เกาะซาโดะ (Sado Island) หรือซาโดะชิมะ เป็นเกาะในทะเลญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ห่างออกไปจากชายฝั่งของจังหวัดนีงาตะของประเทศญี่ปุ่น ถ้าวัดตามสภาพภูมิศาสตร์แล้ว เกาะซาโดะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ โดยเป็นรองแค่เกาะใหญ่ทั้ง 4 (ฮอนชู, ฮอกไกโด, ชิโกกุ และคิวชู) และโอกินาว่าเท่านั้นครับ
ในอดีตเกาะซาโดะมีชื่อเสียงอยู่สองอย่าง นั่นคือเป็นสถานที่เนรเทศผู้กระทำความผิดจากเกาะใหญ่ของญี่ปุ่น และมีแร่ทองและเงินจำนวนมาก แต่ปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมระดับหนึ่ง และรองคุณให้เดินทางไปสัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมสักครั้งครับ
รู้จักเกาะซาโดะ (Sado Island)
สภาพภูมิศาสตร์ของเกาะซาโดะนั้นมีเกาะที่มีรูปร่างคล้ายกับตัวอักษรภาษาอังกฤษอย่าง “S” หรือ “Z” โดยมีแนวภูเขาใหญ่ขนาบทางด้านเหนือและใต้ โดยมีพื้นราบอยู่บริเวณตอนกลางของเกาะครับ แม้ว่าจะอยู่ในจังหวัดนีงาตะ แต่เกาะซาโดะไม่ได้หนาวหรือมีหิมะมากเท่ากับส่วนอื่นๆ ของจังหวัด เพราะตัวเกาะมีกระแสน้ำอุ่นสึชิมะ ทำให้อากาศอบอุ่นและมีหิมะน้อยกว่าที่อื่นๆ ครับ
ในด้านประวัติศาสตร์นั้น เกาะซาโดะเป็นเกาะเก่าแก่ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่อย่างน้อยตั้งแต่ช่วงยุคหินใหม่ และปรากฏให้เห็นว่ามีวัฒนธรรมที่ซับซ้อนขึ้นเมื่อช่วงสองพันกว่าปีก่อน จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 7 ที่เกาะซาโดะได้ถูกเข้าครอบครองโดยชาวญี่ปุ่นครับ
ประชาชนจากเกาะฮอนชูนั้นย้ายมาอาศัยที่นี่เป็นบางส่วน แต่ส่วนมากแล้วที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่เนรเทศนักโทษทางการเมือง หนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงที่สุดที่โดนเนรเทศไปที่นี่คือพระนิชิเร็น (Nichiren) ผู้ก่อตั้งนิกายนิชิเร็นของญี่ปุ่นครับ
ในช่วงยุคเซ็นโกกุ ที่นี่อยู่ในกำมือของตระกูลอุเอะสึกิ ก่อนที่จะมีการค้นพบว่าบนเกาะมีทองคำและเงินจำนวนมากในปี ค.ศ.1601 เพราะฉะนั้นเมื่อแผ่นดินญี่ปุ่นอยู่ในการปกครองของรัฐบาลโชกุนโตกุกาวะ เกาะซาโดะจึงกลายเป็นพื้นที่ที่ปกครองโดยตรงจากรัฐบาล และไม่ได้มอบให้กับไดเมียวคนใด
เหมืองทองคำซาโดะได้ถูกพัฒนาและขุดค้นจนสุดท้ายก็มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งทำรายได้ให้กับท้องพระคลังของรัฐบาลโชกุนอย่างมากมาย ตัวเมืองนั้นทำการอยู่นานถึงเกือบ 400 ปี จนกระทั่งแร่ทองคำหมดในปี ค.ศ.1989 ครับ
ในช่วงยุคเมจิ เกาะซาโดะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนีงาตะ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลทหารของญี่ปุ่นได้เกณฑ์ชาวเกาหลีมาใช้แรงงานที่เกาะแห่งนี้ (แต่บ้างก็ว่าเป็นความสมัครใจ) และเป็นหนึ่งในชนวนในการขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาครับ
ปัจจุบันเกาะซาโดะเป็นสถานที่ซึ่งมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตนเอง โดยเป็นส่วนผสมของวัฒนธรรมจากเกียวโต (จากนักโทษที่ถูกเนรเทศมาที่นี่) และวัฒนธรรมจากภูมิภาคโฮคุริคุและภาคตะวันตก (เพราะเคยค้าขายกันมาอย่างยาวนานครับ) หนึ่งในวัฒนธรรมที่ว่าก็คือละครโน (Noh) ที่ครั้งหนึ่งเกาะแห่งนี้เคยมีสถานที่จัดแสดงถึงกว่า 300 แห่งเลยครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเกาะซาโดะ (Sado Island) ทำอย่างไร?
ไม่ว่าคุณจะเดินทางจากเมืองใดก็ตาม คุณจะต้องขึ้นเรือที่ท่าเรือไปยังเกาะซาโดะ ซึ่งท่าเรือที่มีให้บริการเรือรับส่งนั้นมีอยู่สองแห่ง นั่นคือท่าเรือนีงาตะ (Niigata Port) ที่จะไปส่งนักเดินทางที่ท่าเรือเรียวสึบนเกาะซาโดะ และท่าเรือนาโอะเอ็ตสึ (Naoetsu Port) ที่จะไปส่งนักเดินทางที่ท่าเรือโองิบนเกาะซาโดะครับ
เนื่องด้วยท่าเรือ Naoetsu Port จะไม่มีบริการในช่วงฤดูหนาว แถมการเดินทางไปยังซับซ้อนกว่า ผมจึงแนะนำเป็นวิธีแรกจะง่ายกว่าครับ
การเดินทางไปเกาะซาโดะผ่านท่าเรือนีงาตะมีตัวเลือกดังต่อไปนี้
ชินคันเซน + รถบัส + เรือ – ขั้นแรกคุณจะต้องนั่ง Joetsu Shinkansen (ขบวน Toki) จากสถานีโตเกียวหรืออุเอโนะไปสุดสายที่เมืองนีงาตะซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัด หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสหรือแท็กซี่ไปยังท่าเรือนีงาตะ (Niigata Port) แล้วขึ้นเรือรับส่งไปยังเกาะซาโดะ ช่วงที่อยู่ในเรือนั้นจะนานประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ เพราะเกาะซาโดะห่างจากชายฝั่งนีงาตะประมาณ 50 กิโลเมตรครับ
วิธีนี้ใช้ได้กับสถานที่ซึ่ง Joetsu Shinkansen ผ่าน ไม่ว่าจะเป็นยูซาวะ หรือมินาคามิครับ
รถบัส + รถบัส + เรือ – วิธีนี้เหมือนกับวิธีแรก แต่จะเปลี่ยนชินคันเซนเป็นรถบัสแทน ซึ่งจะออกจากสถานีโตเกียวหรือชินจูกุและนำคุณไปยังเมืองนีงาตะ หลังจากนั้นคุณต้องเดินทางไปท่าเรือด้วยรถบัสหรือแท็กซี่ และปิดท้ายด้วยเรือเช่นกันครับ
ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Visit Sado เว็บไซต์การท่องเที่ยวของเกาะซาโดะครับ โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ครับ
การสัญจรบนเกาะซาโดะทำอย่างไร
บนเกาะซาโดะนั้น คุณจะใช้รถบัสเป็นพาหนะหลักไปยังสถานที่ต่างๆ แต่ปัญหาของรถบัสเหล่านี้คือมีไม่กี่คัน ทำให้คุณอาจจะต้องใช้เวลารอรถนานมาก (ไม่แปลกเพราะจำนวนประชากรบนเกาะลดลงเหลือไม่ถึงครึ่งจากช่วงที่ยังมีการขุดทองอยู่ครับ) ดังนั้นการเช่ารถ (มีให้เช่าแถวท่าเรือ) เพื่อสำรวจเกาะน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
1. เหมืองทองซาโดะ คินซัง
เหมืองทองซาโดะ คินซัง (Sado Kinzan) เป็นหนึ่งในเหมืองทอง 55 แห่งที่เคยตั้งอยู่ที่เกาะซาโดะ ตัวเหมืองนั้นมีขนาดใหญ่ที่สุดของเกาะซาโดะและญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นได้สร้างรายได้มหาศาลให้กับรัฐบาลโชกุนในช่วงยุคเอโดะ
ปัจจุบันที่นี่ไม่ได้มีการขุดทองอีกต่อไปแล้ว และได้ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสว่าครั้งหนึ่งเหล่าคนงานได้ขุดทองอย่างไร ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง และมีวิถีชีวิตอย่างไรเมื่อหลายร้อยปีก่อน ผ่านหุ่นขึ้ผึ้งที่จัดแสดงอยู่ตลอดเส้นทางเดินในเหมืองครับ
หลังจากที่ทองถูกขุดออกมาแล้ว แร่ทั้งหมดจะถูกส่งไปยังที่ Kitozawa Flotation Plant เพื่อทำกระบวนการต่างๆ ในการแยกทองบริสุทธิ์ออกมา ครั้งหนึ่งที่นี่เคยได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงงานลักษณะนี้ที่ดีที่สุดในโลกตะวันออกครับ
ใกล้กับตัวเหมืองมีภูเขาชื่อ โดยุ โนะ วาริโตะ (Doyu no Warito) ซึ่งมีรูปทรงเป็นตัว V อันเป็นเอกลักษณ์ และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเหมืองทองซาโดะครับ
2. ซาโดะ บูเกียวโช
ซาโดะ บูเกียวโช (Sado Bugyosho) คือศาลาว่าการหรือที่ทำการรัฐของเกาะซาโดะในสมัยเอโดะ ซึ่งที่นี่ปกครองโดยรัฐบาลโชกุนโดยตรง ดังนั้นโชกุนจะตั้งแต่ผู้ว่าราชการมาพำนักอยู่ที่นี่เพื่อปกครองเกาะและควบคุมการผลิตภายในเหมืองครับ
ปัจจุบันอาคารหลังเดิมนั้นถูกไฟไหม้เสียหายย่อยยับไปหมดแล้ว หลังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันสร้างขึ้นในปี ค.ศ.2000 ครับ
ใกล้กับอาคารหลังนี้มีถนนเก่าแก่ชื่อถนนเคียวมาจิ (Kyomachi Street) ตั้งอยู่ในอดีตเคยใช้เป็นถนนที่เชื่อมต่อเหมืองทองคำกับศาลาว่าการครับ
3. Earth Celebration
Earth Celebration เป็นเทศกาลดนตรีและวัฒนธรรมที่จัดบนเกาะซาโดะตั้งแต่ปี ค.ศ.1988 และได้รับการยอมรับว่าเป็นเทศกาลดนตรีอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยจะจัดขึ้นเป็นเวลาสามวันในช่วงกลางเดือนสิงหาคมของทุกปีครับ เทศกาลนี้ดึงดูดนักเดินทางชาวญี่ปุ่นจากทั่วประเทศให้เดินทางไปยังเกาะซาโดะได้ถึงสองหมื่นคนเลยทีเดียว
สถานที่จัดงานนั้นจะอยู่ที่บริเวณตลาดของท่าเรือโองิ (Ogi Harbor) โดยค่าเข้าชมงานนั้นจะแปรตามสถานที่ที่เลือกไว้ (ยิ่งหน้าเวทียิ่งแพง) ส่วน workshop อื่นๆ ที่มีให้เข้าร่วมจะยังไม่รวมในค่าเข้าชม รายละเอียดต่างๆ อ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บของเทศกาลครับ
4. แนวภูเขาโอซาโดะ
แนวภูเขาโอซาโดะ (Osado Mountain Range) เป็นแนวภูเขาที่พาดผ่านพื้นที่ของเกาะซาโดะ ที่นี่มีเส้นทางเดินเทรคที่วิวสวยงามอยู่หลายเส้น คุณจะได้ชมทัศนียภาพของภูเขาที่คดเคี้ยวราวกับเป็นงูเลี้อย เช่นเดียวกับดอกไม้ป่าและต้นสนซีดาร์อันอุดมสมบูรณ์ครับ
ถ้าคุณไม่อยากเดิน คุณอาจจะขับรถผ่าน Osado Skyline หนึ่งในทางหลวงชมวิวอันดับต้นๆ ของเกาะแห่งนี้เพื่อชมความสวยงามก็ได้ครับ ทว่าถ้าคุณไม่ได้เช่ารถ คุณจะไม่ได้ชมทัศนียภาพที่ว่า เพราะรถบัสจะไม่ใช้เส้นทางนี้ครับ ทั้งนี้ถนนนี้จะสวยพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ
5. ชมวัดและศาลเจ้า
แม้ว่าเกาะซาโดะจะไม่เคยเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม หรือว่ามีไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่มาอุปถัมภ์ แต่ที่นี่ก็มีวัดและศาลเจ้าอันเก่าแก่ที่สวยงามที่มีประวัติย้อนไปได้ถึงพันกว่าปี วัดที่น่าสนใจได้แก่
- วัดซาโดะ โคคุบุนจิ (Sado Kokubunji Temple) – วัดที่น่าจะเก่าแก่ที่สุดบนเกาะซาโดะ แต่สิ่งก่อสร้างในปัจจุบันส่วนมากจะเป็นของสมัยเอโดะ เพราะอาคารหลังเดิมโดนไฟไหม้เสียหายไปหมดแล้วครับ ทว่าด้านในยังหลงเหลือปูชนียวัตถุอย่างพระพุทธรูปไม้สมัยเฮอันของพระพุทธเจ้ายากุชิ เนียวไรประดิษฐานอยู่ครับ
- วัดเมียวเซนจิ (Myosenji Temple) – วัดโบราณที่มีเจดีย์ห้าชั้น สร้างขึ้นโดยซามูไรที่ถูกเนรเทศมายังเกาะซาโดะ และได้เกิดความเลื่อมใสในพระนิชิเร็นในเวลาต่อมา
- วัดโชโคคุจิ (Chokokuji Temple) – วัดเก่าแก่ที่มีชื่อว่าวัดดอกไม้ เพราะว่ามีดอกไม้สวยๆ ให้ชมในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ด้านในวัดเก็บรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม 11 เศียร (ให้ชมทุก 33 ปีเท่านั้น) และพระพุทธรูปสำคัญอายุนับพันปีอีกจำนวนมากครับ
- วัดเร็นเกบุจิ (Rengebuji Temple) – สร้างโดยพระคุไคเพื่อปัดเป่าโชคร้ายซึ่งเกิดจากที่ตั้งของเกาะซาโดะที่อยู่ในทิศอัปมงคลจากเมืองเกียวโต ในวัดปลูกดอก Hydrangea เอาไว้จำนวนมากให้ชมในช่วงฤดูร้อนครับ
- วัดเซย์ซุยจิ (Seisuiji Temple) – วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นจากไม้ และมีต้นสนซีดาร์ที่มีอายุร่วม 4 ศตวรรษครับ
6. อ่าวเซ็นคาคุ
อ่าวเซ็นคาคุ (Senkaku Bay) เป็นอ่าวสวยของเกาะซาโดะ บ้างว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับฟยอร์ดในยุโรปเหนือ บริเวณโดยรอบจะมีหน้าผาหินอันสูงชันเรียงรายสลับกันไป เกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามครับ
นักเดินทางมักจะไปชมวิวกันที่สวนอาเกะชิมะ (Ageshima Park) หรือไม่ก็ล่องเรือท่องเที่ยวเพื่อไปชมความงามอย่างใกล้ชิดครับ
7. ทะเลสาบคาโมะ
ทะเลสาบคาโมะ (Lake Kamo) เป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่บนเกาะซาโดะ และใหญ่เป็นอันดับ 1 ของจังหวัดนีงาตะอีกด้วย ในอดีตที่นี่เคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดบริสุทธิ์ แต่รัฐบาลเมจิตัดสินใจเชื่อมทะเลสาบแห่งนี้เข้ากันทะเล ทำให้กลายเป็นทะเลน้ำกร่อย เพราะเหตุผลเพื่อป้องกันอุทกภัยครับ
ปัจจุบันวิวทิวทัศน์ที่นี่สวยทุกฤดู โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ เพราะภูเขาที่เป็น background ของทะเลสาบนั้นมีหิมะปกคลุมนั่นเองครับ
8. หมู่บ้านชูคุเนกิ
หมู่บ้านชูคุเนกิ (Shukunegi) เป็นหมู่บ้านริมคลองขนาดเล็ก (เล็กกว่าที่คิโนซากิหรือคุราชิกิมากครับ) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโองิบนเกาะซาโดะ แต่มีความโดดเด่นทางวัฒนธรรมอย่างมาก ในอดีตที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านที่นักต่อเรืออาศัยอยู่ เพราะฉะนั้นอาคารต่างๆ จึงใช้ไม้ที่เหลือมาจากเรือลำเก่าๆ ครับ
References
- Visit Sado
- Sado Kinzan
- Earth Celebration Official Site