ซาวาระ (Sawara) เป็นเมืองโบราณที่ในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเมืองคาโตริ (Katori) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ ด้วยความที่มีอาคารโบราณอันสวยงาม ทำให้ซาวาระมีสมญาว่าว่าเอโดะน้อย (Koedo) เช่นเดียวกับเมืองอย่างคาวาโกเอะครับ
ในบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองซาวาระคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองซาวาระ (Sawara)
พื้นที่บริเวณเมืองซาวาระนั้นมีมนุษย์อาศัยอยู่มาอย่างยาวนานแล้ว ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะบริเวณนี้ตั้งอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำโทเนะ (Tone River) ที่ไหลลงสู่มหาสมุทร
ด้วยเหตุนี้บริเวณเมืองจึงอุดมสมบูรณ์มาก ในอดีตผู้คนต่างมาหาอาหารทะเลรวมไปถึงล่าสัตว์กันที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไปที่นี่จึงกลายเป็นชุมชน และได้มีการสร้างศาลเจ้าขึ้นเพื่อขอให้ชุมชนห่างไกลจากภัยพิบัติ ตัวเมืองซาวาระจึงเกิดขึ้นรอบๆ บริเวณศาลเจ้านั่นเองครับ
ในช่วงยุคนาราและเฮอัน ซาวาระได้กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของภูมิภาค และมีการเกษตรที่มั่งคั่ง แต่ก็เผชิญกับน้ำท่วมอยู่มาทุกยุคทุกสมัย
ดังนั้นในปี ค.ศ.1590 โตกุกาวะ อิเอยาสึได้ปกครองบริเวณเมืองนี้ และได้เริ่มโครงการใหญ่ด้วยการเปลี่ยนเส้นทางการเดินของน้ำให้ไหลไปลงทะเลที่โชชิ (Choshi) แทนที่จะเป็นอ่าวโตเกียวเหมือนแต่ก่อน
โครงการนี้ใช้เวลาเกือบ 7 ทศวรรษกว่าจะแล้วเสร็จ แต่หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว เมืองซาวาระก็แทบไม่เผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอีกเลย และได้กลายเป็นเมืองการค้าและสถานที่ขนถ่ายอาหาร (โดยเฉพาะข้าวสาร) ให้กับเมืองหลวงอย่างเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน)
สมัยเอโดะเป็นช่วงที่ซาวาระมีชื่อเสียงเรื่องคลองและการเดินทางทางน้ำมาก แต่พอยุคโชวะ (กลางศตวรรษที่ 20) เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็เข้ามา ทำให้วิถีชีวิตแบบเดิมๆ เริ่มหายไป
อย่างไรก็ดีซาวาระได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม การสัญจรด้วยเรือผ่านคลองต่างๆ ของเมืองจึงยังคงอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ เพราะใช้รองรับนักท่องเที่ยวครับ
ในปี ค.ศ.2006 รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปลี่ยนรูปแบบการปกครองเมืองเสียใหม่ โดยรวมเมืองซาวาระเข้ากับอีกสามเมืองในเขตคาโตริ และกลายเป็นเมืองใหม่ในนามเมืองคาโตริ (Katori) ครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองซาวาระ (Sawara) ทำอย่างไร?
รถไฟ – วิธีที่ซับซ้อนน้อยที่สุดคือ นั่งรถไฟ JR Sobu Line จากสถานีโตเกียวไปยัง Narita Station หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรถไฟแบบ local (Narita Line) เข้าเมืองซาวาระครับ
รถบัส – รถบัสเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ คุณสามารถนั่งรถบัสจากสถานีโตเกียวไปยังซาวาระได้โดยตรงเลยครับ
เช่ารถขับ – สำหรับใครที่เช่ารถมาเที่ยวเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น และวางแผนจะคืนรถที่สนามบินนาริตะ แน่นอนว่าคุณสามารถขับไปเที่ยวเมืองซาวาระเป็นการเที่ยวปิดท้าย แล้วค่อยคืนรถครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจากเว็บ Suigo-Sawara Tourist Association และ JNTO ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่เว็บทางการก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
1. เมืองเก่าซาวาระ
ย่านเมืองเก่าซาวาระ (Sawara Historical District) นั้นเป็นพื้นที่ริมแม่น้ำโอโนะ ซึ่งมีบ้านพักโบราณของเหล่าพ่อค้าสมัยเอโดะเรียงรายกันไปตลอดระยะทางกว่า 500 เมตร ปัจจุบันสภาพของบ้านเหล่านี้ยังสมบูรณ์มาก สาเหตุหนึ่งเพราะไม่ได้โดนทำลายในช่วงสงครามครับ
ในย่านนี้นั้นจะมีสะพานอยู่หลายแห่ง แต่สะพานที่โดดเด่นที่สุดคือสะพานจาจา (Jaja Bridge) หรืออีกชื่อหนึ่งว่าสะพานโตโย (Toyo Bridge)
สมัยเอโดะตัวสะพานนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบระบายน้ำ เพื่อขนถ่ายน้ำไปยังนาข้าวครับ เวลาไหนที่ไม่ต้องการใช้น้ำ ตัวสะพานก็จะระบายน้ำลงแม่น้ำโอโนะได้ นับว่าเป็นนวัตกรรมโบราณที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางด้านวิศวกรรมของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีครับ
สำหรับใครที่อยากสัมผัสกับบรรยากาศเมืองอย่างเต็มอิ่ม คุณสามารถล่องเรือไปตามสายน้ำของเมืองเพื่อชมวิวของทั้งสองฝั่งได้ครับ (ค่าบริการอยู่ที่ 1,300 เยนต่อครึ่งชั่วโมง) หรือว่าจะเดินช้อปปิ้งไปตามร้านค้าต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในบ้านโบราณได้เช่นกัน
ภายในย่านเมืองเก่านั้นมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือพิพิธภัณฑ์อิโนะ ทาดาทากะ (Ino Tadataka Museum) ซึ่งเขาเป็นนักสำรวจที่ทำแผนที่ประเทศญี่ปุ่นที่แม่นยำที่สุดในยุคนั้นให้กับรัฐบาลโชกุนครับ บ้านของเขานั้นตั้งอยู่ในซาวาระและได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งคุณสามารถเข้าชมได้ครับ
2. ศาลเจ้าคาโตริ
ศาลเจ้าคาโตริ (Katori Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโตที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนแถบนี้มาตั้งแต่โบราณ ตามตำนานตัวศาลเจ้าน่าจะสร้างขึ้นตั้งแต่ 643 ปีก่อนคริสตกาลครับ (ปรากฏในเอกสารโบราณทุกเล่ม) และเป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าชื่อเดียวกันอีก 400 แห่งทั่วทั้งญี่ปุ่น
ตัวศาลเจ้านั้นสถิตเทพเจ้าฟุสึนุชิ โนะ มิโคโตะ (Futsunushi no Mikoto) เทพเจ้าแห่งดาบและสายฟ้าที่มีสถานะเป็นเทพเจ้าผู้พิทักษ์ของดินแดนญี่ปุ่นด้วย ในช่วงยุคเมจิ ที่นี่ได้สถานะเป็นศาลเจ้าอันดับ 1 เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์พระจักรพรรดิครับ
อย่างไรก็ดีอาคารเก่าแก่ของยุคโบราณนั้นไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ตัวอาคารในปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นช่วงยุคเอโดะในสไตล์ฮิวาดะ บูกิซึ่งสวยงามมาก ด้านในปลูกต้นไม้ไว้อย่างมากมาย ทำให้เป็นจุดชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีชั้นยอดของเมืองซาวาระครับ
3. สวนซุยโกะ ซาวาระ อายาเมะ
สวนซุยโกะ ซาวาระ อายาเมะ (Suigo Sawara Ayame Park) เป็นสวนในซาวาระที่เป็นสถานที่จัดเทศกาลดอกไอริสช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งในสวนจะมีดอกไอริสสีขาวและสีม่วงมากถึง 1.5 ล้านดอกจาก 400 สปีชีส์ด้วยกัน เรียกได้ว่ามากที่สุดในเอเชีย นอกจากนี้ยังมีดอกอื่นๆ อย่างเช่นดอกบัวและ wisteria ครับ
วิธีการชมดอกไอริสที่ดีที่สุดคือ ล่องเรือพายไปตามคลองครับ แต่เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อน อากาศจะร้อนพอสมควร เพราะฉะนั้นต้องเตรียมเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมด้วยครับ
ช่วงเทศกาลไอริสนั้น ซึ่งชาวญี่ปุ่นมักมาจัดงานแต่งงานแบบโบราณตามวิถีชนบทที่เกี่ยวข้องกับสายน้ำกัน ถ้ามีโอกาสแน่นอนว่าคุณสามารถชมได้ครับ
4. ศาลเจ้าและวัดอื่นๆ
นอกเหนือจากศาลเจ้าคาโตริแล้ว เมืองซาวาระยังมีศาลเจ้าและวัดอีกหลายแห่งด้วยกันให้คุณไปเคารพสักการะได้ อย่างเช่น
- ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) – ศาลเจ้าที่อุทิศให้กับโกสุ เท็นโน เทพเจ้าแห่งวัชพืชและโรคระบาด ชาวเมืองมักจะสวดขอพรให้เทพเจ้าคุ้มครองครับ
- ศาลเจ้าสุวะ (Suwa Shrine) – สาขาหนึ่งของศาลเจ้าสุวะที่เมืองสุวะในจังหวัดนากาโน่
- วัดคันคุปุจิ (Kankupuji Temple) – วัดนิกายชินงอนที่มีชื่อเสียงในเรื่องการปัดเป่าความชั่วร้าย และเป็นที่ฝังร่างของอิโนะ ทาดาทากะครับ
5. ชมเทศกาลต่างๆ
เทศกาลซาวาระ (Sawara Grand Festival) เป็นเทศกาลใหญ่ที่จัดขึ้นสองครั้งในทุกปี นั่นคือช่วงฤดูร้อน (กรกฎาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม) ครับ
ช่วงฤดูร้อนจะเป็นการสักการะเทพเจ้าที่ศาลเจ้ายาซากะซึ่งเชื่อกันว่าทำให้เกิดโรคระบาด ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะสักการะเทพเจ้าที่ศาลเจ้าสุวะเพื่อเป็นการขอบคุณที่มอบผลผลิตที่งอกงามมาให้ครับ
ตัวเทศกาลนั้นคล้ายกับที่ทาคายาม่าและจิจิบุ แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว กล่าวคือจะเป็นการนำรถพื้นเมืองออกมาแห่ไปตามท้องถนน และประโคมด้วยการละเล่นและเครื่องดนตรีต่างๆ แต่จุดเด่นของที่นี่คือจะมีรูปปั้นขนาดใหญ่อยู่บนรถครับ บางตัวสูงถึง 4 เมตรเลยทีเดียว
อีกหนึ่งเทศกาลที่น่าสนใจคือ เทศกาลฮินะ (Hina Festival) เพื่อขอให้เทพเจ้าดูแลบุตรสาวให้ปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดี ตัวเทศกาลจะเป็นการแห่ตุ๊กตาฮินะครับ ตุ๊กตาเหล่านี้มีอายุนับร้อยปีและได้รับการทำขึ้นมาอย่างประณีต ชาวเมืองจะสวมใส่ชุดพื้นเมืองและแห่ตุ๊กตาเหล่านี้ไปตามแม่น้ำในเมืองซาวาระครับ
ท้ายที่สุดช่วงกลางเดือนสิงหาคมนั้น ย่านเมืองเก่าซาวาระจะมีเทศกาลตะเกียงไม้ไผ่ (Bamboo Lantern Festival) โดยชาวบ้านจะจุดไฟเพื่อต้อนรับดวงวิญญาณของสมาชิกในครอบครัวที่จากไปแล้ว และในวันสุดท้ายของเทศกาลจะมีการล่องท่อนไม้ไผ่ไปตามแม่น้ำเพื่อส่งดวงวิญญาณให้กลับไปครับ
References
- Sawara Tourism Guide
- JNTO