ชิบูย่า (Shibuya) เป็นหนึ่งในย่านในโตเกียวทีนักท่องเที่ยวชาวไทยรู้จักกันดี จุดเด่นของย่านชิบูย่านั้นคือเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและแฟชั่นสำหรับวัยรุ่นญี่ปุ่น ในย่านนี้มีร้านค้าจำนวนมหาศาล เช่นเดียวกับร้านอาหารและสถานที่เที่ยวกลางคืนอย่างเช่นไนท์คลับ ช่วยให้นักท่องเที่ยวมีกิจกรรมทำได้ตลอดวันครับ
ในบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักย่านชิบูย่าก่อนโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักย่านชิบูย่า (Shibuya)
แม้ว่าจะเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมร่วมสมัยในโตเกียว แต่จริงๆ แล้วชิบูย่านั้นมีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้ถึงสมัยเฮอัน โดยบริเวณนี้เป็นสถานที่พำนักของตระกูลชิบูย่ามาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 11 มาจนถึงช่วงสิ้นสุดยุคเอโดะครับ
ในสมัยเมจิ รัฐบาลใหม่ของญี่ปุ่นได้ใช้ที่นี่เป็นหนึ่งในฮับการเดินทางของโตเกียวฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ หลังจากที่มีการสร้างทางรถไฟ JR Yamanote Line เสร็จสิ้น ชิบูย่าจึงเติบโตขึ้นในฐานะย่านการค้ามาตั้งแต่บัดนั้นครับ
อย่างไรก็ดีชิบูย่าเริ่มเป็นสถานที่ยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 การเติบโตเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดดมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาย่านชิบูย่า ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่มีห้างสรรพสินค้าจำนวนมากเกิดขึ้น และดำเนินไปจนถึงช่วงทศวรรษ 1990 ครับ
ปัจจุบันนี้ชิบูย่ากำลังอยู่ในช่วงการปรับปรุงขนานใหญ่ที่ทำให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยโครงการเหล่านี้มีกำหนดเสร็จสิ้นในช่วงปี ค.ศ.2028 ดังนั้นในอีกไม่ปี คุณมีโอกาสจะได้เห็นชิบูย่าโฉมใหม่ที่มีแลนด์มาร์กเพิ่มขึ้นมาอย่างมากเลยครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปย่านชิบูย่าทำอย่างไร?
ชิบูย่ามีสถานีรถไฟขนาดใหญ่ซึ่งมีผู้ใช้งานแต่ละวันเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพราะฉะนั้นการเดินทางไปด้วยรถไฟจึงถือว่าง่ายดายที่สุด ไม่ว่าจะเป็น JR Yamanote Line (จากชินจูกุ, อิเคบุคุโระ, อุเอโนะ ฯลฯ) หรือ Tokyo Metro (เช่น Ginza Line จากกินซ่า)
อย่างไรก็ดีในช่วง rush hour อย่างเช่นช่วงเช้าหรือเลิกงาน อาจจะเป็นช่วงที่พึงหลีกเลี่ยง เนื่องจากผู้ใช้บริการจะมีจำนวนมากมายมหาศาลครับ
1. ทางข้ามชิบูย่า
ทางข้ามชิบูย่า (Shibuya Crossing) เป็นทางม้าลายที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดของโลก และได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงโตเกียวและประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว บริเวณทางข้ามนั้นเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารจำนวนมาก แต่ละอาคารประดับประดาไปด้วยแสงสีเสียง ทำให้ช่วงกลางคืนนั้นดูเหมือนว่าบริเวณนี้ไม่เคยหลับใหลครับ
ในช่วงพีคๆ นั้นทางข้ามแห่งนี้มีผู้ให้บริการถึง 3,000 คนในเวลาเดียวกัน หรือว่าสี่แสนคนต่อวันในช่วงวันหยุด ดังนั้นคุณจะยังไม่ได้มาถึงชิบูย่า ถ้ายังไม่ได้มาสัมผัสคลื่นมนุษย์ที่นี่ครับ
2. รูปปั้นฮาจิโกะ
รูปปั้นฮาจิโกะ (Hachiko) ได้เป็นสัญลักษณ์ของชิบูย่าเป็นเวลานานหลายสิบปี ตัวรูปปั้นนั้นสร้างขึ้นตามสุนัขชื่อฮาจิโกะ สุนัขสายพันธุ์อาคิตะที่เดินทางกลับบ้านกับเจ้าของจากสถานีรถไฟชิบูย่าทุกวัน
แต่วันหนึ่งของปี ค.ศ.1925 เจ้าของสุนัขซึ่งเป็นศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวได้อำลามันในช่วงเช้าและไม่เดินทางกลับมาอีกเลย เพราะสิ้นชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกที่มหาวิทยาลัย
หลังจากนั้นฮาจิโกะก็ไม่ได้เดินทางไปไหนอีกเลย มันเฝ้ารอเจ้าของที่สถานีชิบูย่าแห่งนี้อยู่ทุกวันเป็นเวลานานเกือบสิบปีจนกระทั่งมันจากไปในปี ค.ศ.1935 เรื่องราวฮาจิโกะมีชื่อเสียงไปทั่วญี่ปุ่น โดยเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์และจงรักภักดีครับ
ในช่วงปี ค.ศ.1934 (หรือก่อนที่ฮาจิโกะจะตายเสียอีก) ได้มีการสร้างรูปปั้นของมันและตั้งไว้ที่หน้าทางออกแห่งหนึ่งของสถานีรถไฟชิบูย่า แต่รูปปั้นนี้อยู่ได้ไม่นานนัก เนื่องจากถูกหลอมไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นในช่วงสงคราม ถึงกระนั้นได้มีการสร้างรูปปั้นใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ.1948 และรูปปั้นนี้เองที่ได้ตั้งอยู่ที่หน้าสถานีชิบูย่ามาถึงทุกวันนี้ครับ ในปัจจุบันวัยรุ่นญี่ปุ่นก็ได้ใช้จุดนี้เองเป็นสถานที่นัดพบกัน
3. Shibuya Sky
Shibuya Sky เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนชั้น 47 ของ Shibuya Scramble Square ตึกระฟ้าใหม่ที่เปิดในปี ค.ศ.2019 โดยอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 229 เมตร
ปัจจุบันที่นี่น่าจะเป็นจุดที่ชมมุมสูงแบบ 360 องศาของย่านชิบูย่ารวมไปถึงกรุงโตเกียวได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง แถมในวันฟ้าใส คุณมีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยครับ
สำหรับค่าบริการนั้นจะอยู่ที่ 2,200 เยน (สำหรับการซื้อออนไลน์ ส่วนหน้างานจะอยู่ที่ 2,500 เยน) อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของ Shibuya Scramble Square ครับ
4. Shibuya Blue Cave
Shibuya Blue Cave เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นทุกปีในช่วงวันที่ 8-25 ธันวาคม (วันเวลาอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละปี) โดยต้นไม้บริเวณถนนโคเอ็นโดริ (Koen Dori) ไปจนถึงสวนโยโยงิ (Yoyogi Park) เป็นระยะทางกว่า 800 เมตรจะได้รับการประดับประดาด้วยไฟ LED สีน้ำเงินอย่างงามตา ทำให้บรรยากาศโรแมนติกอย่างมากเลยครับ
5. ช้อปปิ้ง
ช้อปปิ้งเป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้เมื่อเดินทางมาถึงชิบูย่า เนื่องด้วยที่นี่เปรียบเหมือนเป็นเมืองหลวงของวัยรุ่นนิฮงจิน จุดที่น่าสนใจสำหรับการเดินเล่นและเดินดูสินค้าต่างๆ ได้แก่
- Center Gai Street – ศูนย์กลางของชิบูย่า มีทั้งร้านขายเครื่องแต่งกายไปจนถึงร้านเครื่องเขียนและขายสินค้าทั่วไป นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและบาร์ให้เลือกอีกจำนวนมากด้วย
- Shibuya 109 – สถานที่ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าย่อยกว่าร้อยแห่ง วัยรุ่นผู้หญิงชาวญี่ปุ่นนิยมมาที่นี่เพื่อเลือกซื้อเครื่องแต่งกายตามแฟชั่นใหม่ๆ ราคาสินค้าก็ไม่แรงเกินไป ทำให้เข้าถึงได้ไม่ยากสำหรับนักเรียนมัธยม-มหาวิทยาลัย
- Parco – ห้างเก่าแก่ที่เพิ่งได้รับการ renovation และเปิดใหม่ในปี ค.ศ.2019 ปัจจุบันห้างนี้มีถึง 11 ชั้นและมีร้านรวงต่างๆ ถึง 200 ร้านด้วยกัน
- Shibuya Hikarie – อาคารที่เป็นทั้งห้าง และออฟฟิศ แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดมี Sky Lobby ที่ขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้ฟรีครับ
6. รับประทานอาหาร
ชิบูย่าเป็นย่านที่มีร้านอาหารจำนวนมาก และหลายแห่งมีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ทำให้เป็นตัวเลือกอันยอดเยี่ยมสำหรับใครที่อยากลิ้มลองอาหารรสชาติดี โดยที่ไม่ต้องทุ่มงบมากจนเกินไปนัก
นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่สวยๆ ที่เสิร์ฟอาหารว่างและของหวานราคาที่จับต้องได้อีกด้วยครับ แต่นอกเหนือจากตัวเลือกราคาประหยัดแล้ว แน่นอนว่าร้านอาหารระดับ upscale ก็มีเช่นกัน
สำหรับใครที่หลงรักเนื้อย่าง แน่นอนว่าคุณต้องไปเยือน Niku Yokocho ที่ถนน Center Gai เพราะที่นี่มีร้านเนื้อ 28 ร้าน ซึ่งเสิร์ฟเนื้อหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ยากิโทริ ยากินิคุ เทปันยากิ ไปจนถึงซูซิเนื้อดิบครับ
7. สัมผัสแสงสียามค่ำคืน
ไนท์คลับและสถานที่เที่ยวตอนกลางคืนของชิบูย่านั้นมีชื่อเสียงไม่แพ้รปปงหงิ ดังนั้นถ้าคุณเป็นนักเต้นเท้าไฟ หรือว่าชื่นชอบในแสงสีตอนกลางคืน ชิบูย่าก็มีไนท์คลับหลายแห่งเพื่อการนี้ครับ
References
- Go Tokyo
- Niku Yokocho Official Site