หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นเช่ารถในญี่ปุ่นทางออนไลน์กับเว็บไซต์ไหนดี? | มีภาษาอังกฤษ + ไว้ใจได้

เช่ารถในญี่ปุ่นทางออนไลน์กับเว็บไซต์ไหนดี? | มีภาษาอังกฤษ + ไว้ใจได้

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

การเช่ารถในญี่ปุ่นเป็นอีกตัวเลือกอันยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากไปท่องเที่ยวดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ ซึ่งวิธีการเช่าก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก คุณสามารถจองรถล่วงหน้าทางออนไลน์ และเดินทางไปที่จุดรับรถ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถขับรถได้อย่างอิสระทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นเลยครับ

อย่างไรก็ดีหลายคนอาจจะสงสัยว่าจะไปเช่ารถที่ไหนดี เพราะบางเว็บมีแต่ภาษาญี่ปุ่น หรือที่มีภาษาอังกฤษก็มีรถให้เลือกจำนวนจำกัด และต้องเสียเวลาอีกมากมายในการเปรียบเทียบระหว่างเว็บไซต์ ก่อให้เกิดความยุ่งยากอย่างมาก

ในโพสนี้ผมจึงจะมาแนะนำเว็บไซต์ที่น่าสนใจและไว้ใจได้ ซึ่งคุณสามารถเช่ารถในญี่ปุ่นได้อย่างสะดวกสบายเลยครับ

Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองรถเช่าในญี่ปุ่นผ่านทางลิงค์ในบทความครับ

การเช่ารถในญี่ปุ่น
by lowpower225/depositphotos

ข้อควรทราบ

ข้อดีข้อเสียของการเช่ารถสำหรับท่องเที่ยวญี่ปุ่น

คุณอาจจะชั่งใจอยู่ว่าการเช่ารถขับในญี่ปุ่นเป็นทางเลือกที่ดีหรือไม่ ถ้าเทียบกับการใช้บริการขนส่งสาธารณะของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นชินคันเซน รถไฟ หรือรถบัส ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องความตรงต่อเวลา และการบริการที่ดี

คำตอบก็คือว่า การเช่ารถเที่ยวในญี่ปุ่นยังคงเป็นทางเลือกที่ดีมากครับ เพราะมีข้อดีดังต่อไปนี้

1. เพิ่มอิสระในการเดินทางของคุณ – คุณสามารถเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นตามเมืองต่างๆ ได้อย่างอิสระ และสามารถแวะถ่ายรูปในจุดชมวิวที่ต้องการได้ และยังขับตามเส้นทางที่ต้องการได้ โดยเฉพาะเส้นทางสวยๆ ของญี่ปุ่นที่รถบัสหรือรถไฟต่างๆ อาจจะไม่ได้ผ่านอย่างเช่น Hakusan Shirakawa-go White Road ที่เชื่อมระหว่างจังหวัดกิฟุกับจังหวัดอิชิกาวะเป็นต้น

2. เพิ่มอิสระในการเลือกที่พัก – คุณไม่จำเป็นต้องเลือกที่พักใกล้กับสถานีรถไฟหรือใจกลางเมืองอีกต่อไป คุณสามารถเลือกที่พักซึ่งอยู่ห่างไกลออกมาจากตัวเมืองได้ ซึ่งอาจจะมีราคาต่อคืนที่ถูกกว่า

นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกที่พักแบบรีสอร์ท ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง 20-30 กิโลเมตร อย่างเช่นที่พักริมทะเลสาบชูเซ็นจิที่นิกโก้เป็นต้น ที่พักแบบนี้คุณสามารถชมวิวสวยๆ จากห้องนอนได้ บรรยากาศจะเงียบสงบ เหมาะต่อการพักผ่อนครับ

การเช่ารถในญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวประเทศแห่งนี้ครับ
อุโมงค์ที่มุ่งสู่ชิราคาวาโกะ by cowardlion/depositphotos

3. ไม่ต้องเสียเวลารอรถไฟ/รถบัส – จริงอยู่ว่าการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะของญี่ปุ่นสะดวกสบายและรวดเร็วมาก แต่สิ่งที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการรอรถไฟ/รถบัส ซึ่งส่งผลให้คุณเสียเวลาเที่ยวไปหลายชั่วโมงได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณพลาดตกรถบัสที่มีเพียงคันเดียวต่อชั่วโมง

ถ้าคุณขับรถเอง คุณจะไม่ประสบกับปัญหาเหล่านี้แต่อย่างใด เพราะคุณมีรถให้ขับไปเองนั่นเองครับ ซึ่งในบางกรณีก็เร็วกว่านั่งชินคันเซนเสียอีก (ถ้าคุณไปเมืองที่ชินคันเซนไม่ผ่าน และต้องเปลี่ยนรถบัส/รถไฟหลายเที่ยว)

4. ให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า – การใช้บริการขนส่งสาธารณะของญี่ปุ่นนั้นแน่นอนว่าคุณจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของชาวญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ควรพูดคุยเสียงดัง ฯลฯ แต่ถ้าขับรถไปเอง คุณและเพื่อนร่วมทางจะเสียงดังในรถอย่างไรก็ไม่มีใครว่าเป็นต้น

อย่างไรก็ดีข้อเสียของการเช่ารถขับในญี่ปุ่นก็มีไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น

  • คุณหรือสมาชิกในคณะหนึ่งคนต้องขับรถเอง และไม่สามารถนอนสบายๆ ในรถบัสหรือรถไฟได้ และแน่นอนว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอันเข้มงวดของญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัด
  • คุณต้องมีใบขับขี่สากล (แต่ก็ไม่ได้ยากอะไรในการทำบัตรนี้ผ่าน dlt.go.th ครับ)
  • คุณต้องหาที่จอดรถ – ที่จอดรถตามเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของญี่ปุ่นนั้นหาได้ไม่ยากนัก แต่แน่นอนว่าต้องเสียค่าจอดรถ ถ้าใครไม่อยากเสียเงินจริงๆ วิธีแก้คือให้จองโรงแรมที่มีบริการที่จอดรถฟรี (หรือให้ส่วนลดค่าจอดในราคาที่ถูกมากๆ) แล้วใช้ขนส่งสาธารณะหรือรถของโรงแรมครับ
  • ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอาจจะสูงกว่า – ถ้ารวมค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างเช่น ค่าเช่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ การเช่ารถขับในญี่ปุ่นอาจจะแพงกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่น
  • ในช่วงฤดูหนาว การขับรถต้องใช้ความระมัดระวัง และอาจจะต้องติดอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น Snow Tires เพื่อกันลื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่สนใจจะไปเที่ยวชิราคาวาโกะครับ
การขับรถในญี่ปุ่นต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
ถนนในญี่ปุ่นช่วงฤดูหนาว by kikujungboy/depositphotos
Guaranteed vs. Similar

อีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรทราบในการเช่ารถก็คือ ทุกการจองจะมีคำว่า Guaranteed (การันตีรุ่นรถ) หรือ Similar (หรือคล้ายกัน) ซึ่งคำว่า Guaranteed ก็คือคุณจะได้รถรุ่นนี้แน่นอน แต่ถ้า similar ก็คือจะได้รถแบบและระดับเดียวกัน นั่งได้จำนวนคนเท่ากัน แต่อาจจะไม่ใช่รุ่นนี้เป็นต้นครับ ถ้าคุณเจาะจงอยากจะขับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ คุณควรเลือกที่มีคำว่า Guaranteed ครับ

ค่าใข้จ่ายในการเช่ารถที่ญี่ปุ่น

ค่าใช้จ่ายในการเช่ารถในญี่ปุ่น (ไม่รวมน้ำมัน ค่าประกัน และอื่นๆ) ขึ้นอยู่กับว่าคุณเช่ารถรุ่นใด (เช่า SUV จะแพงกว่า) เช่าที่ไหน (เช่นเช่าที่โทยามะจะแพงกว่าที่โตเกียวเป็นต้น) ช่วงเวลาที่เช่า (ช่วงเทศกาล ค่าเช่ารถในญี่ปุ่นจะแพงขึ้น) คืนรถที่เดียวกันหรือไม่ (ถ้าคืนรถคนละที่ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม) ฯลฯ

ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 บาทต่อวันสำหรับการเช่ารถ 4 ที่นั่ง ไม่ใช่ช่วงเทศกาล โดยรับและคืนรถที่โตเกียวครับ (คืนที่เดียวกัน) แต่ราคาที่เช่าจริงๆ อาจจะเริ่มต้นที่ประมาณ 2,000 บาทต่อวันเพราะรวมค่าประกันและอื่นๆ เข้าไปด้วยนั่นเอง

โปรดเลือก Supplier ให้ดี

ในกรณีที่คุณใช้บริการของเว็บที่เป็นตัวกลาง (Discover Cars, Qeeq หรือ Rentalcars) คุณจะต้องตรวจสอบ Supplier ของคุณให้ดีด้วย ทางที่ดีคุณควรจะเลือก Supplier ที่ได้มาตรฐานอย่างเช่น Hertz/Europcar/Nisson Rent-a-car ฯลฯ พร้อมทั้งอ่านรีวิวอย่างละเอียด ก่อนที่จะตัดสินใจจองครับ

โปรดอ่านเงื่อนไขให้ดี

ก่อนการจองรถเช่าทุกครั้ง ผมแนะนำอย่างยิ่งให้อ่านเงื่อนไขทุกอย่างของเว็บไซต์ให้ดีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับรถ และเรื่องการ cancel หรือปัญหาเรื่อง no-show (เช่นไฟลต์ของคุณดีเลย์นานๆ เป็นต้น) รวมไปถึงการนำรถไปคืน (ลืมเติมน้ำมัน ฯลฯ) ผู้เช่าจำนวนมากมีปัญหากับผู้ให้บริการเช่ารถเหล่านี้ เพราะว่าไม่ได้อ่านเงื่อนไขเหล่านี้ให้ดีก่อนครับ

โปรดระวัง!

หนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด (และเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุด) ในการเช่ารถก็คือ ไฟลต์ของคุณดีเลย์นานมาก ทำให้ผู้บริการปล่อยเช่ารถที่คุณจองไปเรียบร้อยแล้ว

หนึ่งในวิธีที่อาจช่วยป้องกันปัญหานี้คือ เลือกรับรถตอนเช้าวันที่สองของการเดินทาง กล่าวคือคุณจะไม่รับรถที่สนามบินในวันแรกที่มาถึงญี่ปุ่น แต่อาจจะใช้วิธีอื่นในการเดินทางเข้าเมืองไปก่อน แล้วค่อยไปรับรถในเมืองตอนวันที่สองเป็นต้นครับ

ท้ายที่สุดคุณห้ามลืมนำใบขับขี่ทั้งของไทยและสากลไปเด็ดขาด ถ้าคุณเกิดลืมขึ้นมา ทริปของคุณอาจจะพังพินาศได้เลยทีเดียวครับ เพราะผู้ให้บริการจะไม่ให้คุณเช่าขับในญี่ปุ่นนั่นเอง

1. Discover Cars

Discover Cars เป็นเว็บไซต์ที่จับคู่ผู้ที่ต้องการจะเช่ารถกับผู้ให้บริการจากทั่วโลก และเป็นตัวเลือกที่ให้คุณจองรถอย่างง่ายดาย และไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะคุณสามารถยกเลิกและขอเงินคืนได้ก่อนวันนัดรับรถ 48 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าแผนการเดินทางเปลี่ยน คุณจะได้รับเงินที่เสียไปคืนครับ

ในการจองนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน คุณแก้กรอกข้อมูลลงไปอย่างเช่นว่าจะรับรถที่ไหน และเช่าวันไหนถึงวันไหน หลังจากนั้นทางเว็บไซต์ก็จะนำเสนอตัวเลือกที่มีออกมาครับ

รถที่จะมีให้จองจะมีตั้งแต่รถ Sedan ไปจนถึงรถ SUV และรถตู้ ส่วนค่าจองก็จะคิดเป็นเงินบาทมาเรียบร้อย เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความเสี่ยงค่าเงินครับ

จองรถกับ Discover Cars

หลังจากที่คุณเรียกรถได้แล้ว จะมีประกันแบบ Full Coverage ให้เลือกรวมไปถึง GPS หรือ Child Seat ซึ่งจะต้องจ่ายเงินเพิ่มทั้งหมด ผมมองว่ายังไงประกันก็ควรมีครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณวางแผนจะขับรถในช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่นที่ลื่นสุดๆ

หลังจากนั้นคุณจะต้องจ่ายค่าบริการประมาณ 60% ในตอนนี้เลย ซึ่งทาง Discover Cars จะคอนเฟิร์มการจองรถให้คุณทันทีครับ ที่เหลืออีก 40% จะไปจ่ายตอนที่รับรถครับ

สำหรับการบริการนั้น Discover Cars ถือว่าเป็นผู้ให้บริการที่ได้รับรีวิวดีมากๆ (อ่านได้จาก Trustpilot) แต่สำหรับในญี่ปุ่นแล้ว supplier จะยังค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ เพราะฉะนั้นเรื่องราคาและตัวเลือกรถอาจจะสู้เจ้าอื่นไม่ได้ครับ

2. Qeeq.com

Qeeq.com เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการรถเช่ากับผู้ต้องการจากทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่าก็รวมไปถึงประเทศญี่ปุ่นด้วย การเช่ารถกับเว็บนี้คือว่าง่ายดายและสะดวกสบายครับ เพราะทุกอย่างเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ นั่นเอง

ขั้นตอนที่ 1: คุณก็แค่กรอกข้อมูลที่จำเป็นลงไป ไม่ว่าจะเป็น Pick-up Location หรือสถานที่ที่คุณต้องการจะรับรถ รวมไปถึงเวลาที่คุณต้องการจะรับและคืนรถครับ และต้องการจะคืนรถในอีกเมืองหนึ่งก็สามารถทำได้ คุณก็แค่กดติ๊กถูกที่ “คืนรถที่เดิม” ออกเท่านั้นเอง

ยกตัวอย่างเช่น ผมเลือกที่จะรับรถที่สนามบินฮาเนดะ และคืนรถที่สนามบินคันไซ ดังรูปด้านล่าง

ขั้นตอนที่ 2: ภายในเวลาไม่เกิน 2 วินาที รถที่ตรงกับความต้องการของคุณก็จะออกมาให้เลือกครับ

บน Qeeq.com นี้จะสรรหาดีลรถต่างๆ จาก supplier ต่างๆ มาให้แล้ว ซึ่งจะมีรถหลากหลายรูปแบบให้เลือก ทั้งโตโยต้า นิสสัน ฯลฯ รวมไปถึงรถแบบมินิแวน หรือรถตู้ด้วย ในส่วนนี้คุณสามารถเปรียบเทียบและเลือกได้อย่างอิสระ

การเช่ารถในญี่ปุ่นผ่าน Qeeq

อย่างเช่นด้านล่างรถที่ผมสนใจนั้น จะให้บริการโดย Nissan Rent A Car ครับ แต่รถบางคันอาจจะให้บริการโดย Hertz หรือผู้ให้บริการเช่ารถอื่นได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้ผมแนะนำให้ผู้ให้บริการที่ได้รีวิวดีๆ ไว้ก่อนครับ

ราคาที่เห็นจะเป็นราคารวมตลอดทั้งช่วงที่คุณเลือกไป (ไม่ใช่ราคาต่อวันครับ) อย่างเคสของผมนี้คือตลอดช่วง 13 วันครับ

ข้อดีที่ผมชอบในการใช้บริการ Qeeq.com คือราคาจะเป็นเงินบาทมาให้แล้ว ดังนั้นไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการคูณโน่นคูณนี่ให้เสียเวลา และที่สำคัญที่สุดคือราคาจะตายตัวแล้ว ไม่ต้องรับความเสี่ยงค่าเงินครับ

ขั้นตอนที่สาม: สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปคือการเลือกประกันรถ ซึ่งของ Qeeq จะมีอยู่สองแบบนั่นคือ Basic Protection (ประกันพื้นฐาน) และ Super Protection (ประกันซูปเปอร์เพิ่มเติม) ซึ่งแบบแรกจะคุ้มครองแค่การชนและการโดนขโมยในจำนวนจำกัด

แต่ถ้าแบบหลังนั้น คุณจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ถ้ารถชนหรือโดนขโมย นอกจากนี้ยังรวมอย่างอื่นอย่างเช่นตัวกระจกรถเสียหายเพราะสาเหตุอื่น หรือปัญหาจิปาถะอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับตัวรถ เช่นการทำความสะอาดเป็นต้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือถ้าคุณได้รับบาดเจ็บ คุณสามารถเคลมประกันได้ในจำนวนสูงถึง $200,000 ครับ

ดังนั้น Super Protection เป็นทางเลือกที่ดีกว่าอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ใช้บริการ Qeeq กว่า 92% ก็เลือกทางเลือกนี้ครับ

ขั้นตอนที่สี่: หลังจากนั้นคุณก็แค่กรอกข้อมูลของผู้ขับ และอย่าลืมสร้างบัญชีของ Qeeq.com ใหม่เพื่อที่คุณจะได้รับส่วนลด $100 ในการจองครั้งแรกครับ ต่อมาก็แค่กดยืนยันการจอง เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย

สิ่งที่ดีมากของ Qeeq.com คือ คุณสามารถ cancel การจองได้ฟรีครับ (ยกเว้นช่วง 24 ชั่วโมงสุดท้าย) ดังนั้นถ้าแพลนเดินทางมีปัญหา คุณสามารถยกเลิกการจองได้ทันทีแบบไม่ต้องโดนชาร์จแต่อย่างใด

ไม่เพียงเท่านั้นถ้าเกิดปัญหา คุณยังสามารถติดต่อ Qeeq ได้ตลอด 24 ชั่วโมงทางโทรศัพท์ แชท (ผ่านแอพ) หรืออีเมล์ ซึ่งจะมีเบอร์ไทยให้ติดต่อได้ด้วยครับ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Contact Us

อย่างไรก็ดีสิ่งที่คุณต้องทราบคือ Qeeq ไม่ได้ให้บริการเช่ารถกับคุณโดยตรง แต่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง (เหมือนกับ Skyscanner เวลาคุณจองตั๋วเครื่องบิน หรือ Agoda เวลาที่คุณจองโรงแรมครับ) ดังนั้นถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา ปัญหาส่วนมากจะเกิดจากฝั่ง Supplier ไม่ใช่ที่ตัว Qeeq แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม คุณสามารถติดต่อกับทาง Qeeq ได้ตลอดเพื่อแจ้งปัญหาครับ

3. Rentalcars.com

Rentalcars.com เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่ให้บริการจองรถทั่วโลก (อยู่ในเครือเดียวกับ Booking.com และ Agoda ดังนั้นเรื่องความน่าเชื่อถือนั้นไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว) โดยตัวเว็บไซต์จะไปสรรหา supplier มากมายจากทั่วทั้งญี่ปุ่นมาให้ทั้งคุณเลือกสรรครับ ดังนั้นไม่ต้องไปเสียเวลาไล่ดูแต่ละเจ้าเลย เพราะเว็บนี้รวมมาให้อยู่แล้ว แถมยังเป็นภาษาอังกฤษด้วย

ขั้นตอนการจองนั้นไม่ต่างอะไรกับ Qeeq.com มากนัก นั่นคือกรอกข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นลงไป แล้วภายในเวลาไม่นาน รถที่น่าสนใจก็จะปรากฏขึ้นมา ซึ่งตัวรถจะมีตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงรถ SUVs เลยครับ

การจองรถในญี่ปุ่นผ่าน Rentalcars.com

สำหรับผู้ให้บริการที่จะปรากฏขึ้นมาในการค้นหา จะมีตั้งแต่ผู้บริการเจ้าใหญ่อย่าง Europcar (ซึ่งผมเคยใช้บริการแล้วค่อนข้างประทับใจ) ไปจนถึงผู้บริการแบบ local อย่าง Times Car Rental, Nippon Rent a car หรือ Nisson Rent a car ครับ

จุดแข็งของเว็บ Rentalcars.com นี้คือรถเช่าในญี่ปุ่นจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นเยอะกว่า Qeeq.com ราคาก็จะเป็นเงินบาทและครอบคลุมตลอดช่วงที่ต้องการจะเช่าแล้วครับ

หลังจากที่คุณเลือกรถที่ต้องการได้ คุณก็จะต้องเลือกประกัน ราคาที่คุณเห็นตอนแรกจะรวมประกันพื้นฐาน (เหมือน Basic Protection ของ Qeeq เท่านั้น) ดังนั้นถ้าคุณต้องการประกันที่ครอบคลุมทุกส่วนของตัวรถ คุณจะต้องเลือก Full Protection และเสียเงินเพิ่มครับ

อย่างไรก็ดีถ้าเทียบกับประกันเวอร์ชันอัพเกรดของ Qeeq แล้ว ผมมองว่าของ Qeeq ดีกว่าเพราะมีประกันในกรณีที่คุณบาดเจ็บ ($20,000) และรวมค่าทำความสะอาด (Clean up fee) เช่นกัน

คุณสามารถยกเลิกการจองกับ Rentalcars.com ได้ฟรี ยกเว้นในช่วง 48 ชั่วโมงสุดท้ายครับ เพราะฉะนั้นถ้าทริปคุณเกิดปัญหา คุณจะมีเวลาเพียงพอที่จะแก้ไขสถานการณ์ครับ

4. Nippon Rent A Car

Nippon Rent A Car เป็นผู้ให้บริการเช่ารถที่ญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ครับ เรื่องความน่าเชื่อถือของบริษัทจึงเรียกได้ว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

การเช่ารถผ่านเว็บนี้ถือว่าไม่ซับซ้อน เพราะว่าเลือกเป็นภาษาไทยได้เช่นกัน แต่วุ่นวายเพราะต้องกรอกหลายอย่าง ซึ่งรวมไปถึงเที่ยวบินและสายการบินของคุณด้วย

หลังจากนั้นผลการค้นหาก็จะออกมาครับ ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่มีบริษัทอื่น เพราะ Nippon Rent A Car เป็นผู้ให้บริการโดยตรง ต่างจาก Qeeq และ Rentalcars ที่มีลักษณะเป็นตัวช่วยค้นหาและประสานงานให้เฉยๆ

รถจะมีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงรถตู้ ซึ่งรถที่ผมพบจะเป็นของโตโยต้าและนิสสันเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ ส่วนราคาก็จะเป็นเงินเยน โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะต้องรับความเสี่ยงค่าเงิน ต่างจากอีกสองเว็บด้านบนที่การจองจะเป็นเงินบาทที่ตายตัวแล้ว

ประกันของ Nippon Rent A Car จะมีด้วยกันสองแบบ นั่นคือขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะรวมคุ้มครองความเสียหายต่อรถและทรัพย์สินทั้งของคุณและต่อคู่กรณี โดยส่วนนี้จะรวมอยู่ในค่าเช่าแล้วกับ แบบส่วนเกินที่จะเพิ่มการช่วยเหลือตามท้องถนนเพิ่มเข้ามา รวมไปถึงการช่วยเหลือทางโทรศัพท์

โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าแบบส่วนเกินที่ให้จ่ายเพิ่มนั้นไม่ค่อยดีเท่าไร ส่วนแบบพื้นฐานนั้นครอบคลุมดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นไม่น่าจำเป็นต้องจ่ายเพิ่มครับ

คุณต้องยกเลิกการจองล่วงหน้าอย่างน้อย 6 วัน มิฉะนั้นจะมีค่าปรับในการยกเลิกครับ

เว็บไซต์อื่นๆ สำหรับการเช่ารถในญี่ปุ่น

นอกเหนือจากเว็บไซต์เหล่านี้แล้ว คุณสามารถเช่ารถในญี่ปุ่นผ่านบริษัทรถหลายแห่งโดยตรงด้วยเช่นกัน อย่างเช่น

แต่แน่นอนว่าการค้นหาจะไม่ได้ครอบคลุมรถของบริษัทอื่นเหมือนกับสามเว็บไซต์ที่ผมแนะนำไปข้างต้น ดังนั้นคุณจะต้องเปรียบเทียบราคาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจครับ

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!