ภาพเขียนบางภาพนั้นเป็นภาพของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงนั้นอย่างเช่นการขายไวน์ การเก็บดอกไม้มาทำน้ำหอม ไปจนถึงการซักเครื่องแต่งกายครับ
20. Garden of the Fugitives
Garden of the Fugitives เป็นสวนองุ่นในเมืองปอมเปอี และเป็นสถานที่จัดเลี้ยงด้วย ที่นี่น่าจะเป็นจุดที่โศกสลดที่สุดของเมือง เพราะมีร่างของชายหญิงและเด็กรวมแล้วทั้งหมด 13 ร่างที่พยายามหลบหนีเอาชีวิตรอด แต่ช้าไปแล้วเพราะว่าคลื่นของทะเลลาวามาถึงทำให้ชีวิตของพวกเขาจบสิ้นลงครับ
ปัจจุบันร่างปูนปลาสเตอร์ของพวกเขาได้รับการเก็บรักษาเอาไว้ ซึ่งสามารถไปชมดูได้ครับ
21. บ้านอื่นๆ
นอกจากบ้านที่ผมแนะนำไปแล้วนั้น ในเมืองปอมเปอียังมีบ้านที่น่าสนใจอยู่อีกหลายสิบแห่ง เรียกได้ว่าถ้าคุณชอบประวัติศาสตร์และศิลปะ คุณแทบจะใช้เวลาเข้าชมได้ทั้งวัน แต่ไม่ใช่ว่าทุกแห่งจะเปิดในเวลาที่คุณเดินทางไปครับ
บ้านที่น่าสนใจอื่นๆ ได้แก่
- House of Venus in the Shell เป็นบ้านในเมืองปอมเปอีที่มีชื่อเสียงเพราะมีภาพเขียนเฟรสโกของเทพีวีนัสที่สวยงามมาก
- House of Menander – บ้านสวยที่มีภาพเขียนสีอันงดงามจากมหากาพย์อิเลียดและโอดิสซี
22. Amphitheatre
Amphitheatre เป็นสถานที่ทำการแสดงและชมการแข่งขันกีฬา (เช่นแกลดิเอเตอร์) ของชาวเมืองปอมเปอี ทั้งนี้ตัวสิ่งก่อสร้างถือว่าใหญ่มากเพราะจุคนได้ถึง 20,000 คน โดยอาคารที่หลงเหลือมานั้นเป็นรองแค่โคลอสเซียมแห่งกรุงโรมเท่านั้นเองครับ
แต่เรื่องความเก่าแก่นั้นที่นี่เก่ากว่าเสียอีกเพราะสร้างขึ้นตั้งแต่ปีที่ 70 ก่อนคริสตกาลครับ (ขณะที่โคลอสเซียมสร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.80)
23. Mt.Vesuvius
ท้ายที่สุดการมาเยือนเมืองปอมเปอีคงไม่ครบครัน ถ้าคุณไม่ได้ไปเยือนภูเขาไฟวิสุเวียส (Mt.Vesuvius) ที่ได้ระเบิดขึ้นและเป็นต้นเหตุที่ทำให้เมืองปอมเปอีถูกฝังด้วยฝุ่นภูเขาไฟจำนวนมหาศาลครับ
ปัจจุบันมีเส้นทางเดินเทรคหลายเส้นที่นำคุณไปชมเส้นทางการไหลของลาวาในการปะทุครั้งล่าสุด (ปี ค.ศ.1944) เช่นเดียวกับหลุมลึก 300 เมตรที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟครับ
ทุกวันนี้ภูเขาไฟลูกนี้ก็ยังไม่ได้ดับสนิท มันยังคงมีโอกาสที่จะเกิดการปะทุอย่างรุนแรงอย่างที่ได้ทำลายเมืองปอมเปอีครับ
References
- Pompeii Sites
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใสผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความนี้มี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าถ้าคุณซื้อทัวร์ผ่านทางลิงค์ ผมจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการครับ